ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันพุธที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2555

‘ทีวีดาวเทียม’ ราคาพุ่ง! MLM เปิดศึกชิงพื้นที่ดูดเงินคนดู

 


สื่อดาวเทียม และเคเบิลทีวี ไต่ระดับองศาร้อน บรรดาค่ายขายตรงแห่จองพื้นที่ แย่งเวลาออกอากาศเดือด หวังใช้เป็นตัวสร้างแบรนด์สร้างรายรับเข้ากระเป๋า หลังการสำรวจชี้ชัด ประชาชนเกินครึ่งประเทศรับชมโทรทัศน์ผ่านจานเพิ่มสูงในทุกปี คาดไม่เกิน 4 ปี เสาก้างปลาหมด ธุรกิจต้องชิงช่อง ออกอากาศให้ทัน

>> ดาวเทียม/เคเบิล มูลค่ารวมพุ่งไม่หยุด

จากแนวโน้มการขยายตัวของธุรกิจทีวีดาวเทียมในช่วงหลัง สะท้อนจากรายงานของเอจีบี นีลเส็น ระบุว่า ปัจจุบันมีครัวเรือนในไทยประมาณ 20 ล้านครัวเรือน หรือร่วม 40 ล้านคน คิดเป็น 2 ใน 3 ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ โดยจำนวนนี้รับชมรายการผ่านเคเบิลทีวี และจานรับสัญญาณดาวเทียม เช่นเดียวกับจำนวนผู้ประกอบการ โดยเฉพาะทีวีดาวเทียม ที่มีอยู่ราว 100 ราย ผลักดันให้เม็ดเงินโฆษณาผ่านช่องทางนี้ในปี 54 แตะที่ตัวเลข 2.5 พันล้านบาท จากเม็ดเงินโฆษณาผ่านช่องทางฟรีทีวีทั้งหมดกว่า 6 หมื่นล้านบาท และคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น อีกเท่าตัว หรือ 5 พันล้านบาทในปีนี้ และจากจำนวนผู้เล่นกว่า 100 รายในสมรภูมิทีวีดาวเทียมนั้น 

หากแต่ข้อมูลดังกล่าว ต่างไปจากข้อมูลของนายวิชิต เอื้ออารีวรกุล อุปนายกสมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย ในส่วนของตัวเลขบางส่วน แต่ที่เหมือนกันคือในส่วนของการเติบโตของสื่อดาวเทียม และเคเบิลที่ขยับเพิ่มขึ้นทุกปี 

จากการเติบโตของเม็ดเงินโฆษณาผ่านสื่อเคเบิลทีวีที่สูงมาก เป็นผลมาจากความนิยมการรับชมและติดตั้งจานดาวเทียมของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นทุกปี โดยปัจจุบันผู้บริโภคไทยมีจำนวนประมาณ 21 ล้านครัวเรือน ซึ่งเป็นผู้บริโภคที่รับชมผ่านจานดาวเทียมประมาณ 10 ล้านครัวเรือน แบ่งเป็น จานดำ 6 ล้านครัวเรือน จานแดง 1.5 ล้านครัวเรือน จานเหลือง 1.5 ล้านครัวเรือน และจานส้ม 1 ล้านครัวเรือน ส่วนอีก 11 ล้านครัวเรือน จะชมรายการทีวีผ่านเคเบิลทีวีท้องถิ่น 4 ล้านครัวเรือน และอีก 7 ล้านครัวเรือน ที่รับชมโทรทัศน์ผ่านเสาก้างปลา ซึ่งในส่วนของการรับชมโทรทัศน์ผ่านเสาก้างปลาจะหมดไปในระยะเวลาประมาณ 3-4 ปีข้างหน้า

ปัจจุบัน การติดจานรับชมทีวีจะเริ่ม ต้นที่ประมาณ 1.2 พันบาท ซึ่งเป็นราคาที่ลดลงเรื่อยๆ ขณะที่ปีหน้าจะมีดาวเทียมไทยคม 6 เกิดขึ้น คาดว่าจะมีช่องใหม่เกิดขึ้นอีกประมาณ 150-200 ช่อง ขณะที่เม็ดเงินลงทุนรวมของสื่อดาวเทียมต่อปีจะอยู่ที่ 3 พันล้านบาท

โดยจากตัวเลขที่กล่าวมา ทำให้หลายบริษัทหลายภาคส่วนเล็งเห็นความสำคัญในเรื่องนี้ และเริ่มเข้ามาโฆษณา และผุดรายการทีวีผ่านช่องทางเคเบิล และสื่อดาวเทียมเพิ่มมากขึ้น

ธุรกิจขายตรงก็เช่นเดียวกัน ที่พยายามใช้สื่อดาวเทียมเป็นช่องทางในการสื่อสารบริษัทกับผู้บริโภค ทั้งการโฆษณาสินค้า โฆษณาบริษัท และการดึงสมาชิกผ่านรายการทีวีของสื่อดาวเทียมที่มีอยู่ในปัจจุบัน อีกทั้งหลายบริษัทยังได้ผุดช่องของตนเองขึ้นมา เพื่อสนับสนุนบริษัท ในการสร้างรายรับของตัวเอง

>> ขายตรงแห่เปิดช่องรายการเรียกสมาชิก

ซึ่งที่ผ่านมา บริษัทที่เปิดช่องของตนเองขึ้นมา ก็จะมีตัวอย่างเช่น “บริษัท นีโอ ไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด” ที่มีช่อง “นีโอ ทีวี” เป็นสื่อดาวเทียมของตนเองที่จะคอยสนับสนุนบริษัท ทั้งการเปิดเวลาให้สมาชิกเข้ามาพูด เพื่อเป็นการเรียกสมาชิกให้เข้ามาอยู่ในทีมของตัวเอง อีกทั้งยังเป็นเครื่องมือในการโฆษณาสินค้า และโฆษณาบริษัทอีกทาง

นอกจากในส่วนของการเปิดช่องเองแล้ว หลายบริษัทที่อยู่ในวงการขายตรงยังนิยมที่จะควักทุนจ่ายสื่อทีวีดาวเทียมและเคเบิลทีวีเพิ่มมากขึ้น เพื่อเป็นการโปรโมตสินค้าของบริษัท เนื่องจากราคาที่ถูกกว่าช่องฟรีทีวี และข้อบังคับของสื่อดาวเทียม และเคเบิลทีวีก็มีน้อยกว่า ทำให้ธุรกิจขายตรงเน้นที่จะใช้สื่อนี้ เป็นช่องทางในการโปรโมตแบรนด์และสินค้าของตนเอง

เห็นได้ชัดจากผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร “ซัน คราร่า” ของ “บริษัท สตาร์ ซันไชน์ จำกัด” ที่ใช้สื่อนี้เป็นสื่อหลักในการโฆษณาขายสินค้า ซึ่งดูจะได้ผลเป็นอย่างยิ่งจากที่ผ่านมา ทำให้ “ซัน คราร่า” กลายเป็นสินค้าขายดีประจำปีที่ผ่านมาของธุรกิจขายตรง

อย่างไรก็ดี ยังมีกลุ่มผลิตภัณฑ์การเกษตรที่เน้นการโฆษณาสินค้าผ่านสื่อชนิดนี้เป็นสำคัญ และทำให้ยอดขายของแต่ละบริษัทงอกงามตามเป้าหมายที่วาง โดยนางปราณี พุทธิพิพัฒน์ขจร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ยูนิไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมดำเนินกลยุทธ์หลักประการแรก คือ การเน้นโปรโมต สร้างการรับรู้สินค้าชุดประหยัด ปุ๋ย 5 พลัง ซึ่งถือเป็นสินค้าเอกของ บริษัท เพิ่มเติม โดยจะเน้นการออกสื่อทีวี สื่อดาวเทียมมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันบริษัทได้เริ่มเผยแพร่โฆษณาในสินค้าดังกล่าวไปแล้ว และได้รับการตอบรับเป็นที่น่าพอใจ 

“โดยในปัจจุบันยอดขายจากสินค้า ชุดประหยัดปุ๋ย 5 พลัง มีประมาณ 30-40% จากยอดขายสินค้าทั้งหมดของบริษัท นอกจากนี้ ในสินค้าชนิดอื่นๆ ขณะนี้บริษัท ก็กำลังเตรียมนำสินค้าตัวใหม่ออกมา คือ ผลิตภัณฑ์สารกำจัดศัตรูพืช ซึ่งหากจะกล่าวว่า เป็นสินค้าชนิดใหม่เลย ก็คงไม่ใช่ เพราะสินค้าดังกล่าวเป็นผลิตภัณฑ์ที่บริษัท มีอยู่แล้ว แต่ที่ผ่านมารัฐบาลได้มีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับพ.ร.บ. บังคับใช้วัตถุ อันตรายอยู่ตลอด บริษัทจึงต้องดำเนินการ ตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยในครั้งนี้ พ.ร.บ.บังคับใช้วัตถุอันตรายฉบับใหม่ มีผล บังคับใช้ไปเมื่อปีที่แล้ว ขณะนี้บริษัทจึงรอ ขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์ดังกล่าวอยู่ และคาดว่าน่าจะออกตีตลาดได้ประมาณกลางปี” ปราณี เผย

นอกจากแบรนด์ต่างๆ ที่กล่าวมาแล้ว ยังมี “ดีไลฟ์” แบรนด์ขายตรงสัญชาติ ไทยอีกบริษัทที่เริ่มจะหันมาให้ความสำคัญกับการสื่อสารผ่านดาวเทียมเพิ่มมากขึ้น โดยนายเทวัญ ดีใจงาม ประธานกรรมการ บริษัท ดีไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยว่า แผนกลยุทธ์สำคัญของบริษัทในปีนี้ คือ การเพิ่มช่องทางการสื่อสาร โดยเฉพาะสื่อดาวเทียม และระบบออนไลน์ ซึ่งตนมองว่าในปัจจุบันสื่อเหล่านี้มีอิทธิพลต่อผู้บริโภคมาก โดยเฉพาะผู้บริโภคที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ ซึ่งบริษัทคาดว่า ไม่เกินเดือนเมษายนปีนี้ จะมีการปล่อยสัญญาณทีวีดาวเทียมของดีไลฟ์ ออกสู่สายตาประชาชนได้อย่างแน่นอน ส่วนระบบออนไลน์ ขณะนี้ระบบของบริษัทก็มีความพร้อมแล้วกว่า 90%

ไม่เพียงแต่กลุ่มบริษัทขายตรงเท่านั้นที่ให้ความสำคัญในการสร้างการตลาดผ่านสื่อทีวีดาวเทียม แต่บริษัทที่ดำเนินธุรกิจในชนิดการตลาดแบบตรงอย่าง “ทีวี ไดเร็ค” ก็นับว่าเป็นแบรนด์ธุรกิจหนึ่งที่เล็งเห็นความสำคัญในส่วนนี้ และครองพื้นที่สื่อรูปแบบนี้มานาน และเห็นจะเป็นกลยุทธ์ไม้เด็ดในการสร้างกำไร ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา

>> “ทีวี ไดเร็ค” จัดเต็มเปิดรายการถี่ยิบ

โดยนายทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจจำหน่ายสินค้า และบริการผ่านช่องทางการตลาดที่หลากหลาย เปิดเผยว่า ด้วยประสบการณ์ดำเนินธุรกิจยาวนานกว่า 13 ปี ของบริษัท บวกกับแผนกลยุทธ์เชิงรุกที่เรียกว่า MCM (Multichannel Marketing) ที่มีช่องทางการตลาดที่หลากหลายไว้อย่างครบถ้วน ย้ำความเป็นผู้นำการใช้สื่อเข้าถึงผู้บริโภคทุกกลุ่มในเวลาสะดวกของเขาเอง ทั้งฟรีทีวี, ทีวีดาวเทียม, เคเบิลทีวี, ไดเรกต์เมล, เมลออเดอร์, ระบบโทรศัพท์ แบบโทร.ออก, และระบบออนไลน์ผ่านเว็บไซต์

ด้านภาพรวมธุรกิจในปี 55 นี้ ทีวี ไดเร็ค จะใช้ช่องทางการดำเนินงานด้วยกัน 9 ช่องทาง โดยแต่ละช่องทางนับได้ว่า เป็นช่องทางที่มีประสิทธิภาพอย่างน่าพอใจ ดังนั้นในปีนี้ทางบริษัทจะเน้นการสร้างสินค้าเพื่อเป็นการตอบสนองความต้องการของลูกค้ากว่าล้านคน เพื่อสร้างความสัมพันธ์ตามแผน TV Direct Republic ซึ่งจะเป็นความสัมพันธ์เชิงลึกกับกลุ่มลูกค้า ของบริษัท พร้อมเป็นการยกเครื่องระบบงานภายในใหม่ตั้งแต่ระบบขายและจัดส่ง ไปจนถึงระบบพัฒนาบุคลากรทั้งทางด้านประสิทธิภาพและความสามารถในการแข่งขันต่อไป 

นอกจากนี้ หลังจากได้ทำการศึกษา และทดลองตลาดในอินโดไชน่ามาตั้งแต่ปี 2006 สำหรับปีนี้ บริษัทมีความพร้อมที่จะขยายงานไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค เช่น ลาว, กัมพูชา, เวียดนาม และมาเลเซีย ในส่วนของการเดินหน้ารุกธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ด้วยโปรเจกต์ใหญ่รับปีมังกร โดยบริษัทได้ร่วมกับ บริษัท มันวา บรอดแคสติ้ง และ บริษัท เจแอล สตาร์เนทเทรด จำกัด จัดคอนเสิร์ตที่เรียกว่า เป็น The Biggest KPOP Concert of Asia 2012 Live in Bangkok ซึ่งเป็นการจัดคอนเสิร์ตศิลปินเกาหลีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชีย ในปี 2555 นี้


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: นสพ.สยามธุรกิจ ฉบับที่ 1287 ประจำวันที่ 28-3-2012 ถึง 30-3-2012

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น