ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันจันทร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2556

เผยขุมทรัพย์แดนมังกร โอกาส(ขุด)ทองขายตรง







china-managed-services (Mobile)


ภาพของประเทศจีนถูกจับตามองในฐานะเป็นประเทศมหาอำนาจในเกือบทุกๆ ด้าน ด้วยเนื้อที่ 9.6 ล้านตารางกิโลเมตร จำนวนประชากร กว่า 1.3 พันล้านคน ทำให้เป็นที่หมายปองของกลุ่มทุนต่างๆ ที่อยากเข้าไปจับจองพื้นที่ลงทุนทำธุรกิจ ธุรกิจขายตรงเองแม้ว่าที่ผ่านมาหากอยากเข้าไปทำธุรกิจในจีนจะต้องทำในรูปแบบค้าปลีก เพราะกฏหมายอันเข้มงวดและการต่อต้านขายตรง


แต่จากนี้ต่อไป จีนที่เริ่มเปิดประเทศให้พื้นที่นักลงทุนต่างชาติเข้ามาค้าขายและลงทุนไม่เว้นแม้แต่ขายตรง ขณะนี้แม้ว่าจีนยังไม่เผยกรงเล็บให้เห็น แต่แนวโน้มการเพิ่มขึ้นของยอดขายและจำนวนของพนักงานขาย โดย สมาพันธ์การขายตรงโลก หรือ World Federation of Direct Selling Associations: WFDSA ประมาณการว่าส่วนแบ่งการตลาดขายตรงเพิ่มขึ้นร้อยละ 1 จากปี 2010 ยอดขายการตลาดแบบตรงในประเทศเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ16.2 มีมูลค่าตลาดกว่า 16.3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ


นายทรูแมน ฮันท์ ประธานสมาพันธ์การขายตรงโลก คาดการณ์ว่า ในอีก 5-10 ปีข้างหน้านี้ ธุรกิจขายตรงในจีนจะเป็นอันดับ 2 แทนที่ญี่ปุ่น ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่า 28,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขณะที่จีนจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯในอนาคตอันใกล้ เนื่องจากพบว่าคนในประเทศจีนในจำนวน 10 คน สนใจธุรกิจขายตรง 5 คน เมื่อเทียบกับไทย 2 ใน 10 คนเท่านั้นที่สนใจทำธุรกิจขายตรง


"จากปัจจุบันธุรกิจขายตรงทั่วโลกกำลังเผชิญกับความท้าทายทั้งจากผู้บริโภค ตลอดจนหน่วยงานที่ควบคุมดูแลกฎระเบียบ หรือกฎหมายขายตรง ทำให้ธุรกิจขายตรงถูกนำไปใช้ในทางผิดกฎหมาย หรือผิดศีลธรรม เช่น ปัญหาแชร์ลูกโซ่ซึ่งเกิดขึ้นในประเทศไทยหลากหลายรูปแบบ โดยพบว่าในประเทศจีนมีปัญหาเกี่ยวกับการทำธุรกิจขายตรงแอบแฝงมากที่สุด ดังนั้นตั้งแต่ 2545 -2549 ผู้ดำเนินธุรกิจขายตรงทั่วโลกใช้งบมูลค่า 332 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยเป็นเม็ดเงินที่เพิ่มขึ้นถึง 85% ในการสนับสนุนด้านการทำตลาดอย่างรับผิดชอบสังคม ทั้งนี้ส่วนหนึ่งเพื่อลบภาพลักษณ์ที่ดีในธุรกิจขายตรง" นายทรูแมน กล่าวการตัดสินใจซื้อของประเทศเกิดใหม่จำนวนมากทั่วทั้งภูมิภาค สอดคล้องกับการวิจัยของ McKinsey & Company ที่ว่า ชนชั้นกลางแผ่นดินใหญ่ของจีนคาดว่าจะขยายตัวประมาณร้อยละ 29 ของประเทศ หรือ 190 ล้านครัวเรือน ถึงร้อยละ 75 ของการคาดการณ์ หรือ 372ล้านครัวเรือนในปี 2025


มีการคาดการณ์ว่านูสกินจะทำรายรับในปี 2013 ประมาณ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยก่อนหน้านี้ตัวเลขดังกล่าวได้ประเมินว่าน่าจะทำได้ในปี ค.ศ. 2014 ซึ่งหมายความว่า นู สกิน สามารถสร้างยอดขายได้เร็วกว่าที่คาดถึงหนึ่งปีเลยทีเดียว ทั้งนี้ นูสกินได้ทุ่มงบลงทุนจำนวน 50 ล้านเหรียฐสหรัฐ ในเมืองเซี่ยงไฮ้โดยใช้ชื่อว่า Nu Skin Innovation Park ซึ่ง ณ ที่แห่งนี้จะกลายเป็นฐานบัญชาการแห่งใหม่ หรือ สำนักงานใหญ่แห่งแรกที่ตั้งอยู่นอกประเทศสหรัฐอเมริกา


อย่างไรก็ดี ได้มีการคาดหมายว่าเมืองเซี่ยงไฮ้แห่งนี้จะมีปริมาณประชากรขยายตัวเพิ่มเติมมากขึ้น จาก 14% เป็น 25% ภายในระยะเวลา 20 ปีข้างหน้าขยายตลาดออกไปสู่ประเทศอาเซียนมากขึ้น ขณะนี้เริ่มขยายช่องทางการจำหน่ายผ่านไปทางประเทศไต้หวัน ประเทศลาว ซึ่งกำลังสร้างเป็นประเทศ ต้นแบบ ถ้าหากสำเร็จก็จะขยายไปยังประเทศพม่า และเวียดนาม ซึ่งจุดหมาย ปลายทางที่เป็นหัวใจหลักอยู่ที่ประเทศจีน หากเจาะตลาดประเทศจีนได้ประมาณ 10% ของจำนวนประชากรทั้งหมดก็ถือว่าเป็นตัวเลขที่มหาศาล


"การเจาะตลาดอาเซียนทางประเทศเวียดนามได้ ก็จะสามารถเข้าไป ทางเมืองคุนหมิง ประเทศจีนได้ ซึ่งขณะนี้ก็มีแม่ทีมบางรายที่เริ่มเจาะตลาด เข้าไปได้เป็นแบบกองทัพมด แต่หากมีการดำเนินงานอย่างจริงจังคาดว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้คงไม่ไกลเกินเอื้อม เนื่อง จากบริษัทคาดว่าจะมีการขยายตัวทางด้านตลาดอาเซียนอย่างจริงจังในปี 2558-2559 เพราะขณะนี้บริษัทมีฐานของผู้บริโภคอยู่ส่วนหนึ่งแล้ว" นายเทวัญ กล่าว




Credit By :http://www.ryt9.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น