ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันอังคารที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2556

รู้เขา...รู้เรา!! สแกนพลังงานขายตรงไทย เดินหน้าปักธงรบตลาด AEC







630 (Mobile)


เป็นอีกหนึ่งช่วงสำคัญการเปลี่ยนแปลงครั้งประวัติศาสตร์ไทยที่จะเกิดขึ้นในปี 2558 (ปี ค.ศ. 2015)ของการเปิดประตูสู่ ประชาคม เศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community : AEC) ซึ่งเป็นการรวมตัวกันทางเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค และถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของประเทศในแถบอาเซียนที่มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาเศรษฐกิจร่วมกันของประเทศภาคีสมาชิกอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ ได้แก่ 1. ประเทศไทย 2.อินโดนีเซีย 3.มาเลเซีย 4.สิงคโปร์ 5.บรูไน 6.ฟิลิปปินส์ 7.เวียดนาม 8.ลาว 9.พม่า และ10.กัมพูชาเพื่อก้าวไปสู่ การรวมตัวกันเป็นประชาคมอาเซียนภายในปี 2558 ซึ่งการหลอมรวมพลังครั้งนี้เพื่อช่วยกันยกมาตรฐานสินค้าภายใต้กฎระเบียบเดียวกัน


เพื่อเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีที่จะเกิดขึ้นกับธุรกิจทั่วไป และรวมถึง ธุรกิจเครือข่าย ที่นับเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่สำคัญของการสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติ เวลานี้ได้มีการปักธงรบและขยับตัวเองในการวางแนวทางการทำงานให้สอดรับกับตลาดใหม่นี้ย่างคึกคัก


อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก AEC เป็นตลาดที่น่าจับตามองของนักธุรกิจทั่วทุกมุมโลก และเวลานี้แม้จะยังไม่เปิดอย่างเป็นทางการแต่ก็มีบริษัทขายตรงที่เล็งเห็นความสำคัญได้วางแผนเข้าไปรุกตลาด อาเซียนกันล่วงหน้าในหลายประเทศกันแล้ว หรือหากจะไล่เรียงมาตั้งแต่ขายตรงเบอร์หนึ่งสัญชาติไทย นัมเบอร์วัน


บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด เวลานี้ได้ตระเตรียมตัวเองด้วยการเร่งขยายอาณาจักรตัวเองเปิดตัวรุกตลาดอาเซียนมาระยะหนึ่งก่อนหน้านี้โดยนำร่องในเฟสแรกขยายธุรกิจไปยังตลาดประเทศพม่า กัมพูชาและมาเลเซีย อีกทั้งได้เล็งทำเลทองต่อเนื่องอีกหลายประเทศ หรือหากเป็นในส่วนของเนื้องานที่ได้วางไว้นั้นกิฟฟฟารีนเองก็ได้มีการเตรียมแผนงานรองรับ กับ AEC ไว้อย่างดิบดีนั้นก็คือแผนแรกการเฟ้นหาสินค้าที่เหมาะสมกับประเทศใดในกลุ่มอาเซียน ต่อมาแผนที่สองวิธีการทำตลาดทั้งในเรื่องของการส่งออกและการนำเข้าให้สอดรับกับประเทศนั้นๆและทุกอย่างต้องมีการปรับตัวและตามให้ทันกับโอกาสที่ดีทางธุรกิจในอนาคตข้างหน้าที่สำคัญ คือการเร่งพัฒนาศักยภาพการทำงานของนักธุรกิจกิฟฟารีนให้สามารถบุกตลาดดังกล่าวได้อย่างมั่นใจ


ยักษ์ขายตรงต่อมา บริษัทนู สกิน เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ยังคงเดินหน้าอัดแน่นกลยุทธ์การตลาดรวมถึงกิจกรรมส่งเสริมการตลาดที่เข้มข้นกว่าเดิมเพื่อกระตุ้นยอดสมาชิกใหม่ให้เกิดขึ้น โดยจะมุ่งให้ความสำคัญในการสร้างโอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunity) เพื่อขยายฐานผู้บริโภคกลุ่มคนรุ่นใหม่และเพิ่มจำนวนผู้ทำธุรกิจให้มากขึ้นทั้งนี้เพื่อรองรับการขยายตลาดสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) อย่างเต็มกำลังโดยยังคงจุดยืนที่มุ้งเน้นการชู นวัตกรรมแห่งการชะลอวัย ผ่านผลิตภัณฑ์ระดับคุณภาพ ภายใต้เทคโนโลยีเอจล็อคเพื่อย้ำภาพผู้นำด้านผลิตภัณฑ์ต่อต้านความชรา พร้อมทำการตลาดแนวรุกเพิ่มช่องทางการสื่อสาร MASS Communication ภายใต้แนวคิด Live Young, Feel Young เพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคทั่วไป โดยมีเป้าหมายความสำเร็จปีนี้ด้วยยอดขายเติบโตเพิ่มขึ้น 20 % และเพื่อแสดงถึงความท้าทายอีกขั้นที่จะทำให้นู สกิน ก้าวสู่ความสำเร็จพิชิตยอดขายที่ 5,000 ล้านบาทในอีก 3 ปีข้างหน้าตามที่เคยประกาศไว้


ข้ามห้วยมาที่ดงขายตรงย่านรัชดา บริษัท จอยน์ แอนด์ คอยน์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด


ก็ได้ขับเคลื่อนอย่างเต็มกำลังโดยในช่วงแรกบริษัทจะเข้าไปลงทุนเฉพาะประเทศที่ติดกับไทยเป็นหลักก่อนเพราะต้องการให้ไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคนี้ โดยรูปแบบของการเข้าไปลงทุนในต่างประเทศนั้นจะขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละประเทศ เช่นในพม่าอาจะต้องตั้งบริษัทร่วมทุนขึ้นมาระหว่าง J&C กับนักลงทุนในประเทศ แต่ในกัมพูชาบริษัทสามารถเข้าไปถือหุ้นได้ 100 % เลย ส่วนในลาวอาจจะเข้าไปถือหุ้นร่วมกับบริษัทในประเทศตามสัดส่วนที่รัฐบาลกำหนด เช่นเดียวกับในมาเลเซียที่มีนักลงทุนท้องถิ่นเข้ามาถือหุ้นด้วย แต่การบริหารจัดการทั้งหมดก็ยังเป็นบริษัทในไทย


ลุยสุดตัวไม่แพ้กันสำหรับ ยักษ์ขายตรงสัญชาติไทยแท้ บริษัท นีโอ ไลฟ์ อินเตอร์ เนชั่นแนล จำกัด หลังประสบความสำเร็จด้วยยุทธศาสตร์การตลาดแบบป่าล้อมเมืองที่ทำให้บริษัทประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามมีผู้นำขึ้นรับรางวัลต่อเดือนนับพันคน และเพื่อสานต่อเป้าหมายใหญ่ของการรุกตลาดเออีซีเพื่อสร้างอาชีพให้กับคนทั่วโลก ทำให้ปัจจุบัน นีโอไลฟ์ฯ ได้มองการณ์ไกลเริ่มมีการขยายธุรกิจของบริษัทออกไปสู่พี่น้องประเทศเพื่อนบ้านในแถบภูมิภาคอาเซียน สู่ประเทศลาว เวียดนาม กัมพูชา สิงคโปร์ จีน (เซี่ยงไฮ้) การดำเนินงานของบริษัทมีความคาดหวังว่าจะเป็นธุรกิจขายตรงของคนอาเซียนที่จะร่วมกันสร้างอนาคตที่ดี พัฒนาเศรษฐกิจของประเทศกลุ่มอาเซียนของเราให้มีความเจริญก้าวหน้าและให้ประชาชนของเรากินอยู่ดียิ่งๆขึ้นไป


เดินหน้าตอกย้ำความแข็งแกร่งทางธุรกิจก้าวสู่ปีที่ 11 ได้เป็นอย่างดีสำหรับ บริษัทยูนิซิตี้ มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด นับเป็นการสร้างความเชื่อมั่นที่เห็นได้ชัดเจนว่าตลาดประเทศไทยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมๆกับการประกาศให้ทั่วโลกได้รู้ถึงความยิ่งใหญ่ทางธุรกิจด้วยการขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้นในปีนี้ ล่าสุดยูนิซิตี้ได้เตรียมพร้อมเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนด้วยการเปิดสำนักงานยูนิซิตี้ประจำประเทศเวียดนาม เมืองฮานอย และประเทศกัมพูชา กรุงพนมเปญ อีกทั้งได้เตรียมขยายต่ออีกหลายประเทศในเขตอาเซียน ซึ่งนับว่าเป็นการขยายฐานธรกิจของยูนิซิตี้ประจำประเทศเวียดนาม เมืองฮานอย และประเทศกัมพูชา กรุงพนมเปญอีกทั้งได้เตรียมขยายต่ออีกหลายประเทศในเขตอาเซียน ซึ่งนับว่าเป็นการขยายฐานธุรกิจของยูนิซิตี้ เพื่อเปิดโอกาสให้ประชากรในประเทศนั้นๆ มีรายได้รวมทั้งความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น พร้อมทั้งเตรียมความพร้อมของการทำงานร่วมกันของเครือข่ายยูนิซิตี้ในประชาคมอาเซียน เพื่อช่วยกันขับเคลื่อนยูนิซิตี้ไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ ทางด้าน


บริษัท ซินเนอร์จี้ เวิลด์ไวด์ มาร์เก็ตติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด


ประกาศขอปูทางสู่ประชาคมอาเซียน โดยร่วมมือกับประเทศ สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ ฮ่องกงและทั้งประเทศไทยร่วมกันผลักดันความยิ่งใหญ่ทางธุรกิจให้เกิดขึ้นอย่างชัดเจน โดยปัจจุบันได้ใช้ฐานประเทศสิงคโปร์เป็นฮับ หรือศูนย์กลางกระจายสินค้าที่สำคัญของซินเนอร์จี้ นอกจากนี้เพื่อสร้างความคุ้นเคยให้แก่นักธุรกิจได้เรียนรู้ในเรื่องของสินค้า เพิ่มเติมบริษัทได้มีการจัดกิจกรรมพิเศษ ทริปเดินทางไปสัมมนาที่ประเทศสิงคโปร์อย่างต่อเนื่องให้ได้เรียนรู้เกี่ยวกับสินค้าเพิ่มเติม กับทางผู้เชี่ยวชาญให้สามารถแนะนำและขยายธุรกิจในประเทศไทยมากขึ้น ถือเป็นการเตรียมตัวในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน


ส่วนข้ามชาติ บริษัท อาเจล อินเตอร์ เนชั่นแนล จำกัด แม้ว่าจะเจออุปสรรคทางธุรกิจหลายระลอก แต่ก็ยังยืนหยัดต่อสู้ได้ถึงทุกวันนี้ถือเป็นบทพิสูจน์ให้เห็นว่าอาเจลนั้นมีดีเช่นกัน ซึ่งกลยุทธ์ของอาเจลต่อจากนี้ไปเพื่อให้สมาชิกสามารถออกไปขยายธุรกิจได้ง่าย ได้วางแนวทางการทำงานที่ยังคงเน้นการทำงานพื้นฐาน เช่น การจัด Small Group Meeting และการจัดหลักสูตรฝึกอบรมต่างๆ เพื่อสร้างสายเลือดใหม่ของอาเจลขึ้นมา โดยคาดว่าจะใช้เวลา 2 ปีในการเติบโตอย่างมั่นคงและทันช่วงเปิด AEC (ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน) ในปี 58 อย่างพอดิบพอดี


อีกหนึ่งค่ายคลื่นลูกใหม่มาแรง บริษัท ดีเน็ทเวิร์ค เวิลด์ไวด์ จำกัด หลังโชว์ไม้เด็ดยุทธศาสตร์การตลาดแบบคลื่นกระทบฝั่งดันธุรกิจเติบโตอย่างรวดเร็วแล้วยังได้เดินหน้าพัฒนาตัวเอง ด้วยการเปิดการค้าเสรีที่จะเกิดขึ้นอย่างน่าสนใจ โดยเฉพาะเรื่องระบบไอที ทีได้ทุ่มงบราว 10 ล้านบาทพัฒนารอบด้าน จำทำสื่อข้อมูลบริษัท ผ่านทางเว็บไซต์รวมทั้งสิ้น 12 ภาษาด้วยกัน อีกทั้งยังได้เตรียมปรับปรุงและพัฒนาส่วนของฐานข้อมูลรายชื่อสมาชิกอย่างชัดเจนกว่าเดิม สามารถแยกสมาชิกต่างชาติ ทั้งนี้เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการตรวจสอบรายชื่อหรือสานต่อธุรกิจที่รวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งโปรแกรมที่จะลงใหม่นี้สามารถลองรับได้ถึง 100 ล้านรหัส ด้านขายตรงน้องใหม่ผู้บริหารมือเก๋า บริษัท นิว ไลฟ์ เวิลดฺ ไวด์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ได้ให้ความสำคัญในการส่งเสริมนวัตกรรมใหม่ที่จะมีบทบาทสำคัญในการเปิดรับ AEC และการตลาดในยุคดิจิทัล ด้วย Application อัจฉริยะที่สมบูรณ์ที่สุดในเครือข่ายขายตรงไทย สมาชิกสามารถ สปอนเซอร์ เช็คยอด และสั่งซื้อสินค้าผ่าน Application ทั้งบนมือถือ และแท็บเลต ระบบ IOS จึงทำให้สมาชิกสามารถทำงานได้ทุกที่ ทุกเวลา ทั่วมุมโลก และบริษัท บีดับเบิลยูแอล (ประเทศไทย) จำกัด (BWL) ก็คึกคักไม่แพ้กันหลังจากที่เวลานี้ผู้บริหารบริษัทแม่ประเทศ สิงคโปร์ ได้เปิดไฟเขียวรอรับไว้อยู่แล้ว ด้วยการขยับส่วนของสำนักงานใหญ่ ตลอดรวมถึงการขยายโกดังเก็บสินค้าและระบบขนส่งที่คล่องตัวมากยิ่งขึ้น เพราะเชื่อมั่นว่าหากบริษัทขายตรงรองรับการทำงานที่ครอบคลุม มีระบบไอทีที่ดี ก็จะได้เปรียบทางธุรกิจและนำไปสู่การสร้างรายได้ที่เพิ่มมากขึ้น อีกทั้งเวลานี้บริษัทได้มีการบอกต่อสมาชิกหรือผู้นำให้มีความเตรียมพร้อมรอบด้านที่จะเปิดรับการแข่งขันทางการตลาดอย่างเสรีด้วยเช่นกัน


แลดูคึกคักตั้งแต่ต้น สำหรับน้องใหม่ทุนหนา บริษัท พระรามเก้าเน็ตเวิร์ค จำกัด ที่ได้วางเป้าสร้างกระแสความรับรู้ทางด้านผลิตภัณฑ์เป็นหลัก ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทได้เตรียมนำเสนอผลิตภัณฑ์ออกไปขยายตลาดในประเทศลาว และกัมพูชาโดยร่วมกับภาครัฐในการออกบูทในประเทศดังกล่าว อย่างเช่นเมื่อต้นเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมาได้ไปอออกบูทร่วมกับภาครัฐในงาน Thailand Trade Exhibition 2013 ณ Diamond Island Convention & Exhibition Center กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ต่อด้วยกลางเดือนเดียวกันนี้ ในงาน Thailand Health & Beauty Zone ณ ศูนย์แสดงสินค้าลาว-ไอเทค และต้นเดือนกรกฎาคม 2556 ในงาน Lao-Thai Trade Fair 2013 ณ ศูนย์แสดงสินค้าลาว-ไอเทค นครหลวงเวียงจันทร์ สปป.ลาว ตลอดจนขายตรงน้องใหม่ บริษัท วิลเลนดรยอฟ จำกัด แม้จะเพิ่งเข้ามาลิ้มลอง ตลาดขายตรง แต่นับได้ว่าเป็นการขับเคลื่อนธุรกิจ ประหนึ่งมืออาชีพ ซึ่งเป็นเพราะว่าได้คลุกคลีในการทำตลาดเครื่องสำอางมานานและรู้ถึงความต้องการทางตลาดได้เป็นอย่างดี ส่วนการเตรียมความพร้อมในการขยายตลาดออกไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศในเขตประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) เช่น สปป.ลาว,พม่าและกัมพูชานั้นเนื่องจากฐานตลาดกลุ่มลูกค้าในประเทศดังกล่าวยังไม่ค่อยคุ้นเคยการทำธุรกิจแบบขายตรง ดังนั้นกลยุทธ์ในช่วงแรกของการเข้าไปรุกตลาดในกลุ่มประเทศดังกล่าวจะทำในลักษณะขายตรงชั้นเดียวไปก่อน ภายใต้แบรนด์ใหม่ เพื่อเป็นการปูฐานผู้บริโภคไว้ก่อน ซึ่งเมื่อเปิด AEC บริษัทก็เพียงแค่ปรับเปลี่ยนรูปแบบจากขายตรงชั้นเดียวมาเป็นขายตรงหลายชั้น


ทิ้งท้ายดูความพร้อมธุรกิจขายตรงชั้นเดียว(SML) แบรนด์ดังอย่าง มิสทีน บริษัทบทเตอร์เวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ขณะนี้ก็ได้ทุ่มสุดตัวซึ่งหลังจากที่เริ่มขยายตลาดเข้าพม่าเมื่อ 10 ปีที่แล้วมียอดขาย 500 ล้านบาท คาดว่าปีนี้จะเพิ่มเป็น 600 ล้านบาท ล่าสุดเตรียมจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับพาร์ทเนอร์นักธุรกิจลาวตั้งบริษัทใหม่ที่ประเทศลาวพร้อมทั้งจะมีการเปิดโชว์รูมเพื่ออำนวยความสะดวกในการให้บริการกับผู้บริโภค และในขณะนี้บริษัทกำลังศึกษาแผนการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศเพิ่มเติม และคาดว่าในช่วงกลางปีนี้บริษัทจะมีการขยายธุรกิจไปยังประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียง เพื่อรองรับเออีซี ด้วยเช่นกัน โดยจะพิจารณาถึงความพร้อมในส่วนของวัตถุดิบ เพื่อลดต้นทุนได้มากกว่า 10% ขึ้นไปถึงจะสามารถลงทุนได้


ที่กล่าวมานี้ เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของบริษัทขายตรงที่มีความตื่นตัวทางธุรกิจในการเตรียมรุกตลาดเออีซีที่จะเกิดขึ้นอย่างเป็นทางการในอีก2ปีข้างหน้า เพื่อสานต่อความยิ่งใหญ่ของธุรกิจขายตรงไทย เราขอเป็นกำลังให้กับทุกค่ายและทุกคนในการประกาศให้โลกได้รับรู้ว่าธุรกิจขายตรงไทย...ยิ่งใหญ่ไม่แพ้ชาติใดในโลก





ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย นสพ.Leader Time ฉบับที่ 224 ประจำวันที่ 1-15 มิถุนายน 2556


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น