ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันจันทร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2556

สคบ.ดัน2นโยบายเร่งด่วนปลุกเครือข่าย! เสริมศักยภาพด้วยGS1/คุมเข้มโฆษณาผ่านสื่อ







Capture (Mobile)


สคบ. เตรียมยกเครื่องบริษัทขายตรงเมืองไทย...เข็น 2 นโยบายเร่งด่วน การใช้รหัสมาตรฐานสากล GS 1 - คุมเข้มโฆษณาผ่านสื่อ หวังเพิ่มศักยภาพขายตรงสู่ตลาดสากลพร้อมประกาศขอความร่วมมือ 380 บริษัทที่ดำเนินการอยู่สนองรับนโยบาย ชี้!วันนี้โฆษณาสินค้าขายตรงผ่านสื่อต่างๆ ผู้บริโภคร้องเรียนมากที่สุด...ด้าน เหล่าผู้ประกอบการขายตรง บางรายขานรับนโยบายสคบ. พร้อมเชื่อจะส่งผลดีทั้งตัวผู้ประกอบการและผู้บริโภคอย่างแน่นอน พร้อมแนะหากมีรหัสตัวแทนจำหน่ายด้วยถือเป็นเรื่องดี


หากพูดถึงรหัสมาตรฐานสากล GS1 ณ เวลานี้ เรียกได้ว่าเริ่มที่จะมีกระแสเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะใน ธุรกิจขายตรง ที่สำคัญ ยังถือว่าเป็นอีกหนึ่งนโยบายเร่งด่วนที่ทาง สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. กำลังเร่งดำเนินการให้เกิดขึ้นก่อนที่จะมีการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC นั่นเอง!!


...ล่าสุดทางด้าน สคบ. ก็ได้มีการจัดประชุมสัมมนาเพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการโฆษณาในธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรง รวมถึงการจัดทำฐานข้อมูลสินค้าเพื่อรองรับ GS1 โดยงานนี้มีทั้งในส่วนของสถาบันรหัสสากล (GS1 Thailand) ที่มาให้ความรู้ในเรื่องการใช้รหัสสากล GS1 รวมถึงผู้ประกอบการในธุรกิจขายตรงมาร่วมรับฟังถึงเรื่องดังกล่าวนี้ด้วย


สคบ.เร่งนโยบาย 2 เรื่อง


มุ่งสร้างมาตรฐานเครือข่าย


...ถือเป็นอีกหนึ่งวาระสำคัญอย่างมากทีเดียวสำหรับ ธุรกิจขายตรง ที่จะต้องมีการเร่งสร้างมาตรฐานของธุรกิจเพื่อเพิ่มศักยภาพของธุรกิจโดยเร็ว และด้วยเหตุนี้เอง ส่งผลให้ทางด้าน สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. เอง ก็ได้มีการเร่งขับเคลื่อนนโยบายออกมาเพื่อหวังที่จะยกระดับขีดความสามารถของ เหล่าผู้ประกอบการ ใน ธุรกิจขายตรง สู่มาตรฐานสากล


โดยงานนี้ทางด้าน จิรชัย มูลทองโร่ย เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. ได้เผยถึงนโยบายที่จะเร่งดำเนินการนับจากนี้ว่า เรื่องที่ 1 สคบ. จะจัดทำฐานข้อมูลในเรื่องของสินค้า นั่นก็คือ การใช้รหัสสากล GS1 โดยจะเป็นการเน้นในส่วนของภาคธุรกิจขายตรงก่อน ซึ่งปัจจุบันนี้มีอยู่ประมาณเกือบ 1,000 บริษัท ที่เปิดธุรกิจขายตรง โดยพบว่า มีที่แจ้งกับทางสคบ.ว่ายังคงดำเนินการอยู่เพียง 380 บริษัทเท่านั้น โดยในจำนวนบริษัทเหล่านี้ ทางสคบ. จะเร่งดำเนินการจัดทำฐานข้อมูลก่อนเพื่อเป็นการนำร่อง พร้อมกับการขอความร่วมมือกับทาง 4 สมาคมขายตรงในการดำเนินการกับเรื่องนี้ด้วย


ส่วนเรื่องที่ 2 เกี่ยวกับการโฆษณาในธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรงทางสื่อต่าง ๆ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ทางผู้บริโภคเอง ได้มีการเรียกร้องให้ตรวจสอบมากที่สุด โดยเฉพาะการโฆษณาของธุรกิจขายตรง ที่ใช้ข้อความไม่เหมาะสม พร้อมมีการโอ้อวดสรรพคุณในเรื่องของสินค้า ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ทางสคบ. จะเร่งดำเนินการจัดระเบียบตรงนี้ โดยส่วนใหญ่จะสินค้าที่เกี่ยวกับสุขภาพ เป็นต้น


สำหรับรหัส GS1 นั้น มองว่าสิ่งที่ถือว่าเป็นประโยชน์ที่จะได้รับคือ 1. ภาครัฐสามารถติดตามได้สะดวก 2. การออกไปต่างประเทศบอกถึงความก้าวหน้า ความโปร่งใส รวมถึงป้องกันการลอกเลียนแบบ ส่วนประโยชน์ของ


ผู้บริโภคที่จะได้รับ คือ จะได้ทราบถึงความชัดเจน และสามารถร้องเรียนได้หากพบว่ามีการกระทำผิดจริง


GS1 รหัสมาตรฐานสากล


ตัวเลขเชื่อมโยงพรมแดนธุรกิจ


เช่นเดียวกับทางด้าน นายประวิทย์ โชติปรายนกุล ผู้อำนวยการ สถาบันรหัสสากล (GS1 Thailand) ก็ได้เผยถึงการใช้รหัสมาตรฐานสากล GS 1 ว่า รหัสมาตรฐานดังกล่าวหากนำมาใช้ในธุรกิจขายตรงแล้ว จะถือว่าเป็นประโยชน์อย่างมากทีเดียว โดยจะเป็นการลดความผิดพลาดในส่วนของสินค้า สามารถตรวจสอบถึงที่มาที่ไปของผลิตภัณฑ์ได้


วันนี้ต้องบอกว่า การที่ ทางสคบ. ได้มีการจัดทำฐานข้อมูลสินค้าเพื่อรองรับตลาดอาเซียนกับการใช้รหัส GS1 นั้น ขณะนี้พบว่าในธุรกิจขายตรงยังมีจำนวนที่น้อยมากที่ใช้รหัสดังกล่าว ซึ่งปัจจุบันนี้ บาร์โค้ดที่อยู่ในประเทศไทยนั้น มีอยู่หลาย 10 ล้านเลขหมายด้วยกัน โดยในประเทศไทยจะมีรหัสที่ขึ้นต้นด้วย 885 นั่นเอง


นายประวิทย์ กล่าวเสริมอีกว่า การเปิดเสรีทางการค้าหรือตลาดเออีซีนั้น ถือว่าค่อนข้างเป็นเรื่องที่ดีอย่างมาก ในการที่จะสื่อสาร สร้างมาตรฐานให้ประเทศที่เราจะไปร่วมลงทุนด้วยเกิดความน่าเชื่อถือ ที่สำคัญ ต้องบอกว่า รหัส GS1 นั้น มีมานานแล้ว โดยมีสำนักงานอยู่ถึง 150 ประเทศด้วยกัน ซึ่งหากวันนี้ประเทศไหนหรือผู้ประกอบการรายไหนต้องการสร้างมาตรฐานของธุรกิจ ก็สามารถทำได้ โดยขั้นตอนไม่ยุ่งยากมาก เพียงแค่ลิ้งค์เข้าไปในระบบ ทุกอย่างก็จะสมบูรณ์ แต่ทั้งนี้จะมีค่าใช้จ่ายด้วยเช่นกัน โดยจะเริ่มต้นอยู่ที่ 1,500-12,000 บาทต่อปี ขึ้นอยู่กับขนาดของแต่ละธุรกิจ


ด้านนายมนต์ชัย เดโชจรัสศรี ผู้แทนสมาคมการขายตรงไทย ยังได้กล่าวถึงการใช้รหัส GS 1 ด้วยว่า ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ในการยกระดับมาตรฐานให้ดีขึ้น ซึ่งในเรื่องของ AEC นั้น ถือว่าเป็นกระแสในช่วงนี้ โดยปัจจุบันพบว่ามูลค่าตลาดรวมของธุรกิจขายตรงอยู่ที่ 68,000 ล้านบาท พร้อมกับคาดว่าในปี 2556 นี้ มูลค่าตลาดรวมน่าที่จะอยู่ที่ประมาณ 1 แสนล้านบาทอีกด้วย


ในขณะเดียวกัน สิ่งที่ผู้ประกอบการควรเตรียมการในเรื่องนี้นั้น มองว่ามีอยู่หลายเรื่องด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของสินค้า เป็นต้น โดยรหัส GS1 นั้น จะเป็นการสร้างความสะดวกสบาย รวมถึงยังจะเป็นการสร้างความ


น่าเชื่อถือต่อธุรกิจขายตรงให้มากขึ้นด้วย


สำหรับประโยชน์ที่จะได้รับในการใช้รหัสดังกล่าวนั่นก็คือ


1. ช่วยคุ้มครองผู้บริโภคซึ่งสอดคล้องกับกฎหมายขายตรงและตลาดแบบตรง


2. สร้างความเชื่อมั่นถึงแหล่งที่มาของสินค้า


3. ระบุจำแนกตัวแทนจัดจำหน่ายได้


4. เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารห่วงโซ่อุปทาน


ที่สำคัญ สิ่งที่ต้องคำนึงถึงสำหรับการใช้รหัสมาตรฐานสากล GS 1 นั้น ประกอบด้วย


1.ความคุ้มค่าในการใช้บาร์โค้ดมาตรฐานสากล


2. การจัดการกับจำนวนบาร์โค้ดที่ต้องใช้งาน เพื่อเหมาะสมกับสินค้ากลุ่มไหน


3. ระบบการสร้างและจัดเก็บข้อมูลให้เหมาะสม และ


4. ความร่วมมือในการใช้บาร์โค้ดมาตรฐานสากลทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง


นายกฯ TSDAชี้รหัส GS1


เป็นเรื่องที่ผู้ประกอบการควรรู้


นอกจากนี้ ทางด้าน ดร.สมชาย หัชลีฬหา ประธานกรรมการ บริษัท จอย แอนด์ คอยน์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด และนายกสมาคมพัฒนาการขายตรงไทย หรือ (TSDA) ได้แสดงความคิดเห็นถึงการใช้รหัสมาตรฐานสากล GS1 กับธุรกิจขายตรงว่า ถือเป็นเรื่องที่ดี เนื่องจากโดยปกติแล้ว การที่เรามีสินค้ามากมายขายในหลาย ๆ ที่ จากการตรวจสอบถือว่าทำได้ยาก ว่าสินค้านั้น ปลอมหรือไม่ ถูกต้องหรือไม่ ฉะนั้นการรู้แหล่งกำเนิด รู้ต้นตอของผู้ผลิต รู้ต้นตอของผู้จำหน่าย สามารถให้ผู้บริโภครู้แหล่ง และมีความน่าเชื่อถือ โดยใช้รหัสสากล GS1 นั้น ที่ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เป็นเรื่องที่ควรสนับสนุนให้เกิดขึ้น


ในขณะเดียวกัน เมื่อพูดในเรื่องของสินค้าแล้ว อยากที่จะพูดในเรื่องของคนด้วยเช่นกัน ซึ่งอยากที่จะให้มีรหัสตัวแทนจำหน่ายอิสระ เพื่อที่จะได้ตรวจสอบว่าเป็นนักธุรกิจที่ไหน ประเทศอะไร และเป็นนักธุรกิจจริงหรือไม่ เป็นต้น ซึ่งหากตรงนี้สามารถทำได้ จะถือว่าเป็นอีกหนึ่งนโยบายเรื่องที่ดี


ปัจจุบันนี้ ต้องบอกว่า ในการตลาดนั้น เขาไม่ได้พูดเพียงแค่เอาสินค้ามาขายอย่างเดียว ซึ่งหากผู้ประกอบการหลาย ๆ ท่านเข้าใจในเรื่องนี้ เห็นด้วยและหันมาให้ความสนใจกับใช้เรื่องนี้ โดยการยกระดับมาตรฐานของนักธุรกิจอิสระเป็นรหัสสากลด้วย ในการกำหนดมาตรฐาน เพื่อให้บริษัทนั้น ๆ เป็นที่เชื่อถือ เพราะความน่าเชื่อถือ ถือเป็นการรับรู้ความมั่นใจ ในที่สุดหากทำบ่อย ๆ แล้วเกิดความเชื่อ ผลที่ตามมาก็จะเป็นประโยชน์ต่อบริษัทของท่านเอง


ดร.สมชาย เสริมต่ออีกว่า วันนี้หากผู้ประกอบการรายใดก็แล้วแต่ที่สร้างแบรนด์และมาตรฐาน และเอาในเรื่องของมาตรฐานไปใส่ในผลิตภัณฑ์ ตรงนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี โดยหนึ่งในมาตรฐานนั้น สามารถนำไปใช้อ้างอิง และเป็นความน่าเชื่อถือของธุรกิจได้


ที่ผ่านมา จอย แอนด์ คอยน์ เอง ได้มีการกำหนดตัวเองว่าจะเป็นขายตรงสะดวกซื้อ ที่ปัจจุบันมีสินค้ามากกว่า 1 หมื่นรายการ และจากการมีสินค้าที่มากมายนี้เอง สิ่งที่บริษัทฯ คำนึงอยู่เสมอนั่นคือการควบคุม โดยเราเองมองว่าวันนี้ทำไมต้องเดินตามเออีซีด้วย ซึ่งแนวคิดของบริษัทฯ ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ได้มีการกำหนดนโยบายเสมอว่า หากอะไรที่เป็นมาตรฐานและส่งผลดีต่อธุรกิจที่ทำ บริษัทฯ จะทำก่อนเสมอ


นอกจากนี้ ดร.สมชาย ยังได้แสดงความคิดเห็นถึงกรณีที่เมื่อมีการใช้รหัส GS1 แล้ว จะเกิดปัญหาและอุปสรรคต่อผู้ที่ผลิตหรือไม่นั้น...ดร.สมชาย มองว่า ตรงนี้มองว่าไม่มีปัญหาแต่อย่างใด เนื่องจากใครก็แล้วแต่ ที่เป็นผู้ผลิต ผู้จำหน่าย ต้องมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องนี้อยู่แล้ว เนื่องจากในมาตรฐานตรงนี้ จะเป็นการถูกกำหนดใช้ในโลกนี้ไม่ว่าจะประเทศไหน ซึ่งถึงแม้ว่าท่านไม่ใช่ วันหนึ่งท่านเองก็ต้องเกี่ยวข้อง ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคนต้องใช้ และไม่สามารถปฏิเสธได้ ซึ่งหากใครที่เรียนรู้ก่อน เริ่มต้นก่อนย่อมได้เปรียบก่อนเช่นกัน


...ด้านนายโกสิทธิ์ ผะลิวรรณ ประธานกรรมการ บริษัท สตาร์ ซันไชน์ จำกัด ได้ให้ความเห็นในเรื่องของการใช้รหัสมาตรฐานสากล GS 1 เช่นกันว่า เป็นสิ่งที่ควรทำ เพราะจะทำให้สินค้ามีมาตรฐานเป็นสากลมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันนี้บาร์โค้ดในส่วนของโรงงานเราเองก็มีอยู่แล้วเช่นกัน ส่วนที่เป็นบาร์โค้ดของบริษัทยังไม่มี โดยวันนี้การที่จะมีการใช้รหัสดังกล่าวนี้นั้น ผู้ประกอบการทุกคนเองก็ต้องร่วมมือกันในครั้งนี้ด้วย ซึ่งทางบริษัทเอง ก็ได้มีการร่วมพูดคุยกับทางสมาคมพัฒนาการขายตรงไทยมาโดยตลอด ที่จะทำอย่างไรให้ธุรกิจขายตรงนั้นมีความน่าเชื่อถือและผู้คนยอมรับ


วันนี้การที่จะทำให้อุตสาห กรรมขายตรงไทยเติบโตแบบยั่งยืนได้ มองว่า หากมีการรวมตัวกันของแต่ละบริษัท จะถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะได้สามารถแลกเปลี่ยนความรู้ต่าง ๆ ซึ่งกันและกันได้ ในขณะเดียวกัน หากบริษัทไหนที่ยังไม่ได้เป็นสมาชิกก็อยากที่จะแนะนำให้มาสมัครเป็นสมาชิก ซึ่งจะสมัครเป็นสมาชิกในสมาคมไหนก็ได้ เพราะคิดว่าทุกสมาคมนั้นดีหมด และมีวัตถุประสงค์เดียวกันคือ ต้องการส่งเสริมธุรกิจขายตรงไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนนั่นเอง


โฆษณาแอบแฝงหน้าเว็บเพียบ


พบขายตรงถูกร้องเรียนมากสุด


...นับได้ว่าในเรื่องของการโฆษณาในธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรงทางสื่อต่าง ๆ ค่อนข้างที่จะมีผลกระทบอย่างมากทีเดียวสำหรับผู้บริโภค โดยเรื่องดังกล่าวนี้ ทางด้านนายฐิตินันท์ สิงหา รักษาการผู้อำนวยการส่วนงานขายตรงและตลาดแบบตรง (สคบ.) ได้เผยถึงกรณีนี้ว่า ฐานความผิดดังกล่าว จะอยู่ในมาตรา ๒๒ ที่ว่า การโฆษณาจะต้องไม่ใช่ข้อความที่เป็นการไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภคหรือใช้ข้อความที่เกี่ยวกับแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ หรือลักษณะของสินค้าหรือบริการ ตลอดจนการส่งมอบ การจัดหา หรือการใช้สินค้าหรือบริการ


ข้อความดังต่อไปนี้ ถือว่าเป็นข้อความที่เป็นการไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภคหรือเป็นข้อความที่อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อสังคมเป็นส่วนรวม


(๑) ข้อความที่เป็นเท็จหรือเกินความจริง


(๒) ข้อความที่จะก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการไม่ว่าจะกระทำโดยใช้หรืออ้างอิงรายงานทางวิชาการ สถิติ หรือสิ่งใดสิ่งหนึ่งอันไม่เป็นความจริงหรือเกินความจริงหรือไม่ก็ตาม


(๓) ข้อความที่เป็นการสนับสนุนโดยตรงหรือโดยอ้อมให้มีการกระทำผิดกฎหมายหรือศีลธรรม หรือนำไปสู่ความเสื่อมเสียในวัฒนธรรมของชาติ


(๔) ข้อความที่จะทำให้เกิดความแตกแยกหรือเสื่อมความสามัคคีในหมู่ประชาชน


(๕) ข้อความอย่างอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง


ข้อความที่ใช้ในการโฆษณาที่บุคคลทั่วไปสามารถรู้ได้ว่าเป็นข้อความที่ไม่อาจเป็นความจริงได้โดยแน่แท้ ไม่เป็นข้อความที่ต้องห้ามในการโฆษณาตาม (๑)


นอกจากนี้ ยังมีในส่วนของ มาตรา ๒๗ ในกรณีที่คณะกรรมการว่าด้วยการโฆษณาเห็นว่าข้อความในการโฆษณาใดฝ่าฝืนมาตรา ๒๒ มาตรา ๒๓ มาตรา ๒๔ (๑) หรือ มาตรา ๒๕ ให้คณะกรรมการว่าด้วยการโฆษณามีอำนาจออกคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง ดังต่อไปนี้


(๑)ให้แก้ไขข้อความหรือวิธีการในการโฆษณา


(๒)ห้ามการใช้ข้อความบางอย่างที่ปรากฏในการโฆษณา


(๓)ห้ามการโฆษณาหรือห้ามใช้วิธีการนั้นในการโฆษณา


(๔)ให้โฆษณาเพื่อแก้ไขความเข้าใจผิดของผู้บริโภคที่อาจเกิดขึ้นแล้วตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการว่าด้วยการโฆษณากำหนด


ในการออกคำสั่งตาม (๔) ให้คณะกรรมการว่าด้วยการโฆษณากำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการ โดยคำนึงถึงประโยชน์ของผู้บริโภคประกอบกับความสุจริตใจในการกระทำของผู้กระทำการโฆษณา


ทั้งนี้ ทางด้านนายฐิตินันท์ ยังกล่าวเสริมอีกว่า ปัจจุบันการโฆษณาโอ้อวดสรรพคุณเรื่องของสินค้าค่อนข้างมีมากอยู่ตามสื่อต่าง ๆ ทั้งทีวี สื่อออนไลน์ ในขณะเดียวกัน ยังพบอีกว่ามีการโฆษณาแอบแฝงตามเว็บไซต์ต่าง ๆ รวมถึงมีการส่งเข้ามาทางเมล์ค่อนข้างมากด้วย ซึ่งปัจจุบันนี้ในประเทศไทยเองยังไม่มีการควบคุมในเรื่องนี้เหมือนในต่างประเทศอื่นที่มีการควบคุมเท่าที่ควร ในขณะเดียวกัน พบว่ามีรายการบางรายการที่มีความไม่เหมาะสมกับเยาวชนเกิดขึ้นมามากมายทางทีวีดาวเทียมอีกด้วย ตรงนี้จึงจำเป็นที่หลาย ๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้องควรช่วยกันดูแลไม่ใช่เพียงแค่สคบ. เพียงอย่างเดียว


...นับได้ว่า ในเรื่องของการใช้รหัสมาตรฐานสากล GS1 ถือว่าอาจจะเป็นเรื่องใหม่สำหรับผู้ประกอบการขายตรง แต่เชื่อว่าหากทุกบริษัทหันมาให้ความสำคัญ ก็น่าที่จะเป็นเรื่องที่ดีด้วยเช่นกัน ในขณะเดียวกัน เรื่องของการโฆษณาสินค้าที่มีความไม่เหมาะสมผ่านสื่อต่าง ๆ หลาย ๆ ฝ่ายก็ต้องหันหน้ามาร่วมมือช่วยเหลือกันด้วย




Credit By :http://www.taladvikrao.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น