ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันอังคารที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2556

ผ่าแนวคิดตั้งสำนักงานเร่งสร้างขายตรงยุคใหม่ ผ่านสมอง พิศิษฐ์ แทนทิว เลขาธิการ TDNA







555 (Mobile)


ในเชิงปริมาณสามารถสะท้อนคุณภาพได้ชัดเจน และแทบไม่ต้องอธิบายให้มากความกับ ผลงาน ของสมาคมที่ก่อตั้งมากว่า 20 ปีจากปริมาณคือ ธุรกิจขายตรงมีบริษัทประกอบกิจการมากถึง 450 บริษัท แต่มีบริษัทเพียง 50 แห่งเท่านั้น เข้าสังกัดเป็นสมาชิกของสมาคมขายตรงทั้ง 3 สมาคมเมื่อนำปริมาณเพียง 50 บริษัทไปเชื่อมต่อ คุณภาพ ย่อมเข้าใจได้ทะลุว่า สมาคมทั้ง 3 แห่งที่ก่อตั้งมากว่า 20 ปี ไร้ผลงานในระดับ โดยรวม จึงขาดพลังดึงดูดให้บริษัทขายตรงจำนวนมากไม่เข้าร่วมเป็นสมาชิก


สิ่งนี้จึงทำให้เกิดสมาคมที่ 4 ขึ้น ชื่อ สมาคมธุรกิจเครือข่ายขายตรงไทย (TDNA) ซึ่งมี พิศิษฐ์ แทนทิว นั่งเป็นเลขาธิการสมาคมคนแรก


พิศิษฐ์ บอกว่า เขาจะขับเคลื่อนสมาคมที่ 4 ด้วยเนื้องานที่อัดแน่นด้วยคุณภาพของสังคมขายตรง นั่นเท่ากับจะทำให้มีสมาชิกมากขึ้น


งานที่เป็นจุดขายของสมาคมน้องใหม่ในระยะเริ่มต้นคือ การผลักดันให้เกิด สำนักงานขายตรง มาเป็นแกนกลางการทำงานแทนที่งานระดับธุรการที่มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้งครองผู้บริโภค (สคบ.) แบกรับมานานกว่า 10 ปี


พิศิษฐ์ ไม่ได้มีจุดเริ่มต้นชีวิตมาจากนักธุรกิจขายตรง แต่เขาผ่านประสบการณ์จากงานข่าวขายตรง จนเป็นที่ยอมรับ แล้วได้เป็นบอร์ดขายตรงและมาเป็นมันสมองของสมาคม TDNA


เขาถ่ายทอดแนวคิดการผลักดันตั้ง สำนักงานขายตรง อย่างเป็นระบบ ลุ่มลึก ใน สัมภาษณ์พิเศษ ซึ่งมีรายละเอียดตามที่นำเสนอนี้


สร้างขายตรงยุคใหม่


ธุรกิจขายตรงนับตั้งแต่ปี 2545 ที่เริ่มมีกฎหมายนั้น ผู้ประกอบการขายตรงต้องไปยื่นขออนุญาตจาก สคบ.ก่อนจึงจะประกอบธุรกิจขายตรงได้ ถึงแม้จดทะเบียนตั้งบริษัท และมีสินค้าทุกอย่างแล้วก็ตาม ก็ยังประกอบธุรกิจขายตรงไม่ได้ แต่ต้องไปยื่นเอกสาร หลักฐาน แผนการตลาดที่ สคบ.ก่อน เพื่อให้ สคบ.ตรวจสอบว่า เป็นธุรกิจที่มีโครงสร้าง แผนงานถูกกฎหมายหรือไม่ แล้ว สคบ.จะออกใบอนุญาตมา จึงจะไปทำขายตรงได้ บริษัทที่ผ่านการพิจารณาแล้วจนถึงปัจจุบันเกือบ 900 บริษัท แต่ทำจริงๆ เชื่อว่ามีไม่ต่ำกว่า 450 บริษัท เพราะล้มหาย เลิกกิจการไปก็มีมาก


บริษัทธุรกิจทั้งหมดนี้ มีสมาคมอยู่เพียง 3 สมาคม สมาคมแรกคือ สมาคมการขายตรงไทย มีสมาชิกเพียง 30 กว่าบริษัท ประเด็นที่น่าสนใจคือ ทำไมจึงมีสมาชิกแค่ 30 กว่า แล้วอีก 800 กว่าไปอยู่ไหนจึงไม่เข้าสมาคมด้วย


สมาคมที่สอง เปิดมา 10 ปีมีบทบาทน้อยมาก คือ สมาคมอุตสาหกรรมขายตรงไทย และสมาคมที่สามคือ สมาคมพัฒนาการขายตรงไทย


พอเป็นแบบนี้ โดยส่วนตัวแล้ว ผมเป็นนักข่าวและคอลัมนิสต์คนแรกที่ไปเจาะลึกข่าวขายตรงมาตั้งแต่ปี 2540 และปี 2541 มาเป็นบรรณาธิการข่าวสยามธุรกิจดูแลเซ็กชั่นขายตรง จึงนำเสนอข่าวสารที่ไม่มีใครทำมาก่อน เพราะผมเป็นคอลัมนิสต์ที่คนในวงการขายตรงรู้จักและเขียนในเชิงคนทำข่าวจริงๆ ไม่ใช่เขียนข่าวประชาสัมพันธ์


ผมได้เห็น ได้รู้จักธุรกิจขายตรงในทุกมิติ ทั้งผู้ประกอบการ ทั้งสมาชิก และพวกทำ มันนี่เกม หรือแชร์ลูกโซ่ มันจึงทำให้มีเนื้อหาเข้มข้นมากในการเขียนข่าว จากนั้นจึงได้รับการเสนอชื่อให้เป็นบอร์ดขายตรง เพราะเป็นนักข่าวคนเดียวที่รู้เรื่องนี้ลึกทั้งวงการ


ผมเห็นธุรกิจขายตรงทุกมิติ ทั้งด้านดี ด้านบวก ด้านลบ ด้านพลิกแพลง ด้านเจ้าเล่ห์ ด้านตั้งเป็นแก๊งอิทธิพล กลุ่มอิทธิพลทางธุรกิจ และการทำของสมาคมแต่ละสมาคมที่ก่อตั้งขึ้นมา ผมเห็นการเคลื่อนไหวของเขาทั้งหมดว่า เขาเดิน เขาเล่นเกมอย่างไร สมาคมแต่ละกลุ่มพยายามจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับกฎหมาย ภาครัฐอย่างไร จึงทำให้เกิดคำถามในใจมาตลอดว่า ข้อมูลที่นำเสนอผ่านกลุ่มขายตรงต่างๆ นั้น มันไม่ใช่ข้อมูลที่ตรงข้อเท็จจริงทั้งหมด เช่น ข้อมูลมูลค่าตลาดขายตรง ข้อมูลผู้ประกอบการ หรือข้อมูลต่างๆ นั้น เพราะมันเป็นกลุ่มผลประโยชน์ที่เรียกว่า กลุ่มใครกลุ่มมัน จึงกลายเป็นที่มาสำคัญทำให้ผมมา วางแนวทางสมาคม ในปัจจุบัน


สาเหตุใดจึงตั้งสมาคมธุรกิจเครือข่ายขายตรงไทย (TDNA) เป็นสมาคมที่ 4 ขึ้น ทั้งๆ ที่มี 3 สมาคมแล้ว ก่อนอื่นต้องตอบผมด้วยว่า 3 สมาคมที่ทำขึ้นมานั้น คุณเข้ามารับใช้ สังคมขายตรง แค่ไหน บริษัทขายตรงที่ประกอบการมีไม่ต่ำกว่า 450 ทำไมจึงเป็นสมาชิกทั้ง 3 สมาคมนั้นประมาณ 50 บริษัทแค่นั้น


คำถามมีว่า ทำไมสมาคมต่างๆ ทั้ง 3 แห่งที่เปิดมา 10-20 กว่าปี แต่มีสมาชิกรวมกันประมาณ 50 บริษัทเท่านั้น ส่วน TDNA เพิ่งตั้งมาเมื่อปลายปี 2555 และเริ่มต้นทำงานเป็นจริงเป็นจังช่วงต้นปี 2556 นั้น วันนี้มีสมาชิกแล้ว 25 แต่ถ้ารวมผู้สนใจกำลังเตรียมการสมัครสมาชิกอยู่รวมทั้งหมด 80 เงื่อนไขเป็นสมาชิก คือ หนึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนที่ถูกต้องตามกฎหมาย และประกอบธุรกิจอยู่ สองไม่เคยมีประวัติทำธุรกิจที่เสียหายตามกฎหมาย รวมทั้งต้องได้ใบอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการคุ้งครองผู้บริโภค (สคบ.) ในการทำธุรกิจขายตรง สรุปคือ หากเป็นบริษัทผ่านการตรวจสอบจาก สคบ. แล้วต้องเป็นบริษัทดำเนินกิจการที่ดีอยู่แล้ว


เป้าหมายตั้งสมาคมที่ 4 เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและเกิดการพัฒนาในวงการธุรกิจขายตรง ให้เป็นธุรกิจที่สำคัญและสามารถพัฒนาประเทศได้ ช่วยสร้างงาน สร้างอาชีพ รวมทั้งทำให้ทุกคนเข้าใจธุรกิจขายตรงทั้งวงการว่า เป็นอาชีพสุจริต


การพัฒนายกระดับธุรกิจขายตรงนั้น สมาคมมีโครงการใหญ่ 2 โครงการที่จะขับเคลื่อน คือ แก้กฎหมายครั้งใหญ่ และทำวิจัยครั้งประวัติศาสตร์ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน สองสิ่งนี้เป็นโครงการสำคัญที่จะทำให้สมาคมเข้าไปมีบทบาทในการผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสำคัญของวงการขายตรงนี่คือ เป้าหมายเบื้องต้นของสมาคม


ก่อเกิดบนฐาน ความแตกต่าง


สมาคมที่ 4 จะแตกต่างจาก 3 สมาคมที่มีอยู่แล้วคือ ทั้ง 3 สมาคมที่มีแล้วก่อตั้งและบริหารโดยคนขายตรงล้วนๆ แต่ผลงานที่ทำ มันไม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของวงการนี้ทั้งวงการ ส่วนใหญ่เป็นการเกาะกลุ่มกันเพื่อให้ตัวเองมีสมาคม และใช้สมาคมในการประสานงานกับภาครัฐและสังคมเป็นหลัก แต่ไม่ใช้สมาคมที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและส่งเสริมสิ่งใหม่ๆ ที่สำคัญขึ้นมาในวงการขายตรง


สมาคมที่ 4 ที่ตั้งขึ้นมานี้ จะคำนึ่งถึงผู้ประกอบการทั้งหมด ไม่ได้ตั้งขึ้นมาเพียงคุยกันอยู่แค่ไม่กี่สิบบริษัท แล้วมีอะไรก็ช่วยเหลือเกื้อกูลกันแค่ไม่กี่สิบบริษัท แต่สิ่งที่เราจะทำนั้น มันจะเป็นผลดีมหาศาลกับคนทุกคนในวงการขายตรงและระบบเศรษฐกิจของประเทศ


มีคนถามเหมือนกันว่า มีสมาคมอยู่ 3 สมาคมแล้วจะตั้งอีกทำไม ผมจึงขอถามกลับไปว่า มีอยู่ 3 สมาคมแล้วทำอะไรกันอยู่บ้าง (เน้นเสียงและมีสีหน้าจริงจัง) ทำไมอีกหลายๆ อย่างคุณและเขาจึงไม่ทำกัน นี่คือสิ่งที่ผมต้องตั้งสมาคมที่ 4 ขึ้นมา เพราะภารกิจที่จะมาช่วยกันพัฒนาวงการขายตรงยังมีอีกเยอะมากเลย


สิ่งที่สมาคม TDNA แตกต่างจาก 3 สมาคมนั้น มีอยู่มากมายเลย หนึ่งคนที่มาขับเคลื่อน มาก่อตั้ง มาวางแผนทำงานสมาคม โดยมีผมเป็นเลขาธิการสมาคม ทำหน้าที่เหมือน เสนาธิการ วางแผน วางยุทธศาสตร์ทั้งหมดว่า สมาคมจะเดินไปอย่างไร โดยมีพี่นิโรธ (นายนิโรธ เจริญประกอบ) เป็นนายกสมาคม ซึ่งมาจากข้าราชการที่เป็นนักกฎหมาย เคยกำกับดูแลกฎหมายขายตรงในฐานะเป็นเลขา สคบ. มาตั้งแต่แรกที่มีก.ม.ขายตรงใหม่ จนเกษียณ แล้วมาเป็นนายกสมาคม


ผมโดยอาชีพการทำงานมา ไม่ใช่คนขายตรง แต่เติบโตมาจากคนทำหนังสือพิมพ์ มาทำข่าว เป็นคอลัมนิสต์ และมาเป็นบรรณาธิการข่าวที่สยามธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเรื่องขายตรงโดยเฉพาะ และเป็นคนแรกที่เจาะลึกข่าวในประเด็นสำคัญ ซึ่งไม่ใช่ข่าวประชาสัมพันธ์ รวมทั้งเขียนคอลัมน์ในเชิงตีแผ่ในสิ่งที่ดีและไม่ดีต่างๆ ในวงการขายตรง จนทำให้คนทั่วไปเข้าใจธุรกิจขายตรงอย่างชัดเจน


ความแตกต่างของสมาคมที่ 4 มีความชัดเจนคือ บุคลากรที่มาผลักดันและขับเคลื่อนสมาคมนั้น มาจากคนที่เข้าใจธุรกิจขายตรงหลายมิติ ไม่ได้เป็นคนที่มาในฐานะทำธุรกิจอย่างเดียว หรือคำนึงเฉพาะผลประโยชน์ แม้ในปัจจุบันผมจะมีฐานะเป็นผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการของบริษัท นีโอ ไลฟ์ และเหมือนเป็นคนทำธุรกิจขายตรง แต่แบ็กกราวด์ของผมก็มาจากมิติอื่น และเป็นมิติอื่นที่ผ่านความลุ่มลึกในเรื่องขายตรงมาทุกแง่มุม นี่คือสิ่งสำคัญ (เน้นเสียง)ผมขอย้ำว่า นี่คือจุดสำคัญที่สมาคมอื่นไม่มีบุคลากรแบบนี้ ดังนั้น การขับเคลื่อนงานของสมาคมที่ออกมามันจึงแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงกับสมาคมอื่น และทำให้เราไม่เหมือนกับสมาคมอื่น เพราะเรามียุทธศาสตร์ชัดเจนในการทำให้เกิดผลดีกับธุรกิจขายตรงและเกิดการเปลี่ยนแปลงในประเทศขึ้น


ผลักดันตั้ง สำนักงานขายตรง


ทุกวันนี้การขับเคลื่อนสมาคมที่ 4 ไม่ได้เคลื่อนด้วยความโดดเดี่ยว เพราะผมมีวิธีสร้างสมาคมโดยไม่เน้นความโดดเดี่ยว ผมมีความคิด มีแนวทางมาก่อนที่ยังไม่ได้ทำสมาคมด้วยซ้ำ เรามีพันธมิตรที่มาร่วมคือ สคบ. ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย ศูนย์อาเซียนซึ่งขึ้นอยู่กับสมาคมการค้ากวางตุ้งภายใต้การกำกับของรัฐบาลจีน


3 หน่วยงานนี้จะเข้ามาเกี่ยวข้องกับยุทธศาสตร์สำคัญของสมาคม TDNA แล้วรวมกับ นสพ.สยามธุรกิจและสยามธุรกิจ แชนแนล (สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม) ที่เป็นผู้สนับสนุน โดยมียุทธศาสตร์สำคัญ 2 ด้านคือ แก้ ก.ม.และทำวิจัยธุรกิจขายตรง มาเป็นแนวทางขับเคลื่อนให้สมาคมเป็นสมาคมหลัก เป็นสมาคมใหญ่สุดของธุรกิจขายตรง และเป็นสมาคมที่จะมาเปลี่ยนโฉมหน้าของวงการขายตรงไทยภายใต้แนวคิด รวมพลังสร้างขายตรงยุคใหม่ นี่คือยุทธศาสตร์สำคัญของสมาคมที่ต้องการเดินไปข้างหน้า


ยุทธศาสตร์การสร้างขายตรงยุคใหม่คือ การเปลี่ยนโฉมหน้าของธุรกิจขายตรงคือ การเสนอแก้ ก.ม.ในหลายมาตรา ที่สำคัญคือ การเสนอให้ตั้งสำนักงานกำกับ ดูแลธุรกิจขายตรงขึ้นมาเฉพาะ ในปัจจุบันนี้การกำกับ ดูแลธุรกิจขายตรงขึ้นอยู่กับ สคบ.ที่มีกำลังเจ้าหน้าที่เพียง 6 คนที่มาดูแลขายตรง แต่ สคบ.ทั้งสำนักงานมีงบประมาณมาดูแลคนทั้งประเทศ 65 ล้านคน เพียง 200 ล้านบาทเศษๆ โดยในจำนวนนี้งบประมาณส่วนหนึ่งต้องแบ่งให้เจ้าหน้าที่ 6 คนมาดูแล กำกับธุรกิจขายตรง


ถามว่า ธุรกิจขายตรงมูลค่าตลาดนับแสนล้านบาท เกี่ยวข้องกับคนทั้งประเทศต้องใช้คนเพียงเท่านี้ดูแลพอหรือไม่ (เน้นเสียง) แน่นอนมันไม่พอ ดังนั้นเป้าหมายของเราคือ เราต้องผลักดันให้เกิดการแก้ ก.ม. แล้วตั้ง สำนักงาน ให้ได้ การไปเสนอรัฐบาลให้ตั้งสำนักงานไม่ใช่เรื่องง่ายๆ จะให้เกิดได้รวดเร็ว ทันทีได้


สำนักงานขายตรงจะเกิดประโยชน์และส่งเสริมธุรกิจได้ เพราะจะมีกำลังเจ้าหน้าที่มากขึ้นเพื่อคอยดูแล กำกับ ให้ความรู้กับธุรกิจขายตรงอย่างเป็นระบบ รวมทั้งเกิดการพัฒนาทั้งความรู้ต่อสังคมและผู้ประกอบการได้อยู่ภายใต้กรอบก.ม.อย่างมีมาตรฐานเดียวกัน ไม่ใช่มีมาตรฐานเฉพาะบริษัทใหญ่ที่มียอดขายมากๆ แต่บริษัทเล็กกลับไม่ได้รับการดูแล สนับสนุน ส่งเสริมให้มีการทำงานที่มีประสิทธิภาพขึ้น มีมาตรฐานและเป็นประโยชน์กับชาวบ้านจริงๆ


สิ่งสำคัญเหล่านี้ เมื่อตั้งสำนักงานขึ้นมาดูแลเฉพาะจะทำให้เจ้าหน้าที่มากขึ้นมาดูแลธุรกิจขายตรงอย่างทั่วถึง เพราะปัจจุบันการทำงานของเจ้าหน้าที่ไม่สอดคล้องกับงาน มีเพียง 6 คนแค่รับเรื่องการจดทะเบียน สคบ.ก็ล้นมือ ดังนั้นการตรวจสอบผู้ประกอบการด้านต่างๆ จึงเป็นไปอย่างไม่มีประสิทธิภาพ


เมื่อไม่มีสำนักงานเฉพาะจึงเป็นส่วนหนึ่งทำให้เกิดช่องว่างให้เกิดผู้ประกอบการมาแอบแฝงดำเนินธุรกิจแบบแชร์ลูกโซ่ จนทำให้ธุรกิจขายตรงโดยรวมเสื่อมเสีย นอกจากนี้ ถ้าเจ้าหน้าที่น้อยยังมีผลกระทบต่อการจัดมาตรฐานให้ผู้ประกอบการได้อยู่ในมาตรฐานเดียวกันได้ ซึ่งสามารถสนองต่อประชาชนเข้ามาตรวจสอบมาตรฐานของบริษัทต่างๆ ได้


แต่ทุกวันนี้เจ้าหน้าที่ดูแลไม่ทัน แค่ตรวจเอกสารอย่างเดียวก็ทำงานไม่ทันแล้ว ดังนั้นการจะไปกำกับ ดูแล ส่งเสริม เลิกพูดเลย เงินก็ไม่มี คนก็ไม่มี มันทำอะไรก็ไม่ได้ ทำได้แต่เพียงว่า ปล่อยให้ทำธุรกิจกันไป ถ้ามีการร้องเรียนกันมา มีเวลาก็ไปดูอะไรประมาณนี้ มันเหมือนว่า ทำไปตามมีตามเกิดนะ


อย่าลืมนะครับ ธุรกิจขายตรงมูลค่าตลาดแสนล้านบาทนั้น เรากำลังให้ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยสำรวจทั้งหมด เพื่อเชื่อมโยงไปสู่การแก้ ก.ม.ในอนาคต ในทุกวันนี้มูลค่าตลาดของธุรกิจขายตรงยังไม่มีข้อมูลที่เกิดจากการรวบรวมให้ชัดเจน


ด้วยเหตุนี้ สมาคมจึงต้องลงมาจับเรื่องการวิจัย และใช้งบประมาณจ้างศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย 2.6 ล้านบาท มาทำวิจัยเรื่องขายตรงโดยเฉพาะและใช้งบประมาณมากที่สุด ใหญ่ที่สุดของวงการขายตรง ให้ครอบคลุมทั้งหมดทุกมิติ และวันที่ 3 มิ.ย.จะลงนามในสัญญาจ้างกัน โดยใช้เวลาศึกษา 6 เดือน เสร็จภายในปลายปี 2556


คำถามคือ ทำไมต้องไปทำงานวิจัยเพราะว่า การผลักดันให้ตั้งสำนักงานนั้นต้องผ่านการแก้ ก.ม.ของคณะรัฐมนตรี ของสภา หากไม่เข้าใจจะทำให้ล้มเหลวได้ เพราะมองไม่เห็นความสำคัญของสำนักงานที่จะตั้งที่จะมีประโยชน์ต่อการช่วยระบบเศรษฐกิจของประเทศอย่างไร ดังนั้น งานวิจัยที่จัดทำขึ้นจะช่วยให้เข้าใจระบบธุรกิจขายตรง มองเห็นความสำคัญชัดเจน นี่คือการบ้านข้อใหญ่ของเราที่สมาคมกำลังทำเพื่อให้เกิดประโยชน์กับธุรกิจขายตรงและสังคมส่วนใหญ่ เนื่องขายตรงมูลค่าตลาดแสนล้านบาทมันช่วยให้หนุนระบบเศรษฐกิจของประเทศได้ สมมติว่า หยุดตลาดขายตรงไปเลย มูลค่าหายไปเป็นแสนล้าน คนอีกเป็นหมื่นเป็นแสนครอบครัวไม่มีเงินเลย มันเกิดอะไรขึ้น คนตกงานมหาศาล รัฐบาลต้องเข้ามารับรองคนเหล่านนี้ นี่จึงต้องแก้ ก.ม.เพื่อตั้งสำนักงานขึ้น


การไปแก้ ก.ม.และเสนอตั้งสำนักงาน ถ้าไม่มีข้อมูลประกอบที่รอบด้านชัดเจน ถูกต้อง ตรงไปตรงมาแล้ว การไปผลักดันให้เกิดการแก้ ก.ม.ของสภา หรือผู้เกี่ยวข้องต่างๆ ก็จะไม่เป็นผล สิ่งนี้เป็นเหตุผลหลักที่ต้องมีการทำวิจัย แล้วนำเสนองานวิจัยต่อผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดตั้งแต่นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ส.ส. ส.ว. วุฒิสมาชิก เพื่อผลักดันให้เกิด


การเสนอแก้ ก.ม.ไม่ใช่ทำตามขั้นตอนด้วย การจัดร่าง ก.ม. เสนอ สคบ. เสนอครม.ให้พิจารณา แล้วเข้าสภา มันไม่ใช่ เพราะนั่นเป็นการพูดแบบรู้จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง และไม่มีข้อมูลสนับสนุน แต่เรากำลังทำทั้งกระบวนการ


ถามว่าสิ่งเหล่านี้ คือ การทำทั้งกระบวนการเพื่อผลักดันให้ตั้งสำนักงานอย่างจริงจังนั้น เคยมีใครทำหรือไม่ ไม่เคย ถามว่าเคยมีคนพูดหรือไม่ว่าอยากได้สำนักงาน เคยมี แต่ไม่มีใครทำ และยุทธศาสตร์ในการทำก็ไม่เคยมี แต่สิ่งที่สมาคม TDNA ที่ผมกำลังวางแผนทำอยู่นี้ มันจะไปเป็นกระบวนการ ดังนั้น การเกิดของสมาคมนี้ จะไม่มีเหมือนสมาคมอื่นๆ ที่มีมาแล้วแน่นอน


ด้วยวิธีการนี้ จะทำให้ธุรกิจแชร์ลูกโซ่ไม่สามารถแอบแฝงในธุรกิจขายตรงนี้ ขายตรงจะมีศักดิ์ศรีขึ้น มีการยอมรับมากขึ้น มีมาตรฐานจริงๆ นี่เป็นการสร้างขายตรงยุคใหม่ แบบพลิกโฉมหน้าครั้งใหญ่และสำคัญ












Credit By : http://www.siamturakij.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น