ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันจันทร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2556

'ไรเดอร์ พลัส' ลั่นกลองรบ ปูพรมลุยขายวัสดุปรับปรุงดิน







Image (Mobile)


ได้ฤกษ์แล้วเปิดตัว "ไรเดอร์ พลัส" วัสดุปรับปรุงดินน้องใหม่ขายตรงภายใต้แบรนด์ "อาชาทอง" แล้ว ประกาศนโยบายเจาะกลุ่มเกษตรกร นำร่องโซนปักษ์ใต้ พร้อมกางแผนงาน ลุยเทกโอเว่อร์โรงงานผลิตสินค้าเกษตรร่วมหุ้นส่วน โชว์ทุนจดทะเบียนภายในปีนี้ เตรียมเพิ่มทุนเป็น 20 ล้านบาท หวังขยายธุรกิจ


ตั้งเป้าหมายปีหน้า 200 ล้านบาท


นายปานวัฒน์ กูรมาภิรักษ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไรเดอร์ พลัส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้เตรียมความพร้อมในการดำเนินธุรกิจวัสดุปรับปรุงดินภายใต้แบรนด์ "อาชาทอง" ว่า ในช่วงที่ผ่านมา ได้มีการเตรียมความพร้อมช่วงเดือนกรกฏาคม 2555 ในการก่อตั้งบริษัทฯ จนได้จดทะเบียนเสร็จช่วงเดือนสิงหาคมปีที่ผ่านมา


ขณะเดียวกัน ในช่วงที่อยู่ระหว่างการจดทะเบียน บริษัทฯ ได้ยื่นเรื่องไปยังทางสำนักคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เพื่อดำเนินการดำเนินธุรกรรมทางด้าน MLM โดยช่วงเดียวกัน บริษัทฯ ยังได้ไปทดสอบตลาดเรื่องของตัวสินค้า โดยฉพาะในการพบปะชาวบ้าน และติดต่อผู้ประกอบการโรงงานที่ดำเนินการผลิตผลทางการเกษตร เพื่อขอความร่วมมือเป็นหุ้นส่วน ซึ่งยอมรับว่า การเดินสายช่วงที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีกับทางกลุ่มเกษตรกร


"ต้องยอมรับว่า ก่อนเปิดตัวบริษัทฯ ครั้งนี้ เรามีการวางแผนกันมาอย่างดี โดยเฉพาะการเริ่มเอาสินค้าของบริษัทฯ ไปทดสอบโดยนำสินค้าให้ชาวนาลงดิน และได้รับผลตอบรับอย่างดีมาก โดยเฉพาะในโซนภาคใต้ รวมไปถึงตัวทีมงาน สำนักงานใหญ่ ซึ่งขณะนี้ สำนักงานของเราก็เสร็จไปกว่า 90% แล้ว และอีกไม่นานก็จะเสร็จสมบูรณ์เต็มระบบ


เทกโอเว่อร์รง.แปลงสภาพหุ้นส่วน


นายปานวัฒน์กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าล่าสุด บริษัทฯ ได้เข้าไปเทกโอเวอร์โรงงานที่ผลิตสินค้าทางการเกษตร ซึ่งตนเองจะเข้าไปถือหุ้นสัดส่วน50% และอีก50% เป็นของผู้ถือหุ้นเดิมของโรงงาน โดยตามแผนงานของบริษัทฯ นั้น จะขยายโรงงานให้ใหญ่เพิ่มขึ้นในอีก 3 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ เนื่องจากพื้นที่โรงงานดังกล่าวมีพื้นที่ 20 ไร่ ทำให้บริษัทฯ ต้องมีการขยายโรงงานเพิ่มขึ้น และส่วนที่เหลือจากการขยายพื้นที่โรงงานนั้น บริษัทฯ จะนำไปใช้เป็นแปลงสาธิตปลูกข้าวประมาณ 5 ไร่ ซึ่งจากการขายพื้นที่โรงงานตรงนี้ บริษัทฯ คาดว่าจะใช้เม็ดเงินประมาณ 10 ล้านบาท


อย่างไรก็ตาม ในส่วนของทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ นั้น ขณะนี้บริษัทฯได้จดทะเบียนไว้ที่ 5 ล้านบาท ซึ่งภายในสิ้นปีนี้บริษัทฯ เตรียมจะเพิ่มทุนจดทะเบียน เพิ่มขึ้นเป็น 20 ล้านบาท โดยจะเชิญกลุ่มทุนโรงงานเข้ามาถือหุ้นของบริษัทฯ โดยตนเองจะถือหุ้น 65% ส่วนอีก 35% จะกระจายสัดส่วนการถือหุ้นให้กับกลุ่มโรงงานและผู้บริหารของบริษัทฯ เรา


จัดโครงสร้างธุรกิจ 2 รูปแบบ


นายปานวัฒน์กล่าวต่อว่า สำหรับแผนการดำเนินงานในตัวธุรกิจของบริษัทฯ นั้น ซึ่งบริษัทฯได้จัดแบ่งธุรกิจออกเป็น 2 รูปแบบ คือ 2 ระบบ ใน 1 บริษัทฯ กล่าวคือ คิดจะเป็นเถ้าแก่ก็ต้องอยู่ในระบบซิงเกิ้ล (Single) หรือใช้เป็นระบบสิทธิพิเศษ


ขณะที่ระบบ Binary จะมีการจ่ายโครงสร้างออกเป็น 4 ข้อ โดยข้อแรก จะเป็นโหมดค่าแนะนำ 2.การบริหารทีม 3.ระบบแมทชิ่งหรือระบบรายได้เสริมให้กับผู้บริหาร และ 4. ระบบรายได้ประจำ ซึ่งระบบดังกล่าวนี้ จะมีรายได้จากกองทุนของบริษัทฯที่จะจ่าย โดยเริ่มต้นที่ 5 พันบาท ไปกระทั่งถึง 2.5 แสนบาท


ขณะที่ระบบโมบาย ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยในกระบวนการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ โดยเฉพาะในแง่ทางการเกษตร ซึ่งจะเป็นระบบที่ไม่ต้องลงทุน โดยสามารถขยายตลาดได้ ซึ่งชาวนาที่เป็นสมาชิกของบริษัทฯ จะสามารถนำสินค้าของบริษัทฯ ออกไปจำหน่ายสู่ท้องตลาดได้ หลังจากนั้น ค่อยมาเคลียร์ปิดบัญชี โดยในระบบโมบายนี้ เปรียบเทียบกับการจ่ายค่าน้ำมันรถ หากขายสินค้าได้ ก็จะเป็นคะแนน


นายปานวัฒน์ยังกล่าวต่อว่า สำหรับงบการลงทุน โดยเฉพาะในการก่อตั้งบริษัทฯ นั้น ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทฯ ใช้เม็ดเงินประมาณ 8 ล้านบาท และเม็ดเงินที่ใช้ในการสร้างโรงงานผลิตสินค้า ซึ่งตั้งอยู่ที่จังหวัดลำปางประมาณ 20 ล้านบาท โดยโรงงานดังกล่าวจะใช้เป็นสถานที่ผลิตสินค้าทางการเกษตรอย่างเดียว ขณะที่สินค้ากลุ่มความงามนั้น จะเป็นการนำเข้าจากต่างประเทศ โดยสัดส่วนสินค้าของบริษัท 70% จะเป็นสินค้าทางการเกษตร และอีก 30% จะเป็นสินค้าอื่นๆ


โฟกัสปักษ์ใต้


นายปานวัฒน์ยังกล่าวต่อว่า ในส่วนของโซนภาคใต้ ยอมรับว่า ได้รับการตอบรับอย่างดีมาก ทำให้บริษัทฯ ได้นำร่องเอาสินค้าไปยังภาคใต้มากกว่าภาคอื่นๆ เนื่องจากว่า ประชาชนส่วนใหญ่จะปลูกต้นไม้ยืนต้น โดยเฉพาะสวนปาล์ม ยางพารา และโดยส่วนตัวก็มีสวนปาล์ม ยางพารา กาแฟ ซึ่งจะทำลักษณะนักธุรกิจทำสวน โดยปีแรกเราตั้งเป้าสินค้าเกษตร 1 พันตัน ขณะเดียวกัน เรามีสมาชิกที่เป็นเจ้าของทางการเกษตรอยู่ในมือประมาณ 200 กว่าราย โดยนโยบายของบริษัทฯ จะมุ่งเชื้อเชิญเจ้าของสวนที่มีพื้นที่ตั้งแต่ 100 ไร่ขึ้นไปมาร่วมหุ้นส่วนกัน


ขณะที่ภาคอีสาน เราไปบึงกาฬและนครพนม โดยเราโฟกัสที่ยังสถานที่ที่มีสวนยางพารา อย่างเดียว ทั้งนี้ ในส่วนของเป้าหมายปีแรก บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 15 ล้านบาท แต่ในปีหน้าที่จะถึงนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 200 ล้านบาท เนื่องจากว่า ในปีนี้เป็นปีที่เราเพิ่งเริ่มต้นกับธุรกิจ และที่สำคัญ ระยะเวลาในการวางแผนงานนั้น เหลือเพียง 6 เดือนเท่านั้น


อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการกระจายสินค้าวัสดุเสริมดินนั้น โดยในช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ลงไปแล้วกว่า 600 ตัน คาดว่า สิ้นปีนี้ จะสามารถกระจายสินค้าได้เกิน 1 พันตันได้อย่างแน่นอน


จัดกิจกรรมสร้างแบรนด์


ด้านนายกฤษณะพล คังดงเค็ง ประธานกรรมการฝ่ายการจัดการ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในแง่กลยุทธ์ทางการตลาด ช่วงที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้มุ่งเน้นในเรื่องการสร้างแบรนด์ เพื่อสร้างการรับรู้และความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าผ่านกิจกรรมหลากหลายรูปแบบ ที่จัดขึ้นร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การเข้าร่วมงาน เดอะมอลล์ พฤกษาสยาม ครั้งที่ 14 ที่เดอะมอลล์ บางกะปิในช่วงต้นเดือน พ.ค. ที่ผ่านมาของทาง บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด


ล่าสุด ได้เข้าร่วมเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนหลักงาน 7th Siam Paragon Bangkok Royal Orchid Paradise รักษ์กล้วยไม้ รักษ์แผ่นดิน เฉลิมพระเกียรติ 81 พรรษา บรมราชินีนาถ ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 6-12 มิ.ย. 56 ณ สยามพารากอนของทาง บริษัท สยามพารากอน ดีเวลลลอปเม้นท์ จำกัด ซึ่งกิจกรรมต่างๆ ที่ทางบริษัทฯ เข้าไปร่วมสนับสนุนร่วมกับองค์กรขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงในระดับประเทศ นอกเหนือจากการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายแล้ว ปัจจัยสำคัญอีกส่วนหนึ่งคือ การนำร่องธุรกิจ เพื่อเปิดทางให้สมาชิกหรือผู้จำหน่ายอิสระ ที่เข้ามาร่วมงานกับทางบริษัทฯ เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและสามารถขยายตลาด ก้าวไปสู่ความสำเร็จได้ง่ายยิ่งขึ้น


"นโยบายหลักที่สำคัญอีกส่วนหนึ่งคือ บริษัทฯ จะพยายามสร้างอาวุธทางการตลาดให้กับสมาชิกหรือผู้จำหน่ายอิสระ สามารถทำงานได้ง่ายขึ้น เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ และสามารถสร้างเครือข่ายที่มีความมั่งคงและยั่งยืนได้ไม่ยาก โดยที่บริษัทฯ จะเป็นผู้นำร่องซัพพอร์ตสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น กิจกรรมส่งเสริมการขายด้านการตลาด, สื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์, กิจกรรมเพื่อสังคม, การสร้างโมเดลการเรียนรู้ธุรกิจในแต่ละพื้นที่ฯลฯ ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้จะถูกวางแผนการทำงานอย่างเป็นระบบผ่านฝ่ายสื่อสารองค์กรของทางบริษัทฯ ที่จะมีหน้าที่ดูแลภาพลักษณ์องค์กร และสร้างกิจกรรมทางการตลาดใหม่ๆ ออกมาช่วยสมาชิกขับเคลื่อนธุรกิจให้ก้าวไปข้างหน้า"





Credit By :http://www.ryt9.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น