ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันเสาร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2555

สูตรสำเร็จนักขายเงินล้านค่าย ‘แด๊กซิน’... ก้าวเดินอย่างมีจุดมุ่งหมาย..ความสำเร็จอยู่แค่เอื้อม!

บนเส้นทางแห่ง “ความร่ำรวย” ที่ได้มาจาก “ธุรกิจเครือข่าย” เป็นสิ่งที่ใครหลายคนถวิลหา...และถึงแม้ว่าแรกเริ่มเดิมทีนั้น จะมองว่าเป็นงานที่ยาก แต่หากมีความตั้งใจไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค ใช้อุปสรรคเหล่านั้นเป็นแรงผลักดัน เชื่อว่าในที่สุดแล้ว ความสำเร็จย่อมเกิดขึ้นตามความฝันที่ทุกคนได้วางไว้อย่างแน่นอน

“เส้นทางเริ่มต้นของการก้าวสู่ธุรกิจเครือข่าย ย่อมแตกต่างกันออกไป…บางคนอาจประทับใจในตัวสินค้าของบริษัทหรือบางคนอาจประทับใจในตัวบุคคลที่ประสบความสำเร็จ และอยากที่จะดำเนินรอยตามบุคคลเหล่านั้น...ซึ่งไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม ล้วนเป็นสะพานที่ทอดยาวให้หลากหลาย ได้ก้าวเข้ามาสู่ธุรกิจเครือข่าย และสามารถประสบความสำเร็จในชีวิตได้อย่างไม่น่าเชื่อ...!!!”

เฉกเช่นชีวิตของเหล่านักสู้มากด้วยความสามารถแห่ง “บริษัท แด๊กซิน ประเทศไทย จำกัด” ที่เดินทางตามหาความฝัน และมองหาสิ่งที่จะสามารถเติมเต็มให้กับชีวิตของพวกเขาได้...ด้วยตัวสินค้าที่โดดเด่นบวกกับแผนการตลาดดีเยี่ยม จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้พวกเขา “เปิดใจ” และก้าวเข้ามาสู่เส้นทางนักขายจวบจนปัจจุบันนี้...
...ปักษ์นี้คอลัมน์ “คลับเงินล้าน” จึงขอประเดิมด้วยเรื่องราวชีวิตอันน่าทึ่งของนักขายที่มากด้วยความสามารถของค่าย “แด๊กซิน” ผู้มีนามว่า “อับดุลตอเร๊ะ ดือเร๊ะ” ผู้ที่อดีตเคยเป็นเพียงแค่คนขับรถ และแทบจะมองไม่เห็นโอกาสแห่งความร่ำรวยในอาชีพนี้ได้เลย...จนเวลานี้เขาสามารถพลิกผันตัวเองให้ก้าวสู่การเป็นนักธุรกิจเงินแสนได้ในบันดล...

โดย “ตอเร๊ะ” เล่าว่า “อดีตเป็นคนขับรถให้กับ “ท่านประธานทวีศักดิ์ อับดุลบุตร” ซึ่ง “ตอเร๊ะ” ยึดอาชีพคนขับรถตลอดมาเป็นระยะเวลา 6 ปี แต่ก็ไม่เคยคิดที่จะเปิดโอกาสให้กับตัวเอง แต่ด้วยการที่ “ตอเร๊ะ” มีโอกาสอยู่รับใช้ “ท่านประธานทวีศักดิ์” ทำให้เขาได้สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของบริษัท “แด๊กซิน” ที่ใหญ่โตและมั่นคงขึ้นอย่างรวดเร็ว อีกทั้งได้มองดูความสำเร็จของนักขายท่านอื่นมาคนแล้วคนเล่า จนเกิดความคิดที่อยากจะประสบความสำเร็จในชีวิตบ้าง?...

“ตอเร๊ะ” จึงไม่รอช้าที่จะตัดสินใจสมัครเป็นสมาชิก และได้เริ่มธุรกิจเครือข่ายที่ “แด๊กซิน” ตั้งแต่ปีพ.ศ.2548 แต่ด้วยความที่เรียนมาน้อย อ่านหนังสือไม่ค่อยได้ จึงเป็นอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจ...บวกกับในพื้นที่ชนบทที่ “ตอเร๊ะ” อยู่นั้น แทบจะไม่มีใครรู้จักสินค้าขายตรง ทำให้ “ตอเร๊ะ” เกิดความท้อแท้ หมดกำลังใจ...
ด้วยความมานะบากบั่นและอดทนสู้ ที่ “ตอเร๊ะ” ใช้ควบคู่กับการทำงาน บวกกับคุณภาพของสินค้าที่มีผู้ใช้แล้วบอกต่อ ส่งผลให้ยอดขายและองค์กรของ “ตอเร๊ะ” เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เขามีกำลังใจเกิดขึ้น และคิดเสมอว่า “เมื่อคนอื่นทำได้ สักวันหนึ่งเราก็ต้องทำได้” สิ่งนี้จึงเป็นแรงผลักดันให้เขาฮึดสู้อีกครั้ง...!!!

...แม้สภาพแวดล้อมจะไม่อำนวยต่อการดำเนินธุรกิจ แต่ “ตอเร๊ะ” ก็ใช้หลักคิดที่ว่า “ในการหาคนนั้น ต้องหาคนที่เราคิดว่าเราเหนือกว่าทางจิตใจ ไม่เน้นการขาย แต่เน้นการให้คำปรึกษามากกว่า และที่สำคัญต้องมอบสิ่งดีๆ ให้กับเขา เมื่อมีผู้สมัครสมาชิก เราก็ลงพื้นที่กับเขา คอยสอน คอยแนะนำ ทุ่มเทให้กับสมาชิก คอยช่วยเหลือสมาชิกจนเขามีรายได้ ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่แม่ทีมเคยมอบให้กับเรา ทำให้เราจึงได้เดินตามแนวทางของแม่ทีมที่เป็นต้นแบบอย่าง จนสามารถประสบความสำเร็จในวันนี้ และพร้อมที่จะมอบความสำเร็จแก่ลูกทีมต่อไป”…

นับได้ว่า จากการเป็นผู้ให้ของ “ตอเร๊ะ” ทำให้เขาเริ่มประสบความสำเร็จขั้นหนึ่ง ด้วยการที่เขาสามารถมีบ้านหลังใหม่ได้ภายในระยะเวลาเพียง 3 เดือน และต่อมาไม่นานเขาก็สามารถเนรมิตรถมอเตอร์ไซต์คันเก่าๆ ที่เขาใช้ขับไปเสนอสินค้า ให้กลายเป็นรถยนต์ป้ายแดงได้...


หลังจากนั้นไม่นาน “ตอเร๊ะ” ก็เริ่มมีทรัพย์สินเงินทองเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนปัจจุบัน “ตอเร๊ะ” มีรถยนต์ทั้งสิ้น 4 คัน....และมีรายได้ 180,000 บาท ซึ่งสิ่งที่น่าภูมิใจมากกว่าทรัพย์สินเงินทองที่เขาได้รับ นั่นคือ การได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่ง “ผู้บริหารระดับเพชร” ที่เขาใฝ่ฝันมาตลอดทั้งชีวิต และใช้ระยะเวลาเพียง 2 ปี 5 เดือนเท่านั้น...
ซึ่ง “ตอเร๊ะ” กล่าวอีกว่า “การได้ขึ้นรับตำแหน่งไดมอน รู้สึกว่าสิ่งที่เรารอคอยมาตลอดเวลา น่าจะทำมาตั้งนานแล้ว เสียเวลาไป 6 ปี ที่ไม่สนใจในธุรกิจเครือข่าย ยังคงยึดอาชีพคนขับรถ โดยคิดลบมาตลอดว่าชาตินี้คงไม่รวย คงต้องยึดอาชีพคนขับรถอยู่อย่างนั้น และตั้งใจจะขับรถตลอดไป เพราะไม่คิดอะไร ชีวิตไม่มีเป้าหมาย เพราะผ่านการทำงานมาหลากหลายอาชีพก็ไม่รวยสักที”…

“หากถามถึงคุณสมบัติตำแหน่งไดมอนมีหลายประการ แต่สำหรับผมมีบุคลิกท่าทาง ทัศนคติบวก ไม่รับปัญหา มองโลกในแง่ดี พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส ขยันอ่านหนังสือ เข้าอบรมอย่าได้ขาด โอกาสสำเร็จแน่นอน”…

...เรียกได้ว่าที่ “แด๊กซิน” คอยช่วยเหลือหลายๆ คนที่ขาดโอกาส...ซึ่งไม่เพียงแต่ความสำเร็จของ “ตอเร๊ะ” เท่านั้น ที่ “แด๊กซิน” ยังหยิบยื่นโอกาสให้กับนักขายอีกหลากหลายชีวิตที่ร่ำรวยและประสบความสำเร็จจากบริษัทแห่งนี้ และหนึ่งในนั้นคือ “พิกุล ภูถมดี” สาวจากเมืองกาฬสินธุ์ที่ปัจจุบันได้ขึ้นแท่นอยู่ในตำแหน่ง “ผู้บริหารระดับเพชร” อีกคนหนึ่ง

เส้นทางชีวิตของ “พิกุล ภูถมดี” เริ่มจากการที่เธอรับราชการเป็นพยาบาลสาธารณสุข และได้มีโอกาสเข้ามาศึกษาปริญญาโท ที่กทม. ในขณะที่มาเรียนนั้น พี่สาวของเธอมีปัญหาเรื่องสุขภาพ ต้องเข้าออกโรงพยาบาลบ่อย...

ด้วยความโชคร้ายครั้งนั้น ก็แฝงด้วยความโชคดี ที่เพื่อนของ “พิกุล” ได้แนะนำผลิตภัณฑ์เห็ดหลินจือ ซึ่งถือเป็นผลิตภัณฑ์ชูธงของ “แด๊กซิน” เธอจึงลองซื้อไปให้พี่สาวทาน ปรากฏว่าพี่สาวอาการดีขึ้น ฟื้นฟูจนอยู่ในสภาวะปกติ เมื่อสินค้าเห็นผล “พิกุล” จึงเกิดความประทับใจในตัวสินค้า และได้ตัดสินใจเข้ามาทำธุรกิจเครือข่ายกับ “แด๊กซิน” ควบคู่กับงานประจำตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา...

...“พิกุล” ได้เล่าอีกว่า “เธอเริ่มเข้ามาทำธุรกิจเครือข่ายที่ “แด๊กซิน” อย่างจริงจังตอนปี พ.ศ.2548 ซึ่งเมื่อก่อนเธอไม่คาดคิดว่าจะได้มาทำธุรกิจเครือข่าย เพราะการเป็นพยาบาล เป็นข้าราชการสาธารณสุข จะไม่เชื่อเรื่องอาหารเสริมว่าดีจริง ไม่เชื่อว่า MLM ให้ชีวิตที่ดีได้จริงหรือเปลี่ยนคุณภาพชีวิตได้ หรือแม้กระทั่งสามารถให้เกียรติให้ศักดิ์ศรีกับเราได้”...

แต่หากชีวิตของหญิงแกร่งที่เปี่ยมล้นไปด้วยความสามารถผู้นี้ ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะการที่ “พิกุล” ทำอาชีพธุรกิจเครือข่ายควบคู่กับงานประจำนั้น ต้องมีความรับผิดชอบและต้องรู้จักบริหารเวลาให้เป็น และที่แย่ไปกว่านั้น “พิกุล” ต้องพบเจอกับอุปสรรคในการทำธุรกิจ เพราะเธอเองไม่เก่งเรื่องงานขาย แต่ด้วยสินค้าดี มีคุณภาพ จึงเป็นตัวช่วยสำคัญอีกตัวหนึ่ง ที่ทำให้ “พิกุล” ประสบความสำเร็จได้...

นอกจากสินค้าดีแล้ว การบริหารทีมงานก็ถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะต้องมอบความจริงใจให้แก่ทีมงานก่อน เราจึงจะได้ความจริงใจกลับคืนมา...โดยหลักการบริหารทีมงานของ “พิกุล” เธอได้บอกว่า “ท่านใดที่มาเป็นทีมงาน ก็จะบอกความจริงของบริษัทแด๊กซินว่าเป็นอย่างไรไม่กดดัน ต้องให้เขารู้สินค้าที่เขาชอบ เมื่อชอบก็ให้ลองใช้ดูก่อนว่าดีจริงหรือเปล่า เมื่อเกิดความมั่นใจแล้วจึงบอกต่อว่าจะมีการขยายธุรกิจอย่างไรจึงจะได้เงินจริง บอกเส้นทางการเดินในธุรกิจว่าต้องเดินอย่างไร และบอกแผนการทำธุรกิจว่าควรทำอย่างไร?”

…“คุณธรรมนำธุรกิจ” นี่คือนโยบายของบริษัท “แด๊กซิน” ที่ “พิกุล” ใช้ควบคู่กับการทำธุรกิจเสมอมา ซึ่ง “พิกุล” ก็ได้บอกต่ออีกว่า “หากเราทำตามมาตรฐานธรรมดา ตรงไปตรงมา ทำด้วยใจ และมีความขยัน ดูแลทีมงานด้วยความจริงใจ ไม่เอาเปรียบ มีคุณธรรมตามนโยบายของบริษัท และต้องมีความขยัน ความเพียรพยายามอย่างต่อเนื่องด้วย แค่นี้เราก็สำเร็จได้แน่นอน”

จากการทำธุรกิจเครือข่ายในช่วงแรก “พิกุล” ได้รับรายได้เพียงหลักร้อย หลักพันเท่านั้นเอง แต่ ณ เวลานี้ เธอได้รับรายได้ถึงหลักแสนบาท และมีบ้าน มีรถมูลค่ากว่าล้านบาท มีเงินให้ครอบครัวใช้อย่างไม่ขาดมือ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นความภาคภูมิใจที่เธอได้รับจาก “แด๊กซิน” และตัวเธอเองไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะมีรายได้มากขนาดนี้ เพราะการทำงานพยาบาลนั้นกว่าจะได้รายได้มากมายขนาดนี้ ต้องแลกกับหยาดเหงื่อ และความเหนื่อยเป็นทวีคูณ หากกำลังของเราไม่ถึง เราก็ไม่ได้”…

“พิกุล” ยังได้บอกอีกว่า ในปีนี้ตั้งเป้าหมายไว้ว่า “จะสร้างผู้นำ ดูแลผู้ที่ร่วมธุรกิจให้เขารวยอย่างเรา ให้เขาเข้าใจว่าเราแนะนำสิ่งที่ดี ถ้าทำตามที่เราแนะนำ รับรองว่ารวยแน่นอน...และขอเพียงมีความตั้งใจ มีความขยัน มีความเพียร ก็สำเร็จได้...

...ปิดท้ายความสำเร็จกันด้วยที่สองสามีภรรยา ผู้ฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ จนมาพบกับหนทางแห่งความสำเร็จ...อย่าง “ธีรพล-ไพจิตร อุดมทวี” คู่รักคู่รวยอีกคู่หนึ่งแห่ง “แด๊กซิน”…

โดยจุดเริ่มต้นของชีวิตทั้งคู่ นับว่าเป็นเส้นทางที่สวยหรูในระดับหนึ่งแล้ว ด้วยการเป็นเจ้าของกิจการคาร์แคร์ครบวงจร ส่วน “ไพจิตร” ผู้เป็นภรรยามีอาชีพเป็นข้าราชการสาธารณสุข เรียกได้ว่ารายได้ของครอบครัว “อุดมทวี” มีมากพอ ที่จะทำให้ครอบครัวสุขสบาย ไม่เดือดร้อนแต่อย่างใด...

ธุรกิจเครือข่ายจึงเป็นสิ่งที่ “ธีรพล” มองข้ามในเวลานั้น...แต่ใครจะเชื่อว่าลิขิตฟ้าจะนำพาให้ “ธีรพล” ได้มีโอกาสไปสัมผัสกับสินค้าเกษตรของ “แด๊กซิน” ทำให้เขาเกิดความสนใจ และเข้ามารับฟังการบรรยายในเรื่องสินค้าและแผนการตลาด...“ธีรพล” จึงเข้าใจในธุรกิจเครือข่ายมากขึ้น และคิดว่าจะประสบความสำเร็จได้...
“ช่วงแรกได้เข้าห้องอบรม ไปเรียนรู้แผนการตลาด ตัดสินใจใช้สินค้า และลงพื้นที่ไปขายสินค้าการเกษตร เหมือนที่วิทยากรแนะนำ ลองปฏิบัติเอง เก็บข้อมูลเอง จนปัจจุบันได้มาเป็นวิทยากรของภาคอีสาน และมีโอกาสได้ไปบรรยายที่ประเทศลาวและกัมพูชาด้วย”

“ธีรพล” ใช้เวลาเพียง 2 ปี 1 เดือนก็สามารถขึ้นสู่ตำแหน่ง “ผู้บริหารระดับเพชร” ได้ โดยตัวเขามองว่า “สิ่งนี้ถือเป็นการประสบความสำเร็จในขั้นแรกเท่านั้น แต่หากสามารถสอนให้ทีมงานประสบความสำเร็จเหมือนตัวเขาได้ และเมื่อเขาหยุดทำและยังคงมีรายได้ นี่แหละคือความสำเร็จที่แท้จริง”...

...และแน่นอนว่า การเดินอยู่บนเส้นทางธุรกิจเครือข่ายของ “ธีรพล” ย่อมมีอุปสรรคอย่างแน่นอน เพราะในช่วงแรก โดนผู้อื่นปฏิเสธมาจำนวนมาก แต่เขาก็ไม่เคยย่อท้อ โดยเขานำหลักของหลวงพ่อคูณมาคิดเสมอว่า “การไปแนะนำสินค้าหรือชักชวนให้ผู้อื่นมาสมัครสมาชิกกับเรา ก็เหมือนหาปลาในทุ่งนา มีปลาที่ไหนจะเข้าไซเราทั้งหมด ได้เท่าไหร่เอาเท่านั้น ค่อยๆ สะสมองค์กร สะสมสายงาน สักวันหนึ่งก็จะประสบความสำเร็จ”...

โดย “ธีรพล” บอกว่า “รายได้เดือนแรกที่ได้รับเพียง 460 บาท ต่อมาเดือนที่ 2 ได้รับ 4,600 บาท จนมาเดือนที่ 4 มีรายได้ถึงหลักแสนบาท ซึ่งเมื่อก่อนเคยทำกับบริษัทใหญ่บริษัทหนึ่งมา แต่รายได้ก็ไม่มากขนาดนี้…ถ้าเราตั้งใจ และมองเห็นโอกาส รับรองว่าโอกาสประสบความสำเร็จมีแน่นอน เพราะบริษัทมีแผนการตลาดให้ เพียงเราเดินตามผู้ที่ประสบความสำเร็จเท่านั้น”

เมื่อเราลงพื้นที่ เราก็ไปนั่งคุยกับเกษตรกร ถ้าเขาไม่มั่นใจในสินค้า เราก็แนะนำให้เขาเริ่มใช้ปริมาณน้อยๆ ก่อน เมื่อใช้ดี ใช้แล้วเห็นผล เขาก็จะเริ่มใช้เอง...และนี่จึงเป็นหลักการง่ายๆ ในการทำธุรกิจของ “ธีรพล”...

...ด้าน “ไพจิตร” ผู้เป็นภรรยา ก็ไม่เคยคาดคิดว่าจะได้มาทำ “ธุรกิจเครือข่าย” เช่นเดียวกัน เพราะการรับราชการ เป็นนักวิชาการสาธารณสุข เป็นอาชีพที่มั่นคงอยู่แล้ว บวกกับมีรายได้จากธุรกิจคาร์แคร์ ที่เธอมองว่ามากพออยู่แล้ว...แต่เมื่อ “ธีรพล” ผู้เป็นสามีได้ทำธุรกิจเครือข่ายไปได้ในระยะหนึ่ง “ไพจิตร” จึงมองเห็นว่า “ธุรกิจเครือข่าย” เป็นธุรกิจที่ดี จึงเริ่มเปิดใจ และลงมือทำร่วมกันกับสามี ควบคู่ไปกับงานราชการและธุรกิจคาร์แคร์ด้วย...


การมีทรัพย์สินเงินทอง มีรถราคากว่าล้านบาท สิ่งเหล่านี้ครอบครัว “อุดมทวี” มีเพียบพร้อมก่อนการเริ่มธุรกิจเครือข่าย...แต่พวกเขามองว่า “แด๊กซิน” ให้รางวัลชีวิตแก่พวกเขา นอกเหนือจากรายได้หลักแสน นั่นคือ การมีเวลาให้กับครอบครัวมากขึ้น...ได้มีโอกาสไปเที่ยวพักผ่อนมากขึ้น เพราะไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน หรือหยุดทำ รายได้ก็ยังคงมีเช่นเดิม...

ถ้าเรายังทำธุรกิจคาร์แคร์ หรือธุรกิจอื่นๆ เราไม่สามารถหยุดทำได้ นี่จึงถือเป็นเสน่ห์ของธุรกิจเครือข่าย...

โดย “ธีรพล” ยังบอกต่ออีกว่า “ถ้าเขาเปิดใจ ให้เขาเรียนรู้จากการเข้าอบรม ให้เขาเลียนแบบใครก็ได้ที่สำเร็จ คอยช่วยให้เขาประสบความสำเร็จ ซึ่งในธุรกิจเครือข่าย เราสามารถสอนให้คนอื่นรวยเหมือนเราได้ แต่ในธุรกิจอื่นทำไม่ได้”…นี่จึงเป็นสิ่งที่ “ธีรพล” ภาคภูมิใจเสมอมา

...นับได้ว่า ไม่ว่าจะเป็นใคร ก็มีโอกาสเท่ากันทุกคน แม้เรียนมาน้อย ไม่มีความรู้ แต่หากมีความมุ่งมั่น ขยันทำอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง ก็สามารถเติบโตได้ในธุรกิจนี้ เพราะธุรกิจเครือข่ายเปิดกว้างให้กับทุกคนได้ประสบความสำเร็จเช่นดั่งนักขายเงินล้านค่าย “แด๊กซิน”…


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: นสพ.ตลาดวิเคราะห์ ฉบับที่ 317 ประจำวันที่ 1 - 15 เมษายน 2555

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น