ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันจันทร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2556

ข่าว เอเชีย สุพรีม (Asia Supreme) : เอเชีย สุพรีมปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ ชิมรางแตกไลน์สายธุรกิจเสริมศักยภาพ







Capture (Mobile)

 


เอเชีย สุพรีม ประกาศปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ แย้มเป้า 3 ปี ดันองค์กรเครือข่ายสู่มืออาชีพ...หลังเตรียมแตกไลน์ธุรกิจใหม่เติมเต็มความสมบูรณ์ พร้อมเสิร์ฟเครื่องมือธุรกิจแบบครบเครื่องทั้งสื่อทีวี-วิทยุชุมชนแก่สมาชิก...แย้มภาพรวมธุรกิจที่ผ่านมาเกือบ 2 ปี เติบโตดีเกินคาด ลั่นสิ้นปีขอแตะยอด 150 ล้าน พร้อมจำนวนสมาชิก 2 หมื่นรหัส


อาจารย์สุธีร์ รัตนนาคินทร์ ประธานกรรมการ บริษัท เอเชีย สุพรีม จำกัด เผยถึงภาพรวมธุรกิจในช่วงที่ผ่านมาว่าหลังจากที่บริษัทฯ ได้ดำเนินการมาเกือบ 2 ปี ต้องยอมรับว่าธุรกิจขายตรงในบ้านเรานั้น ค่อนข้างที่จะไม่ปกติ แต่ด้วยความตั้งมั่นของเอเชีย สุพรีมแล้ว บริษัทฯ ถือว่าในช่วงที่ผ่านมา ค่อนข้างมีการเติบโตเป็นที่น่าพอใจ และล่าสุด บริษัทฯ ได้มีการเพิ่มศักยภาพความมั่นคงของธุรกิจด้วยการย้ายออฟฟิศทั้ง 2 แห่ง ที่จากเดิมอยู่ที่พุทธมณฑลสาย 5 และที่ห้างอิมพีเรียล ลาดพร้าว มาอยู่ที่อาคารป่องทรัพย์ ชั้น 3 ซึ่งถือเป็นสำนักงานใหญ่ของบริษัทเลยก็ว่าได้


สำหรับแผนงานของบริษัทฯ ที่วางไว้นับจากนี้ คือ การปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ในช่วง 3 ปีนับจากนี้ โดยจะเริ่มต้นจากการแตกไลน์ธุรกิจใหม่อีกหนึ่งบริษัท โดยจะมีทางเอเชีย สุพรีมนั้นเป็นตัวนำ ซึ่งตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2557 เป็นต้นไป ทางบริษัทฯ จะเปิดบริษัทใหม่อีก 1 บริษัท คือ บริษัท Upline Holding ที่มีทุน 20 ล้านบาท โดยบริษัทดังกล่าวสามารถให้สมาชิกทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเข้าไปถือหุ้นใน Upline Holding ได้ ซึ่งแนวทางธุรกิจของเอเชีย สุพรีม นับจากนี้ จะเป็นการเติบโตด้วย 3 สายธุรกิจที่จะเกิดขึ้น คือ สายธุรกิจที่ 1 ตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2556 นี้เป็นต้นไป ทางบริษัทฯ จะมีธุรกิจทางด้านออนไลน์และธุรกิจซิงเกิ้ล ชื่อว่า Supreme Direct ทุน 10 ล้านบาท เพื่อมาสนับสนุนธุรกิจ


สายธุรกิจที่ 2 ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2556 ทางบริษัทฯ จะมีอีกหนึ่งธุรกิจชื่อว่า Supreme Plus ทุน 30 ล้านบาท โดยจะทำธุรกิจอยู่ 2 อย่าง คือ สื่อที่เป็นของบริษัทเอง และสื่อที่บริษัทเข้าไปร่วมทุน ไม่ว่าจะเป็นทางเคเบิ้ลทีวีและวิทยุชุมชน ที่มีอยู่เกือบ 100 สถานี อีกทั้งบริษัทฯ ยังมีสถานีที่สื่อสารกับสมาชิกของบริษัทที่ชื่อว่า Asia TV เป็นเน็ตทีวี หรือเรียกว่า IPTV นั้นเอง ซึ่งคาดว่า จะเปิดดำเนินการอย่างเป็นทางการในช่วงเดือนมกราคม ปี 2557 นี้ ซึ่งจะเป็นการสร้างภาพลักษณ์ให้กับบริษัท และสร้างเครื่องมือให้กับสมาชิกในการทำงานง่ายขึ้นนั่นเอง


นอกจากนี้ ทางบริษัทฯ ยังมีธุรกิจที่เป็นคู่ขนานกับ Supreme Plus นั่นก็คือ ร้านกาแฟ ซึ่งถือเป็นเซ็นเตอร์ของเอเชีย สุพรีมเลยก็ว่าได้ โดยจะมีชื่อว่า Supreme Coffee คาดว่าในปี 2557 จะมีอยู่ประมาณ 100 ร้าน โดย Supreme Coffee นั้น จะอยู่ในปั้มน้ำมัน ห้างสรรพสินค้า มหาวิทยาลัย เป็นต้น ซึ่งถือเป็นกลุ่มเป้าหมาย โดยเชื่อว่ารูปแบบธุรกิจนี้น่าที่จะเติบโตไปได้เป็นอย่างดี


อาจารย์สุธีร์ กล่าวเสริมอีกว่า ส่วนสายธุรกิจที่ 3 ที่คาดว่าจะเกิดในช่วงปลายปี 2557 คือ ทางบริษัทฯ มีแผนที่จะเข้าไปทำโรงงานการผลิตสินค้าในบ้างกลุ่ม โดยเฉพาะโรงงานผลิตเครื่องสำอางและโรงงานการผลิตเครื่องดื่มสุขภาพ ด้วยทุน 60 ล้านบาท ซึ่งธุรกิจทั้งหมดที่เกิดขึ้นในเอเชีย สุพรีมนั้น จะถือหุ้นโดยเอเชีย สุพรีมเกิน 50% ในขณะเดียวกันธุรกิจในเอเชีย สุพรีมนั้น จะถือหุ้น 30% โดย Upline Holding ที่มีสมาชิกบางรายเป็นผู้ถือหุ้นด้วย


นอกจากนี้ เอเชีย สุพรีม ยังมีมูลนิธิ เพื่อทำกิจกรรมกับสังคมอีกด้วย โดยตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2557 เป็นต้นไป บทบาทของมูลนิธิจะเข้ามามีบทบาทที่สำคัญ ในการช่วยเหลือดูแลเกื้อกูลสังคม ไปพร้อม ๆ กับสถาบันการฝึกอบรม เพื่อที่จะไปสร้างคุณภาพและศักยภาพของสมาชิกทั้งหมดของบริษัทฯ นั่นเอง


วันนี้ต้องยอมรับว่า โลกของธุรกิจเปลี่ยนไป เทคโนโลยีก็เปลี่ยนไปด้วย เพราะฉะนั้นระบบของสื่อต่าง ๆ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวแปรที่สำคัญ โดยธุรกิจใหม่ที่เราจะเกิดขึ้นนั้น ทั้งเรื่องของออนไลน์และซิงเกิ้ล จะเป็นการขายสินค้าที่แตกต่างกัน และคนละแบรนด์ รวมถึงเป็นการเจาะกลุ่มเป้าหมายเฉพาะกลุ่มด้วย


ด้านนายเอกดนัย สุฉันทบุตร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชีย สุพรีม จำกัด กล่าวเสริมว่า ขณะนี้เอเชีย สุพรีม ได้ดำเนินธุรกิจมาเกือบ 2 ปีแล้ว โดยได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2555 ที่ผ่านมา ซึ่งในปี 2555 มียอดขายอยู่ประมาณ 60 ล้านบาท ที่สำคัญ ผลประกอบการของบริษัทฯ ในช่วงครึ่งปีแรกปีนี้ พบว่า มียอดขายเท่ากับปีที่ผ่านมา คือ 60 ล้านบาท ส่งผลให้ในสิ้นปีนี้บริษัทฯ จึงตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 150 ล้านบาท พร้อมกับเป้าหมายจำนวนสมาชิกแตะอยู่ที่ 2 หมื่นรหัส จากปัจจุบันมีอยู่ที่ 1.2 หมื่นรหัส


นายเอกดนัย กล่าวทิ้งท้ายว่า ปัจจัยที่ทำให้บริษัทฯ เติบโตจนถึงปัจจุบันนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเรามีบริษัทแม่เป็นบริษัทมหาชน มีโรงงานการผลิตที่อยู่ในเครือของเรา โดยถือว่าน่าที่จะเป็นการสร้างความมั่นใจ และความมั่นคงให้กับสมาชิกของเราได้ ที่สำคัญ ที่ผ่านมา อัตราการเติบโตของบริษัทฯ นั้น ถือว่าเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงในส่วนของสาขาด้วย อีกทั้งในเรื่องของการจัด OPP ทั่วประเทศ และการจัดโปรโมชั่นต่าง ๆ อาทิ โปรโมชั่นท่องเที่ยว โปรโมชั่นรถยนต์ เป็นต้น ที่ช่วยในการสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจนั่นเอง





Credit By :http://www.taladvikrao.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น