ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันอาทิตย์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2555

ดีไลฟ์ เร่งเครื่องโหมสื่อหาจุดตั้งสาขาพันแห่งลุยฝันพันล.

“ดีไลฟ์” เป็นปลื้ม หลังเปลี่ยนแผนการตลาดใหม่ 2 เดือนยอดขายโตขึ้นกว่า 200% เผยกลยุทธ์ปี 55 เร่งขยายสาขาให้ครบ 1 พันแห่ง พร้อมเดินหน้าโหมสื่อทุกรูปแบบ โดยเฉพาะสื่อดาวเทียม เมษายนนี้ลงพื้นที่สร้างเม็ดเงิน มั่นใจด้วยความพร้อมของบริษัท จะสามารถผลักดันยอดขายให้ทะลุ 500 ล้านในสิ้นปี และครบ 1,000 ล้านภายในปี 57

จากข้อมูลตัวเลขยอดขายในปี 2554 ของ บริษัท ดีไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งเปิดเผยโดย นายเทวัญ ดีใจงาม ประธาน กรรมการ พบว่า ปีที่แล้วบริษัทสามารถปิดยอดการขายได้ที่ 138 ล้านบาท จากข้อมูลตัวเลขดังกล่าวถือว่า ไม่หวือหวามาก นัก ในเชิงการทำธุรกิจ แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้บริษัทขายตรงสัญชาติไทยแท้อย่าง ดีไลฟ์ เป็นบริษัทที่ทุกคนควรจะจับตามองในปี 2555 นี้ก็คือ การปรับเปลี่ยนแผนการจ่าย ผลตอบแทน หรือสิ่งที่ผู้บริหารเรียกว่า การ ปรุงแผนใหม่ เพื่อให้สมาชิกทุกคนของดีไลฟ์ ได้รับผลตอบแทนในอัตราที่สูงขึ้น และ สามารถขยายธุรกิจได้ง่ายขึ้น โดยเป็นการ เปลี่ยนแผนใหม่จากสแตร์สเต็ป มาเป็นแผนแบบวิสสตรอง โดยแผนการจ่ายผลตอบแทนดังกล่าวนั้น ได้มีการประกาศใช้ไปแล้วในช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งผลปรากฏว่า ในระยะเวลาเพียงแค่ 2 เดือน ยอดการขายทะลุเกินกว่าเป้าที่วางไว้

ซึ้งนายเทวัญ ได้เปิดเผยว่า“สัดส่วนยอดขายของเดือนมกราคมปีนี้ เมื่อเทียบกับเดือนธันวาคมปี 54 พบว่าหลังจากบริษัทเปลี่ยนมาใช้แผนใหม่ ยอดขายเดือนมกราคมโตขึ้นถึง 200% ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่น่าภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ทำให้ตนคิดว่าบริษัทน่าจะทำการปรุงแผนใหม่นี้มานานแล้ว” โดยในปี 2555 บริษัทจึงตั้งเป้าหมายว่าจะพิชิตยอดขายให้ได้กว่า 500 ล้าน และในปี 2557 ตนมั่นใจว่า บริษัทจะทำยอดขายได้มากกว่า 1,000 ล้านบาทแน่นอน ทั้งนี้เพื่อให้ยอดขายเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ ปีนี้บริษัทจึงได้กำหนดกลยุทธ์หลักในการดำเนินงานไว้หลายประการ

ประการแรก คือ การขยายสาขา และการขยายโรงเรียนสอนธุรกิจ DNA โดยสาขาที่จะเปิดใหม่ในปีนี้ ส่วนใหญ่จะเน้นบุกตลาดในภาคอีสาน เนื่องจาก ดีไลฟ์มีสมาชิกที่เป็นพี่น้องชาวอีสานอยู่กว่า 80% ทำให้การพูดคุย หรือการขยายตลาดเป็นไปโดยง่าย โดย 3 จังหวัดแรกที่บริษัทกำหนดไว้ คือ ขอนแก่น อุบลราชธานี และร้อยเอ็ด โดยเฉพาะศูนย์สาขาในจังหวัดขอนแก่นนั้น จะตั้งอยู่บนห้างโลตัสขอนแก่น

“การที่บริษัทสามารถเข้าไปเปิดดำเนินการในห้างโลตัสได้ ถือเป็นความภาคภูมิใจและความสำเร็จอีกอย่างหนึ่ง เนื่องจากห้างดังกล่าว มีความเข้มงวดมากในการตรวจสอบบริษัทต่างๆที่จะเข้าไปใช้พื้นที่ เพราะเขาจะคำนึงถึงผลกระทบต่างๆ เช่น หากปล่อยให้บริษัทที่ไม่น่าเชื่อถือเข้าไปเปิด อาจทำให้เกิดภาพลักษณ์ในทางไม่ดีแก่ห้างได้ ดังนั้นกว่าที่ดีไลฟ์จะผ่านการตรวจสอบ ได้ใช้เวลาถึง 6 เดือนด้วยกัน แต่เมื่อทุกอย่างผ่านพ้นมาได้ก็ถือเป็นเครื่องการันตีได้ว่า ดีไลฟ์เป็นบริษัทที่มีความโปร่งใส น่าเชื่อถือ ซึ่งจุดนี้จะเป็นแรงผลักดันให้ผู้บริโภคเข้ามาสู่ธุรกิจ ดีไลฟ์ มากยิ่งขึ้น โดยปัจจุบัน บริษัทมีศูนย์สาขาอยู่บนห้างดัง 2 แห่งด้วยกัน คือ บนห้างเดอะมอลล์โคราช และโลตัสขอนแก่น และในอนาคตคาดว่า บริษัทจะเปิดศูนย์สาขาบนห้างดัง ให้ครอบคลุมอยู่ทุกจังหวัดทั่วประเทศ” นายเทวัญกล่าว

ส่วนโรงเรียนสอนธุรกิจนั้น ดีไลฟ์ กำลังเตรียมการจะเปิดในจังหวัดหลักๆ คือ พิษณุโลก เชียงใหม่ อุบลราชธานี อุดรธานี นครราชสีมา และชลบุรี ส่วนในกรุงเทพฯ และภูเก็ต ซึ่งเปิดไปก่อนหน้านี้แล้ว บริษัทก็จะมีการปรับปรุงสถานที่เดิมให้ดูทันสมัยมากขึ้น

นอกจากส่วนที่เป็นศูนย์สาขาใหญ่และโรงเรียนสอนธุรกิจดังที่กล่าวมาแล้ว บริษัทดีไลฟ์ก็ยังมีศูนย์ธุรกิจอื่นๆเพื่อเปิดกว้างสำหรับสมาชิก ไม่ว่าจะเป็นศูนย์กระจายสินค้า ที่เน้นให้สมาชิกเป็นผู้เปิด โดยบริษัทให้การสนับสนุน ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 6 แห่ง นอกจากนี้ ก็คือ การเปิดศูนย์ DC หรือ ดีไลฟ์ เซ็นเตอร์ เป็นนโยบายใหม่ของบริษัท โดย DC จะมีลักษณะคล้ายศูนย์สาขาเล็กๆ ปัจจุบันมีสมาชิกเปิดศูนย์ DC แล้วกว่า 60 แห่ง ดังนั้นเมื่อรวมทุกประเภท ปัจจุบันดีไลฟ์มี ศูนย์ธุรกิจอยู่ประมาณ 85 แห่ง โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้าเปิดศูนย์ต่างๆให้ครบ 1,000 ศูนย์ โดยจะเน้นไปที่การเปิดศูนย์ DC เพราะเปิดได้ง่ายกว่าศูนย์ธุรกิจอื่นๆ

ส่วนแผนกลยุทธ์สำคัญประการต่อมา คือ การเพิ่มช่องทางการสื่อสาร โดยเฉพาะสื่อดาวเทียม และระบบออนไลน์ ซึ่งตนมองว่าในปัจจุบันสื่อเหล่านี้มีอิทธิพลต่อผู้บริโภคมาก โดยเฉพาะผู้บริโภคที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ ซึ่งบริษัทคาดว่า ไม่เกินเดือนเมษายนปีนี้ จะมีการปล่อยสัญญาณทีวีดาวเทียมของ ดีไลฟ์ ออกสู่สายตาประชาชนได้อย่างแน่นอน ส่วนระบบออนไลน์ ขณะนี้ระบบของบริษัทก็มีความพร้อมแล้วกว่า 90%

แผนสำคัญประการสุดท้าย คือ การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งในขณะนี้ สินค้าสำคัญของดีไลฟ์อย่าง โสมสกัด อัดเม็ด ได้รับการจดทะเบียน อย.เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากต้องรอการดำเนินงานตรงนี้เป็นปี ซึ่งผลตอบรับจากผู้ที่ได้ลองใช้แล้ว ปรากฏว่าให้ผลดีมาก แผนต่อไปบริษัทจึงเตรียมจดลิขสิทธิ์ทางปัญญาในผลิตภัณฑ์ดังกล่าว และอาจรวมถึงผลิตภัณฑ์อื่นๆของบริษัทด้วยในอนาคต

ทั้งนี้ประธานกรรมการ บริษัท ดีไลฟ์ ยังได้กล่าวถึงการเตรียมตัวรองรับการเปิดเสรีการค้าอาเซียนในปี 58 ว่า “ขณะนี้ตนเองก็กำลังดูระบบ แนวทางในเรื่องภาษีของประเทศต่างๆอยู่ แต่อย่างไรก็ดีตนคิดว่า สิ่งสำคัญที่สุดในขณะนี้คือการขยายตลาดในประเทศไทยให้ครอบคลุมทั่วทั้งประเทศก่อน อย่าเพิ่งหวังไปไกลกว่านี้ เพราะการขยายไปสู่ตลาดต่างประเทศไม่ง่ายอย่างที่ใครหลายคนคิด เพราะต่างประเทศมีข้อจำกัดเยอะ แม้กระทั่งประเทศลาว ที่ทุกคนมองว่าน่าจะขยายตลาดได้ง่าย ก็ยังมีปัญหา ดังนั้นเมื่อมีการเปิดเสรีขึ้นมา บริษัทต่างชาติที่เขาแข็งแกร่งกว่าเราก็จะเข้ามาเป็นจำนวนมาก จะมีการแข่งขันที่ดุเดือดขึ้น ดังนั้นสิ่งสำคัญในขณะนี้ ตนมองว่า เราต้องสร้างรากฐานของบริษัทให้มีความมั่นคงก่อน โดยเฉพาะบุคคลากรหรือสมาชิกของบริษัท เราต้องสร้างเขาให้มีหัวใจเป็นดีไลฟ์จริงๆ เพราะไม่เช่นนั้น เขาก็จะตื่นตัวไปกับกระแสใหม่ๆ ซึ่งตนมองว่ากระแสตรงนี้จะอยู่ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ แล้วจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ”

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: นสพ.สยามธุรกิจ ฉบับที่ 1282 ประจำวันที่ 10-3-2012 ถึง 13-3-2012

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น