ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันจันทร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2556

ข่าวสมาคมการขายตรงไทย (TDSA) : ขายตรงไทย-เวียดนาม-มาเลเซียผนึกกำลังร่วม แชร์แนวคิดธุรกิจหวังยกระดับเครือข่ายอาเซียน







mlm01 (Mobile)


3 นายกสมาคมขายตรง 3 ชาติ เปิดมุมมองภาพรวมธุรกิจขายตรง...ด้าน กิจธวัช ฤทธีราวี นายกสมาคมการขายตรงไทย เผยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ขายตรงเมืองไทยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณเกือบ 10% ทุกปี พร้อมเชื่อการเปิดเออีซี ระบบภาคเศรษฐกิจจะมีการถูกพัฒนาให้มีความเร็วขึ้น...ส่วน สมาคมการขายตรงมาเลเซีย แจงข้อมูลผู้สำเร็จในธุรกิจเครือข่ายมาเลเซีย ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงอยู่ที่ 61% พร้อมเตรียมดึงคนรุ่นใหม่สู่ธุรกิจมากขึ้น หลังพบมากกว่า 70% คนอายุ 30-60 ปี เป็นนักธุรกิจเครือข่าย...ด้าน สมาคมการขายตรงเวียดนาม ระบุผู้ที่จะเข้ามาทำธุรกิจขายตรงได้ ต้องใช้ระยะเวลา 2 ปี พร้อมต้องเจอกฎเหล็กขายตรงอีกเพียบ!


นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งการส่งสัญญาณที่ดีสำหรับ ธุรกิจขายตรง ในภูมิภาคอาเซียนเลยก็ได้ กับการมาร่วมแชร์ประสบการณ์ในธุรกิจขายตรงในตลาดอาเซียนด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของทาง สมาคมการขายตรงไทย สมาคมการขายตรงมาเลเซีย และสมาคมการขายตรงเวียดนาม เอง โดยทั้ง 3 สมาคม 3 ชาติ ต่างก็ได้ออกมาเผยถึงภาพรวมและโอกาสในการเข้าไปเปิดตลาดในแต่ละประเทศด้วย แต่ทั้งนี้ ต้องยอมว่าการเข้าไปในแต่ละประเทศนั้น ค่อนข้างที่จะเป็น งานหิน ที่ เหล่าผู้ประกอบการ ใน ธุรกิจขายตรง ควรที่จะต้องเตรียมความพร้อมด้วยเช่นกัน!!...


กิจธวัชฉายภาพขายตรงไทย


อัตราการเติบโตดีทุกปีเกือบ10%


...สำหรับภาพรวมของธุรกิจขายตรงในเมืองไทยนั้น ทางด้านนายกิจธวัช ฤทธีราวี นายกสมาคมการขายตรงไทย หรือ TDSA กล่าวว่า ปัจจุบันธุรกิจชายตรงในประเทศไทยมีอยู่ 4 สมาคม คือ 1.สมาคมการขายตรงไทย (TDSA) 2.สมาคมอุตสาหกรรมขายตรงไทย (TDIA) 3. สมาคมพัฒนาการขายตรงไทย (TSDA) และ 4. สมาคมธุรกิจเครือข่ายขายตรงไทย (TDNA) โดยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2002-2012 พบว่า ยอดขายโดยรวมของธุรกิจขายตรงมีมูลค่าอยู่ที่ 68,000 ล้านบาท โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณเกือบ 10% ทุกปี


ทางสมาคมมีความเชื่อมั่นว่า หากอุตสาหกรรมขายตรงอัตราการเติบด้วยอัตราเร่งเช่นนี้ เชื่อว่าภายในปี 2016 อุตสาหกรรมขายตรงน่าที่จะมีมูลค่าตลาดรวมทะลุ 100,000 ล้านบาทได้อย่างแน่นอน โดยอัตราเร่งที่จะทำให้อุตสาหกรรมขายตรงเติบโตได้อย่างแน่นอนนั่นก็คือ การเปิดเออีซีนั่นเอง ซึ่งระบบภาคเศรษฐกิจจะมีการถูกพัฒนาให้มีความเร็วขึ้น เพราะฉะนั้นเป้า 1 แสนล้านบาท ก็น่าที่จะขยับเข้ามาเร็วภายใน 1-2 ปีข้างหน้านี้ก็เป็นไปได้ด้วยเช่นกัน


นายกิจธวัช กล่าวอีกว่า จากข้อมูลในชาติอาเซียนเพียงแค่ 6 ประเทศ พบว่า เมื่อเอา 6 ประเทศมารวมกันมีมูลค่าตลาดโดยรวมอยู่ที่ 10,372 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 3 แสนล้านบาท โดยแบ่งแยกได้ดังนี้ 1.ประเทศมาเลเซีย มูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 4,667 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเติบโตที่ 16.4% 2.ประเทศไทย มูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 2,947 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเติบโตที่ 9.1% 3.ประเทศอินโดนีเซีย มูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 1,088 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเติบโตที่ 10.3% 4.ประเทศฟิลิปปินส์ มูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 1,011 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเติบโตที่ 22.9% 5.ประเทศสิงคโปร์ มูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 367 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเติบโตที่ 6.4% และ 6.ประเทศเวียดนาม มูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 292 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเติบโตที่ 21.7%


สำหรับสถิติที่จะเกี่ยวข้องกับธุรกิจเครือข่ายนั้น ประกอบด้วย


1. จำนวนประชากรก็ถือว่ามีโอกาสที่จะทำให้ธุรกิจเติบโตด้วยเช่นกัน


2. กำลังซื้อของผู้บริโภคในประเทศนั้น ๆ


3. การยอมรับในสังคมหรือตลาดนั้น ๆ ว่าพฤติกรรมผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะยอมรับ


ส่วนรูปแบบการตลาดของประเทศ ไทยในปัจจุบันพบว่า ตลาด MLM มีสัดส่วนอยู่ที่ 82.7% ตลาด SLM มีสัดส่วนอยู่ที่ 18.9% และอื่น ๆ มีสัดส่วนอยู่ที่ 2.5% โดยในแต่ละแผนถือว่ามีข้อดีที่แตกต่างกันไป


ด้านพฤติกรรมในการตัดสินใจซื้อสินค้าในธุรกิจขายตรง พบว่า คนส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญกับคุณภาพของสินค้า รองลงมาจะเป็นในเรื่องของราคา ส่วนกลุ่มสินค้าที่ใช้มากนั้นพบว่า กลุ่ม wellness มีสัดส่วนอยู่ที่ 39% กลุ่ม Cosmetics & Personal Care มีสัดส่วนอยู่ที่ 27% กลุ่ม Household Goods & Durables มีสัดส่วนอยู่ที่ 17% เป็นต้น


สินค้าสุขภาพมาเลเซียโตดี


เชื่อAECเปิดตลาดไปได้สวย


ด้าน Mr.Frederick Ng President of Direct Selling Association of Malaysia ก็ได้เผยว่า ในช่วง 3-5 ปีที่ผ่านนั้น พบว่า เริ่มเห็นธุรกิจขายตรงในตะวันตกและทางยุโรปเข้ามาเปิดตลาดในภูมิอาเซียนมากขึ้น โดยเฉพาะในประเทศมาเลเซีย ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในมาเลเซียคือ ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพอยู่ที่ประมาณ 44%


นอกจากนี้ จากข้อมูลผู้ที่สำเร็จในธุรกิจขายตรงในประเทศมาเลเซียนั้นพบว่า ส่วนใหญ่จะเป็นสุภาพสตรีมากกว่าสุภาพบุรุษ โดยอยู่ที่ 61% ขณะเดียวกัน ในมาเลเซียคนที่มีเชื้อสายชาวจีนนั้น จะมีความโดดเด่นอย่างมากในการทำธุรกิจเครือข่ายอยู่ที่ 57% ส่วนคนที่มีเชื้อชาติมาเลเซียอยู่ที่ 37%


ส่วนคนที่มีอายุตั้งแต่ 30-60 ปีนั้น พบว่ามากกว่า 70% เป็นนักธุรกิจเครือข่าย ซึ่งคนกลุ่มดังกล่าวนี้ เรียกว่าเป็นกระดูกสันหลังของธุรกิจเครือข่ายในมาเลเซีย ส่วนกลุ่มวัยรุ่นนั้น ถือว่ายังให้ความสนใจในธุรกิจเครือขายน้อยมาก โดยทางมาเลเซียเองมีแผนที่จะเข้าไปให้ถึงกลุ่มดังกล่าวด้วย


ปัจจุบันสมาคมการขายตรงมาเลเซีย มีบริษัทที่เป็นสมาชิกในสมาคมอยู่ที่ 65 บริษัท โดยมีทั้งบริษัทที่เป็นของมาเลเซียและบริษัทข้ามชาติรวมกัน


Mr.Frederick กล่าวอีกว่า ในการร่วมมือกันของตลาดขายตรงแต่ละชาตินั้น เชื่อว่า น่าที่จะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมขายตรงมวลรวมอย่างแน่นอน พร้อมกันนี้ ยังคาดว่าการเปิดตลาดเออีซี ยังจะเป็นการช่วยให้การลงทุนในแต่ละประเทศ เกิดการแข่งขันมากยิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน


กฎเหล็กขายตรงเวียดนามเพียบ!


เผยหน้าใหม่เข้าไปต้องใช้เวลา2ปี


เช่นเดียวกับทางด้าน Tram Ha Chairwoman of AmCham Vietnam Direct Selling Committee เผยว่า ในประเทศเวียดนามถือว่าธุรกิจขายตรงค่อนข้างมีศักยภาพที่สูงมาก แต่ในขณะเดียวกันในเรื่องของกฎหมายเกี่ยวกับธุรกิจขายตรงในเวียดนามก็มีความเข้มงวดมากด้วยเช่นกัน


ซึ่งล่าสุดทางเวียดนามเอง ได้มีแนวคิดที่จะแก้ไขในเรื่องของกฎหมายหลังจากที่ได้มีการบังคับใช้มาแล้วเมื่อปี 2006 ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการจัดประชุม สัมมนา ฝึกอบรม ที่จะต้องมีการขออนุญาตในการจัดแต่ละครั้ง โดยผู้จำหน่ายอิสระ ไม่สามารถที่จะจัดฝึกอบรมด้วยตนเองได้ หรือแม้กระทั่งการจัดฝึกอบรมของบริษัทต่าง ๆ ไม่สามารถที่จะเรียกเก็บเงินจากผู้จำหน่ายอิสระได้ โดยจะต้องเป็นการอบรมฟรีทั้งหมด


นอกจากนี้ บริษัทขายตรงที่ดำเนินธุรกิจในประเทศเวียดนามนั้น จะต้องมีการรายงานการทำธุรกิจในทุก 6 เดือน ที่สำคัญ สำหรับนักลงทุนที่จะเข้ามาเปิดธุรกิจขายตรงในเวียดนามได้นั้น จะต้องใช้ระยะเวลานานถึง 2 ปีเลยทีเดียว กว่าที่จะได้รับใบอนุญาตการลงทุน


นายกสมาคมการขายตรงเวียดนาม กล่าวอีกว่า หากย้อนดูถึงอัตราการเติบโตของธุรกิจขายตรงในเวียดนามตั้งแต่ปี 2006 -2011 พบว่า มีอัตราการเติบโตเป็นที่พึ่งพอใจ แต่หลังจากปี 2011 เป็นต้นไป เริ่มพบว่าธุรกิจขายตรงมีอัตราการเติบโตเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้ทางสมาคมฯ จึงต้องทำงานหนักมาก ที่จะสร้างภาพพจน์ของธุรกิจขายตรงเวียดนามให้กลับมาดีอีกครั้ง ด้วยการให้ความรู้ ความเข้าใจในธุรกิจขายตรงแก่คนหนุ่มสาวที่มีระดับการศึกษาสูงเพิ่มมากขึ้น


สำหรับทิศทางของกฎหมายใหม่ในประเทศเวียดนามนั้น ทางนายกสมาคมการขายตรงเวียดนาม มองว่า อยากที่จะให้เกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2013 และสามารถนำมาปฏิบัติได้จริงในปี 2014 โดยขณะนี้ ร่างกฎหมายฉบับแรกได้เสร็จไปแล้ว ส่วนการร่างกฎหมายฉบับอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการต่ออายุใบอนุญาต ขณะนี้ก็อยู่ในระหว่างการพิจารณา ซึ่งคาดว่าอีกไม่นาน น่าที่จะมี่ข้อสรุปอย่างแน่นอน


...จะเห็นได้ว่า ในแต่ละประเทศต่างก็มีจุดดี จุดเด่น จุดด้อย ที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของกฎหมายที่บางบริษัทเข้มงวดในเรื่องนี้ บางประเทศไม่ได้เข้มงวดในเรื่องนี้ แต่เชื่อว่าเกือบทุกประเทศ ต่างก็ต้องการที่จะเห็นภาพโดยรวมของอุตสาหกรรมขายตรงมีอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างแน่นอน





Credit By :http://www.taladvikrao.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น