“บริษัท เลิฟยู (ประเทศไทย) จำกัด นั้น ได้เริ่มก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2551 ที่ผ่านมา ซึ่งตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา ต้องบอกว่ากว่าที่องค์กรจะก้าวเดินถึงวันนี้ได้นั้น เรียกว่าเจอมรสุมทางธุรกิจมาพอสมควรทีเดียว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น บริษัทฯ ก็ยังสามารถยืนหยัดมาจนถึงวันนี้ได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะด้วยสินค้าที่มีคุณภาพ และแผนการตลาดที่ตอบโจทย์สมาชิกนั่นเอง”
หากพูดถึงการแข่งขันใน “ตลาดขายตรงเมืองไทย” ณ เวลานี้ หลายคนคงพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นช่วงเวลาที่มีการแข่งขันค่อนข้างรุนแรงเป็นอย่างมากทีเดียวในช่วงต้นปีนี้ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะในช่วงปลายปี 2554 ที่ผ่านมา ตลาดขายตรงได้รับผลกระทบในเรื่องของวิกฤติน้ำท่วมเช่นเดียวกับหลายๆ ธุรกิจนั่นเอง ส่งผลให้เปิดศักราชใหม่ปีนี้ จึงเริ่มที่จะเห็นความเคลื่อนไหวของหลายๆ บริษัท ออกมาบี้กันในตลาดแบบออกรสออกชาติกันเลยทีเดียว...ซึ่งบวกกับ ณ เวลานี้ เรื่องของชั้นเชิงทางธุรกิจก็ต้อง “มีไหวพริบ” และ “ปฏิภาณ” เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องด้วย เพราะหากค่ายไหนขืนช้าอาจเสียโอกาสได้เช่นกัน!!...
ที่สำคัญ ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า ศาสตราวุธของธุรกิจไม่ใช่อยู่ที่คนใดคนหนึ่ง แต่อยู่ที่ความพร้อมเพรียงขององค์กร หากค่ายไหนที่ใช้ศาสตราวุธเป็น นับได้ว่าเป็นประโยชน์อย่างยิ่งที่จะต่อกรกับ “คู่แข่ง” ใน “สมรภูมิรบ” เช่นนี้ได้นั่นเอง
ในขณะเดียวกัน ปัจจุบันนี้ ก็มี “ธุรกิจหน้าใหม่” และ “ธุรกิจหน้าเก่า” ต่างออกมา “เขย่าขวดความแรง” ของธุรกิจอย่าง “ออกรสออกชาติ” ทีเดียว ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะต้องการสร้างภาพของธุรกิจให้ผู้บริโภคได้เกิดการรับรู้ และรับทราบว่าธุรกิจของตัวเองนั้นดำเนินงานไปถึงไหนแล้ว และจะสามารถฟันฝ่าวิกฤตินานาประการที่อยู่ในปัจจุบันนี้ได้หรือไม่!....
ทั้งนี้ หากจะให้มองถึงเกมการแข่งขันในช่วงต้นปี 2555 แล้วล่ะก็...เริ่มที่จะมีเสียงคำรามของธุรกิจก่อตัวปะทุจุดเดือดออกมาให้เห็นกันบ้างแล้ว เห็นได้จากหลายๆ ธุรกิจเริ่มออกมาวาดลวดลายทางธุรกิจกันแบบ “เย้ยฟ้าท้าดิน” กันเลยทีเดียว...เช่นเดียวกับ “บริษัท เลิฟยู (ประเทศไทย) จำกัด” ก็ได้ออกมาสร้างความเคลื่อนไหวของธุรกิจให้คนเครือข่ายได้รับรู้ด้วยการจัดงานฉลองครบรอบ 4 ปี ที่สโมสรตำรวจ โดยงานนี้มีหมู่มวลสมาชิกตบเท้าเข้ามาร่วมงานกว่า 5,000 คนด้วยกัน...เรียกได้ว่าเปิดฉากช่วงต้นปีได้อย่างเร็ว-แรงทีเดียว!!...
…ปักษ์นี้คอลัมน์ “ตลาดวิเคราะห์” ขอเกาะรอยเส้นทางความสำเร็จของ “บริษัท เลิฟยู (ประเทศไทย) จำกัด” มาดูกันว่าค่ายนี้มีดีอะไร และทำไมถึงสามารถยืนหยัดอยู่ในสมรภูมิรบขายตรงได้จนถึงวันนี้?...โดย “จิรัชยาพัชร์ สาคะรินทร์” ประธานกรรมการ บริษัท เลิฟยู (ประเทศไทย) จำกัด ได้เผยผ่าน “ตลาดวิเคราะห์” ว่า... “บริษัท เลิฟยู (ประเทศไทย) จำกัด นั้น ได้เริ่มก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2551 ที่ผ่านมา ซึ่งตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา ต้องบอกว่ากว่าที่องค์กรจะก้าวเดินถึงวันนี้ได้นั้น เรียกว่าเจอมรสุมทางธุรกิจมาพอสมควรทีเดียว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น บริษัทฯ ก็ยังสามารถยืนหยัดมาจนถึงวันนี้ได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะด้วยสินค้าที่มีคุณภาพ และแผนการตลาดที่ตอบโจทย์สมาชิกนั่นเอง”...
เรียกได้ว่า ค่าย “เลิฟยู” ถือเป็นอีกหนึ่งบริษัทขายตรงที่เติบโตมา เพราะสินค้าที่มีคุณภาพจริงๆ ที่สำคัญ การยืนหยัดอยู่ในธุรกิจเครือข่ายมาถึง 4 ปี ธุรกิจย่อมไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน เห็นได้จากในช่วงต้นปีนี้ “เลิฟยู” เอง ลั่นกล้องชัยได้อย่างยิ่งใหญ่ทีเดียว ด้วยการจัดงานประดับเข็มเกียรติยศและฉลองครบรอบ 4 ปี ที่สโมสรตำรวจ เรียกว่าเป็นการตอกย้ำความแรงของธุรกิจ รวมถึงความพร้อมของธุรกิจเลิฟยูได้เป็นอย่างดีทีเดียว!...
... “ที่ผ่านมา ธุรกิจเลิฟยู จะเป็นการทำตลาดแบบเงียบๆ โดยจะใช้สินค้าที่มีคุณภาพเป็นใบเบิกทางธุรกิจ และเมื่อมีการใช้ดีแล้วจะเป็นการบอกต่อ โดยที่ผ่านมา เลิฟยู เองยังไม่ค่อยที่จะเปิดตัวผ่านสื่อต่างๆ เท่าที่ควร จนกระทั่งบริษัทมีความพร้อมมากขึ้น จึงได้มีการเปิดตัวผ่านสื่อในปี 2554 ที่ผ่านมา และผลตอบรับก็ดีเกินคาด”...
จะเห็นได้ว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา “เลิฟยู” เอง ไม่ค่อยที่จะมีการประชาสัมพันธ์ตัวเองซักเท่าไหร่ แต่พอหลังจากความพร้อมเริ่มมีมากขึ้น จึงได้มีการตอกย้ำธุรกิจด้วยการโฆษณาประชาสัมพันธ์องค์กรให้เกิดการรับรู้มากขึ้น จนส่งผลให้เพียงแค่ไม่นาน ค่ายนี้ก็เริ่มเป็นที่รู้จักของใครหลายคนในช่วงเวลาอันสั้นนั่นเอง
เห็นได้จาก “ขีปนาวุธ” ลูกแรกที่ค่าย “เลิฟยู” ยิงจนได้ผลในช่วงปีที่ผ่านมา นั่นก็คือ สื่อทีวีดาวเทียม พร้อมพ่วงท้ายด้วยสื่อสิ่งพิมพ์ จนสามารถสร้างแรงเหวี่ยงทางธุรกิจได้อย่างชัดเจน และมียอดขายเพิ่มขึ้นเกือบทุกเดือน ที่สำคัญ พบอีกว่า ยังมีสมาชิกหน้าใหม่เริ่มหลั่งไหลเข้ามาสู่ธุรกิจเลิฟยูอย่างต่อเนื่องอีกด้วย
นับได้ว่า การเปิดเกมแลกแบบท้าชนของธุรกิจเลิฟยูในช่วงปีที่ผ่านมานั้น ต้องยอมรับว่า เป็นอีกหนึ่งบริษัทฯ ที่เดินเกมทางธุรกิจได้อย่างครบเครื่องทีเดียว ทั้งในเรื่องของการประชาสัมพันธ์ธุรกิจ รวมถึงความเข้มข้นในเรื่องของการอบรม เพื่อสร้างผู้นำสู่ความสำเร็จ แต่ถึงอย่างไร ถึงแม้ในช่วงที่ผ่านมาธุรกิจเลิฟยู อาจจะเจอแรงสั่นไหวภายในองค์กรก็ตามที แต่ทั้งนี้ ต้องบอกว่าเลิฟยู เอง ก็ยังสามารถฟันฝ่าปัญหาต่างๆ มาได้ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเป้าหมาย คือ การนำพาสมาชิกนักธุรกิจเลิฟยูให้ประสบความสำเร็จนั่นเอง!...
และเมื่อเจาะถึงแผนการรุกตลาดของ “เลิฟยู” ในปี 2555 นี้แล้ว พบว่า ค่ายนี้เตรียมที่จะรุกตลาดอย่างหนักหน่วงในทุกพื้นที่ถึง 2 เท่าตัวจากในปีที่ผ่านมาเลยทีเดียว ด้วยกลยุทธ์ที่จะเน้นการอบรมเทรนนิ่งที่เข้มข้นมากขึ้น พร้อมกับเตรียมความพร้อมในส่วนของทีมวิทยากรให้มากขึ้นด้วย รวมถึงการส่งเสริมการตลาดในพื้นที่รอบนอกของกรุงเทพฯและปริมณฑล เพื่อให้ถึงเป้าหมายยอดขายสิ้นปีนี้คือ 500 ล้านบาท...
“สาเหตุที่ปีนี้ เลิฟยู ได้เน้นการรุกตลาดในเขตต่างจังหวัดเป็นพิเศษ เนื่องจากต้องการที่จะขยายฐานลูกค้าของ
บริษัทฯ ให้มากขึ้น รวมถึงต้องการเติมเต็มในส่วนของการเทรนนิ่งตามเซ็นเตอร์ต่างๆ ให้มากขึ้น เพื่อรองรับกับการเติบโต
ทั้งทางภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคอีสาน ซึ่งคาดว่าการรุกตลาดอย่างหนักหน่วงเช่นนี้ น่าที่จะทำให้คนรู้จักธุรกิจเลิฟยูมากขึ้นด้วยเช่นกัน ที่สำคัญ ความพร้อมทางด้านระบบไอทีที่เลิฟยูมี ก็น่าที่จะมีส่วนช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย”
...ทั้งนี้ อีกหนึ่งเป้าหมาย สำคัญในการบุกตลาดเครือข่ายของ “เลิฟยู” ในปีนี้ นอกเหนือจากในเรื่องของการรุกตลาดต่างจังหวัดแล้ว “เลิฟยู” เอง ยังมีแผนที่จะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อสนองความต้องการของสมาชิกและให้สมาชิกสามารถทำตลาดได้ง่ายขึ้น นั่นก็คือ ในกลุ่มความสวยความงาม โดยคาดว่าจะออกมาไม่ต่ำกว่า 2 รายการในปีนี้
“สินค้าใหม่ที่จะนำออกมาสู่ตลาดเครือข่ายนั้น ถือได้ว่าเป็นสินค้าที่ทางสมาชิกเองได้มีการเรียกร้องมา ซึ่งก่อนหน้านี้สินค้าหลักของบริษัทฯ คือ กลุ่มสุข ภาพ แต่ขณะนี้สินค้าในกลุ่มดังกล่าวเรียกได้ว่าติดตลาดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่งผลทำให้ทางบริษัทฯ จึงมีแนวคิดที่อยากจะเพิ่มไลน์สินค้าใหม่ขึ้นมา เพื่อรับกับกระแสตลาดในเรื่องของความสวยความงามที่กำลังมาแรงอยู่ในขณะนี้นั่นเอง”
...ส่วนอีกหนึ่งหัวหอกที่สำคัญ ในการขยายฐานธุรกิจเพื่อสร้างการรับรู้แก่ผู้บริโภคนั้นนั่นก็คือ ศูนย์จำหน่ายสินค้า โดยปัจจุบันนี้ “เลิฟยู” ก็มีศูนย์จำหน่ายอยู่ตามจังหวัดต่างๆ ด้วยเช่นกัน และยังมีแผนที่จะปรับจากศูนย์มาเป็นคลังสินค้าประจำจังหวัดอีกด้วย ซึ่งปัจจุบันมีอยู่เพียงแค่ 2 แห่ง ด้วยกัน คือ ที่จังหวัดปทุมธานีและนครศรีธรรมราช โดยทาง “เลิฟยู” คาดการณ์ว่าในปีนี้ น่าที่จะมีคลังสินค้าเพิ่มขึ้นอีกอย่างแน่นอน ที่สำคัญ ยังมีในส่วนของโมบายที่มีอยู่ประมาณ 200 กว่าโมบาย และเซ็นเตอร์อีกประมาณ 100 กว่าแห่ง ไว้คอยให้บริการอีกด้วย
นอกจากนี้ “จิรัชยาพัชร์” ยังได้กล่าวตอกย้ำ! ความพร้อมของธุรกิจเลิฟยู ณ ปัจจุบันนี้อีกว่า “วันนี้ถือว่าธุรกิจเลิฟยู มีศักยภาพเพียงพอที่จะนำพาสมาชิกสู่ความสำเร็จ เห็นได้จากงานประดับเข็มเกียรติยศในปีนี้ที่มีผู้ประสบความสำเร็จอย่างมากมาย ที่สำคัญ ปีนี้ ถือเป็นนิมิตหมายอันดี ที่เลิฟยูจะทำธุรกิจในรูปแบบใหม่ ด้วยการทำตลาดเชิงรุกมากขึ้น เพื่อที่จะนำพาผู้นำทุกคนให้ถึงเป้าหมาย รวมถึงยังเตรียมที่จะทุ่มงบการประชาสัมพันธ์ที่มากขึ้นกว่าทุกๆ ปีถึง 2 เท่าด้วยกัน เพื่อรองรับกับการขยายงานขององค์กรและสมาชิกที่คาดว่าจะเติบโตอย่างรวดเร็วในอนาคตอันใกล้นี้ จากปัจจุบันที่เลิฟยูมีสมาชิกทั้งหมดอยู่ที่ 6 หมื่นกว่ารหัสด้วยกัน”
ทั้งนี้ หากเจาะลึกดูถึงแผนการสร้างผู้นำให้ประสบความสำเร็จของค่าย “เลิฟยู” แล้วล่ะก็ พบว่า ค่ายนี้จะเน้นการจัดหลักสูตรอบรม เข้ามาเติมเต็มองค์ความรู้ให้กับผู้นำโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นหลักสูตรเบื้องต้นที่ทุกคนจะต้องรู้จักเลิฟยู ว่าจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไร ซึ่งคนที่ไม่รู้จักเลิฟยู เมื่อเข้ามาอบรมในหลักสูตรของเลิฟยูแล้ว ทุกคนจะสามารถทำงานได้อย่างมีระเบียบแบบแผนมากขึ้นด้วยหลักสูตรที่บริษัทจัดไว้ให้ พร้อมกับการใช้สินค้าเป็นทัพหน้าในการทำธุรกิจ
…นับได้ว่าวันนี้ ธุรกิจขายตรงที่ชื่อ “เลิฟยู” กำลังเดินเครื่องทางธุรกิจอย่างเต็มอัตราศึกทีเดียว เพื่อหวังที่จะสร้างความสำเร็จให้กับสมาชิกทุกคนได้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน เกมการแข่งขันในสมรภูมิรบขายตรงในวันนี้ ต้องบอกว่า ค่อนข้างที่จะดุเด็ดเผ็ดร้อนอย่างมากทีเดียว!...
โดยทางด้าน “จิรัชยาพัชร์” ก็ได้ออกมายอมรับว่า “ในปีนี้ การแข่งขันของธุรกิจขายตรงทุกค่าย เชื่อว่าต้องเปิดเกมรุกอย่างหนักหน่วงแน่นอน เพื่อที่จะหาความแตกต่างให้กับค่ายตัวเอง ในขณะเดียวกัน เรื่องของคุณภาพสินค้า แผนการตลาด รวมถึงความมั่นคงของบริษัทฯ ก็จะเป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญที่จะดึงดูดใจคนให้คนหันเข้ามาสู่ธุรกิจเครือข่ายมากขึ้นด้วยเช่นกัน”
…ต้องคอยจับตาดูกันว่า แผนการรุกตลาดของ “เลิฟยู” ในครั้งนี้ จะสร้างความฮือฮาในวงการขายตรงได้มากน้อยแค่ไหน และเป้าหมายยอดขายที่วางไว้สิ้นปี 500 ล้านบาท จะตรงตามที่คาดการณ์หรือไม่อย่างไร เวลาเท่านั้นที่เป็นเครื่องพิสูจน์!
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: นสพ.ตลาดวิเคราะห์ ฉบับที่ 316 ประจำวันที่ 16 - 31 มีนาคม 2555
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น