![]() |
ภาพความสำเร็จของผลิตภัณฑ์ยาบำรุงร่างกาย ยาเกร็กคู ถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ใช้ ระยะเวลาเพียงแค่ข้ามคืนเท่านั้น ก็เป็นที่รู้จักกันทั้งบ้านทั้งเมือง แต่เบื้องหลังความสำเร็จ ในการจดจำแบรนด์ของผู้บริโภคได้นั้น ไม่ใช่เกิดจากความบังเอิญ แต่เกิดจากการวางแผน อันแยบยลของนักการตลาดระดับแถวหน้าของประเทศอย่าง พัฒน์ชรัช รัตนศุทธพบูลย์ หรือที่รู้จักกันในนาม อ.ทศพร ตาทิพย์
ด้วยจุดแข็งและความได้เปรียบในหลายๆ ด้าน ทำให้แบรนด์ผลิตภัณฑ์ยาบำรุงร่างกายเกร็กคู มีความแข็งแกร่ง ผสานกับบุคลิกที่โดดเด่น บวกกับความ ตั้งใจจริงของ อ.ทศพร ตาทิพย์ ที่ต้องการจะช่วยเหลือผู้คนให้มีสุขภาพที่ดี จึงทำให้ผลิตภัณฑ์ยาเกร็กคูมียอดขายดีวันดีคืนทะลุ 3 แสนกล่องต่อเดือน และ คาดกันว่าภายในสิ้นปี 2556 นี้ยอดขายน่าจะทะลุ 1 ล้านกล่องอย่างแน่นอน
วันนี้คอลัมน์ Visit CEO ได้รับเกียรติจาก พัฒน์ชรัช รัตนศุทธพบูลย์ หรือ อ.ทศพร ตาทิพย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท บัวทองเอ็กซ์ซิบิชั่น กรุ๊ป จำกัด ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยาบำรุงร่างกายภายใต้ชื่อ ยาเกร็กคู ให้สัมภาษณ์พิเศษถึงแนวทางการทำตลาดผลิตภัณฑ์ยาบำรุงร่างกายชื่อดังว่า ก่อนหน้าที่ยาเกร็กคูจะมีชื่อโด่งดังในปัจจุบัน เกิดจากตัวสินค้าที่มีคุณภาพจริงๆ ภายใต้แนวคิด สินค้านำการตลาด จากนั้นค่อยมาสร้างแบรนด์ให้คมลึก และ ชัดเจน ด้วยการที่อยู่ในวงการตลาดยามานานกว่า 7 ปี ทำให้เป็นที่ยอมรับของลูกค้าที่ได้ใช้สินค้าแล้วเห็นผลชัดเจน เช่นเดียวกับยาเกร็กคูที่ใช้ระยะเวลาไม่ถึงปี ก็เป็นที่รู้จัก และได้รับการยอมรับว่าเป็นสินค้าที่ดี
ซึ่งแนวทางการตลาดที่ผ่านมาเราจะเน้นการตลาดเชิงรุกมากกว่าการตลาดเชิงลดราคาสินค้า เพื่อให้ได้ยอดขายเยอะๆ เพราะด้วยจุดแข็งของยาเกร็กคู การันตีด้วยคุณภาพอย่างแท้จริง ราคาที่มั่นคง และมีโรงงานผลิตที่ได้มาตรฐานระดับ GMP และ ISO 9001:2007 ซึ่งเป็นที่ยอมรับทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ทำให้ผู้บริโภคเกิดความมั่นใจ
ต้องยอมรับว่าในช่วงแรกเราชูจุดขายของยาเกร็กคูยังไม่ชัดเจนมากนัก เพราะด้วยคุณสมบัติของเกร็กคูถือเป็นยาอายุวัฒนะ ช่วยบำรุงร่างกาย แต่ที่ผ่านมา มีผู้บริโภคซึ่งประมาณ 90 กว่าเปอร์เซ็นต์เป็นผู้ชายที่ใช้แล้ว ทำให้อวัยวะเพศแข็งตัว หรือมีหลายคนที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน ความดัน มะเร็ง โรคเก๊า กินไปแล้วดีขึ้น จากนั้นเขาก็บอกต่อๆ กันไปว่ายาตัวนี้ช่วยรักษาโรคนั้น โรคนี้ได้ แต่ต่อจากนี้ไปเราจะชูจุดขายของเกร็กคูให้ชัดขึ้น เช่น ยอดชายกินเกร็กคู เป็นต้น
ขณะเดียวกันในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้สร้างแบรนด์ให้เป็นยอมรับจนเป็นที่รู้จัก และรับรู้ของผู้บริโภคอย่างกว้างขวางแล้ว แต่เนื่องจากผู้บริโภคอีกจำนวน มากยังไม่สามารถสั่งซื้อสินค้าได้ ดังนั้นกลยุทธ์ต่อจากนี้ไปเราจึงต้องการให้สินค้าเข้าถึงมือผู้บริโภคให้มากขึ้น ล่าสุดบริษัทอยู่ระหว่างการจัดทำโครงการ 1 แฟรนไชส์ ช็อป 1 หมู่บ้าน เพื่อใช้เป็นศูนย์กระจายสินค้าออกไปสู่ผู้บริโภค โดยโครงการนี้จะใช้เงินลงทุนประมาณ 4 แสนบาท ซึ่งภายในช็อปดังกล่าวจะ จำหน่ายผลิตภัณฑ์ของบริษัททั้งหมด และหากช็อปไหนมีทำเลที่ดีอาจจะนำระบบการรับชำระค่าน้ำค่าไฟ ค่าโทรศัพท์มาอยู่ในช็อปดังกล่าวด้วย
โดยหลักการทำตลาดบริษัทจะเป็นผู้ดำเนินการเองแบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการโฆษณาผ่านสื่อกระแสหลัก และรายการโทรทัศน์ที่ได้รับความนิยมทาง ช่อง 3-5-7-9 หรือผ่านวิทยุ และแบรนเนอร์ เป็นต้น โดยลูกค้าที่ต้องการจะเปิดช็อปดังกล่าวเพียงแค่นำเงินมาลงทุนเป็นค่าสินค้าเท่านั้น นอกจากนี้บริษัทยังอยู่ ระหว่างการเจรจากับทางธนาคารในการปล่อยกู้ให้กับลูกค้าที่ต้องการอยากจะเปิดช็อปดังกล่าวแต่ไม่มีเงินทุน คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้ โดยหากโครงการ ดังกล่าวได้รับการอนุมัติเชื่อว่าภายในเดือนเมษายน 2557 จะมีช็อปของเกร็กคูอยู่ทั่วประเทศไม่ต่ำกว่า 2,000 แห่ง
ต้องยอมรับว่าในช่วงไม่ถึงปีที่ผ่านมาเราทุ่มงบในการสร้างแบรนด์ยาเกร็กคูจนสามารถติดตลาดเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะงบโฆษณาอย่างเดียวเฉลี่ย 20 ล้านบาทต่อเดือน หรือมากกว่า 200 ล้านบาทต่อปี แต่ปัญหาที่ตามมา คือ ปัจจุบันมีสินค้าปลอมทะลักออกมาในตลาดมากกว่ายอดขายของเกร็กคูถึง 100% ซึ่งตอนนี้เรามียอดขายต่อเดือนอยู่ที่ 3 แสนกล่อง และเป้าหมายภายในสิ้นปีนี้น่าจะแตะที่ 1 ล้านกล่องต่อเดือน แต่ปัญหาตอนนี้คือ สินค้าปลอมมียอดขาย มากกว่าเราอีก แม้ที่ผ่านมาเราจะมีการออกตรวจ และจับกุมอย่างต่อเนื่องก็ตาม ดังนั้นนโยบายการเปิดช็อปจึงเชื่อว่าน่าจะช่วยป้องกัน และลดปริมาณสินค้า ปลอมในท้องตลาดได้
นอกจากกลยุทธ์ดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นแล้ว เรายังปรับแผนการผลิตใหม่ กล่าวคือ จากเดิมที่เราจะเป็นโรงงานผลิตยาสมุนไพรให้กับตัวเองเพียง อย่างเดียว แต่จากนี้ไปหากมีผู้สนใจที่ต้องการจะจ้างให้โรงงานของเราผลิต หรือบรรจุสินค้าให้ทางโรงงานก็มีความพร้อม เนื่องจากปัจจุบันโรงงานแห่งนี้มี กำลังการผลิตมากกว่า 1 ล้านกล่องต่อเดือน เนื่องจากเป้าหมายของเราไม่ใช่เพียงแค่ต้องการกำไร เพียงอย่างเดียว แต่ต้องการให้ผู้บริโภคใช้สินค้าที่มีคุณภาพสูง แต่ราคาถูกมากภายใต้คอนเซ็ปต์ สมุนไพรกตัญญู เพื่อเป็นการคืนกำไรสู่สังคม
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย นสพ.The Power Network ฉบับที่ 224 ประจำวันที่ 1-15 มิถุนายน 2556
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น