ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันเสาร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2555

‘หมอเส็ง’เคลื่อนทัพแรงรับปีมังกรทอง ...เปิดอาคารโรงงานใหม่/เข็นสินค้าใหม่ชูธงรบ




ผมอยากที่จะให้สมาชิกหมอเส็งทุกคนนั้น มีความอดทนและมีความอดออม ดูแบบอย่างคนที่ประสบความสำเร็จว่าเขานั้นทำอย่างไร เพราะวันนี้แบบอย่างคนที่สำเร็จในธุรกิจหมอเส็งมีเยอะ ซึ่งต้องทำตามให้ได้ ที่สำคัญ คนที่มีศูนย์สินค้าอยู่แล้วอย่าไปชวนเขาให้อยู่กับเรา เพราะท่านยิ่งชวน ยิ่งทำให้ศูนย์ของท่านก็จะยิ่งเละ ไม่มีใครมาใช้บริการ และหลังจากนั้นศูนย์ก็อาจจะปิดตัวลง ซึ่งการทำธุรกิจของหมอเส็งนั้นไม่ต้องการที่จะรวยเร็ว แต่ต้องการเป็นธุรกิจที่รวยแบบมั่นคงเท่านั้น

แบรนด์ตรา “หมอเส็ง” ชื่อนี้ เชื่อว่าไม่มีใครที่ไม่รู้จักอย่างแน่นอน เพราะต้องบอกว่ากว่า 10 ปีที่ผ่านมา แบรนด์ตราหมอเส็งยืนหยัดอยู่ในธุรกิจเครือข่ายได้อย่างสง่าผ่าเผยทีเดียว ส่วนหนึ่งเป็นเพราะด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ที่เป็นใบเบิกทาง จนทำให้หลายคนต่างรู้จัก “หมอเส็ง” เป็นอย่างดีนั่นเอง ด้วยผลิตภัณฑ์ที่สร้างชื่อคือ ผลิตภัณฑ์ “ว่านชักมดลูก”

และวันนี้ต้องบอกว่า คนเครือข่ายที่อยู่ในธุรกิจนี้ คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ไม่รู้จักหรือไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งวงการสมุนไพรที่มีชื่อว่า “บริษัท แสงสุริยะฉัตร (2002) จำกัด” ที่มี “ฉัตรชัย แสงสุริยะฉัตร” หรือ คุณหมอเส็ง ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์แผนไทย เป็นผู้บุกเบิกธุรกิจแบรนด์ตรา “หมอเส็ง” อย่างแน่นอน!..
ซึ่งเมื่อย้อนดูถึงประวัติของบริษัทนี้แบบคร่าวๆ แล้วล่ะก็ พบว่า จุดกำเนิดของธุรกิจหมอเส็งนั่นเริ่มต้นจากก่อนหน้าที่คุณหมอเส็งจะมาตั้ง บริษัท แสงสุริยะฉัตร (2002) จำกัด นั้น คุณหมอเส็งได้เคยเปิดคลินิกรักษาโรคทั่วไปมาก่อน จนผู้ที่เข้ามารักษาต่างให้การยอมรับในตัวของคุณหมอเส็ง และจากวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลของคุณหมอเส็งบวกกับความตั้งใจ ที่จะใช้ประโยชน์จากความรู้และประสบการณ์ที่คุณหมอเส็งได้สั่งสมมาเป็นเวลากว่า 60 ปี รวมถึงต้องการที่จะให้ผู้ป่วยที่ไม่ค่อยมีสตางค์ ได้กินยาดีๆ และช่วยให้หายป่วย!...

และจากจุดนี้นี่เอง...จึงได้เกิดมาเป็น “บริษัท ฉัตรสุริยะ (2002) จำกัด” ผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพรไทย ตราหมอเส็ง ในวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ.2545 และเปิดดำเนินการอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ.2545 หลังจากนั้นภายในระยะเวลาเพียง 1 ปี ด้วยความเจริญเติบโตก้าวหน้าทางธุรกิจอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ในวันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2546 ทางบริษัทหมอเส็ง จึงได้ลงทุนสร้างโรงงานขนาดใหญ่ ที่ได้มาตรฐานสากล ณ อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี เพื่อเพิ่มศักยภาพทางด้านการผลิตยาสมุนไพรตราหมอเส็ง ให้มีความสามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างทั่วถึง

ซึ่งการเติบโตของธุรกิจหมอเส็งไม่ได้หยุดยั้งเพียงแค่นี้ หลังจากนั้นอีก 1 ปี ธุรกิจหมอเส็ง ก็ได้พัฒนาระบบโครงสร้างการดำเนินงานภายในใหม่ทั้งหมด เพื่อรองรับการขยายตัวทางธุรกิจไปสู่ตลาดโลก พร้อมทั้งเปลี่ยนชื่อใหม่ให้ยิ่งใหญ่กว่าเดิมเป็น “บริษัท แสงสุริยะฉัตร (2002) จำกัด” ต่อมาเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2551 จึงได้ย้ายสำนักงานมาที่อาคารหมอเส็งสำนักงานใหญ่ตรงข้ามมหาวิทยาลัยธรรม ศาสตร์ ศูนย์รังสิต บนพื้นที่ 15 ไร่ ลงทุนมากกว่าพันล้านบาท..

...และการเติบโตของธุรกิจหมอเส็งก็ไม่ได้หยุดเพียงเท่านี้ ล่าสุดเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2555 ที่ผ่านมา ทาง “หมอเส็ง” ก็ได้เปิดตัวอาคารโรงงานแห่งใหม่ มูลค่า 300 กว่าล้านบาท ที่จังหวัดสระบุรีเช่นกัน โดยโรงงานแห่งใหม่นี้ จะเป็นฐานการผลิต ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง น้ำดื่มสมุนไพร และผลิตภัณฑ์อื่นๆ เพื่อเตรียมรองรับการขยายธุรกิจที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคตนั่นเอง

พร้อมกันนี้ “หมอเส็ง” ยังได้เข็นสินค้าใหม่ออกมาชูธงรบทางธุรกิจอีกด้วยนั่นก็คือ ผลิตภัณฑ์กวาวเครือ ยาน้ำสมุนไพรผสมกวาวเครือขาว และยาน้ำสมุนไพรผสมว่านชักมดลูก สูตร 3 กลิ่นผลไม้รวม ซึ่งทางด้าน “หมอเส็ง” เอง ได้คาดการณ์ว่าจะเป็นอีกหนึ่งสินค้าที่ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคอย่างแน่นอน!...โดยปัจจุบันบริษัทฯ ยังไม่ได้นำเข้ามาสู่ระบบ คาดว่าน่าที่จะนำเข้ามาสู่ระบบได้ในเร็วๆ นี้

…นอกจากนี้ ทางด้านนางนิภา แสงสุริยะฉัตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท แสงสุริยะฉัตร (2002) จำกัด ยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า “ขณะนี้หมอเส็งกำลังเตรียมที่จะเข็นสินค้าเครื่องสำอางทั้งในส่วนของเดย์ครีม ไนท์ครีม และแป้งเข้ามาสู่ระบบเครือข่ายอีกด้วย ซึ่งวันนี้ต้องบอกว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้เราสวยและรวยได้ ที่ธุรกิจหมอเส็งต้องมี โดยคาดว่าสินค้าใหม่ที่จะนำเข้ามาสู่ระบบนั้น ในช่วงแรกจะเป็นการทดลองตลาดก่อน ซึ่งภายใน 2-3 เดือนข้างหน้า คาดว่าทางบริษัทฯ น่าที่จะนำเข้ามาสู่ธุรกิจอย่างแน่นอน”
และนอกเหนือจากการเปิดตัวโรงงานแห่งใหม่ของหมอเส็ง รวมถึงการเข็นสินค้าใหม่อย่างผลิตภัณฑ์กวาวเครือ ยาน้ำสมุนไพรผสมว่านชักมดลูก สูตร 3 กลิ่นผลไม้รวมแล้ว...ธุรกิจหมอเส็งเอง ยังมี “ขีปนาวุธ” ที่สำคัญ ในการเคลื่อนทัพสู่ความสำเร็จอีกด้วย...เห็นได้จาก ในปีนี้ “หมอเส็ง” ได้ออกมาเปิดเกมรุกทางธุรกิจอย่างหนักหน่วงด้วยการทุ่มงบกว่า 200 ล้านบาท ลุยสื่อแบบครบเครื่องไม่ว่าจะเป็น ฟรีทีวี ทั้ง 3,5,7,9 ทีวีดาวเทียม สื่อวิทยุชุมชน และบิลบอร์ด ที่จะเป็นใบเบิกทางให้กับสมาชิกได้ทำงานง่ายขึ้นนั่นเอง

“วันนี้หมอเส็งได้มีการนำบิลบอร์ดเพื่อโปรโมทธุรกิจหมอเส็งบ้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการโปรโมทธุรกิจหมอเส็งผ่านทางรถเมล์ยูโรประจำทาง 10 สายด้วยกัน ซึ่งได้วิ่งพร้อมกันเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2555 ที่ผ่านมา โดยในป้ายโฆษณานั้น จะระบุว่า “เรื่องสมุนไพร ไว้ใจหมอเส็ง..อยากรู้เรื่องว่านชักมดลูก โทร.02-516-4488” โดยเชื่อว่าการโฆษณาผ่านสื่อดังกล่าวนี้ น่าที่จะเป็นการตอกย้ำแบรนด์หมอเส็งได้เป็นอย่างดีทีเดียว”

...จะเห็นได้ว่า ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจหมอเส็งมีอัตราการเติบโตที่ต่อเนื่องทุกปี ซึ่งมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละประมาณ 20% และจากอัตราการเติบโตที่ไม่หยุดยั้งนี่เอง ที่ทำให้ในวันนี้ธุรกิจหมอเส็ง พร้อมที่จะประกาศความยิ่งใหญ่ด้วยเป้าหมายที่จะเติบโตให้ได้อยู่ที่ประมาณ 2-3 เท่า จากอัตราการเติบโตตามปกติเป็นประจำทุกปี

ส่วนหนึ่งเป็นเพราะด้วยเครื่องไม้เครื่องมือทางธุรกิจที่เรียกได้ว่า มีความพร้อมมากกว่าในปีที่ผ่านๆ มา อาจเป็นได้ และยิ่งในปีนี้ที่ “หมอเส็ง” ได้ประกาศโหมโรงรุกสื่อทีวีแบบครบเครื่อง พร้อมๆ กับการเปิดตัวโรงงานแห่งใหม่ ที่พร้อมรองรับกับการผลิตสินค้าแบบเต็มอัตราศึกอย่างนี้ด้วยแล้วล่ะก็ เชื่อว่าเป้าหมายที่ธุรกิจหมอเส็งวางไว้คงไม่ไกลเกินเอื้อมด้วยเช่นกัน!...

...นอกจากนี้ “ฉัตรชัย” ยังได้ให้แง่คิดเกี่ยวกับการทำธุรกิจขายตรงอีกว่า “วันนี้โอกาสของคนเรามันมีน้อย ยิ่งวันนี้การแข่งขันค่อนข้างมีสูง แต่ละคนรายจ่ายสูงอย่างมาก ลำพังเงินเดือนไม่พอกินอย่างแน่นอน ซึ่งการที่ทุกคนนั้น หันมาทำธุรกิจขายตรงมองว่าถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะเป็นอาชีพอิสระ แต่ทั้งนี้ทุกท่านก็ต้องใช้เวลา และต้องหมั่นเรียนรู้ ซึ่งวันนี้คนขายตรงส่วนใหญ่จะได้เงินง่ายและได้เงินมาก โดยคนที่ได้เงินมากก็จะลืมตัว ในขณะเดียวกัน คนที่มีรายได้ยังไม่นิ่งพอ กับพบว่า ไปสร้างภาพกันหมด ด้วยการซื้อบ้าน ซื้อรถ โดยทำอะไรไว้ล่วงหน้าไปหมด นึกอย่างเดียวว่า ตัวเองทำได้ และสามารถผ่อนได้ ซึ่งตรงนี้ต้องบอกว่าเหนื่อย”

“ฉัตรชัย” ยังบอกอีกว่า ปัจจุบันนี้ คนที่ทำธุรกิจขายตรงค่อนข้างโชคดี เพราะไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมากมาย เพียงแค่มีใจที่มุ่งมั่นที่จะทำงานเท่านั้นก็พอ ซึ่งต่างจากในช่วงอดีต ที่การจะทำอาชีพอะไรสักอย่างจะต้องมีทุนในการซื้ออุปกรณ์ต่างๆ แต่สำหรับธุรกิจขายตรงในวันนี้แล้ว เพียงแค่สมัครมาเป็นสมาชิก มาเรียนรู้ ในเรื่องของสินค้า แผนการตลาด รู้วิธีการขายอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง ที่สำคัญ ทำแล้วอย่าท้อ เพียงนี้ทุกท่านก็จะสามารถประสบความสำเร็จในธุรกิจขายตรงได้แล้ว ซึ่งหากใครที่ขายได้มากเท่าไหร่ ท่านก็จะได้เยอะ แล้วแต่ความสามารถ
… “ผมอยากที่จะให้สมาชิกหมอเส็งทุกคนนั้น มีความอดทนและมีความอดออม ดูแบบอย่างคนที่ประสบความสำเร็จว่าเขานั้นทำอย่างไร เพราะวันนี้แบบอย่างคนที่สำเร็จในธุรกิจหมอเส็งมีเยอะ ซึ่งต้องทำตามให้ได้ ที่สำคัญ คนที่มีศูนย์สินค้าอยู่แล้วอย่าไปชวนเขาให้อยู่กับเรา เพราะท่านยิ่งชวน ยิ่งทำให้ศูนย์ของท่านก็จะยิ่งเละ ไม่มีใครมาใช้บริการ และหลังจากนั้นศูนย์ก็อาจจะปิดตัวลง ซึ่งการทำธุรกิจของหมอเส็งนั่นไม่ต้องการที่จะรวยเร็ว แต่ต้องการเป็นธุรกิจที่รวยแบบมั่นคงเท่านั้น”...

ฉัตรชัย กล่าวย้ำต่ออีกว่า วันนี้การทำธุรกิจขายตรงนั้นลำบากเพียงแค่ 3-5 ปีแรกเท่านั้น ซึ่งวันนี้ท่านต้องพยายามสร้างลูกทีมให้ได้ พยายามอย่าทะเลาะกับลูกทีม เพราะหัวใจของการทำธุรกิจขายตรง คือ ต้องทำงานเป็นทีม เพราะเมื่อลูกทีมทำงานแล้ว ตัวท่านเองก็จะได้รับประโยชน์ในภายหลังด้วย ซึ่งเมื่อทีมเกิดการทะเลาะกันเมื่อไหร่ ทีมก็จะแตก รายได้ก็จะลดน้อยลง อยากให้ทุกท่านรักสามัคคีกัน และธุรกิจหมอเส็งเอง ขอสัญญาว่าจะพยายามทำสินค้าใหม่ที่เหนือกว่าคนอื่นมาให้ทุกท่านอย่างแน่นอน

...“วันนี้ธุรกิจขายตรงส่วนมาก ไม่ค่อยสนใจเรื่องของคุณภาพกับสินค้าเท่าไหร่ เพียงแค่ขอให้มีสินค้ามาขายและปั่นกัน เหมือนหลอกและกระตุ้นให้เรานั้นทำงานให้เขา พอ 2-3 ปี บริษัทก็ปิดตัวลง ซึ่งวันนี้ธุรกิจหมอเส็งที่เติบโตมาได้ เป็นเพราะมีความซื่อสัตย์ในการขาย ไม่หลอกขายสินค้า ซึ่งคนที่หลอกขายสินค้านั้น เรียกได้ว่าเจริญได้ไม่นาน สุดท้ายสินค้าก็ขายไม่ได้ วันนี้สินค้าของหมอเส็งที่ขายได้ไม่ใช่เฉพาะหมอเส็งหรอก แต่ที่บริโภคซื้อเพราะเขารักพวกท่าน เพราะฉะนั้นพวกท่านเอง ก็อย่าไปทำให้เขานั้นเสียใจ อย่าไปหลอกหรือต้มเขา ตรงนี้ถือเป็นเรื่องที่สำคัญ ขอให้ทำธุรกิจอย่างต่อเนื่อง มีทีมก็ขอให้รักษาทีมเอาไว้ อย่าแตกแยก ถ้าแตกแยกกันเมื่อไหร่ ทุกอย่างก็จะไม่ส่งผลดีด้วยเช่นกัน”...


...นับได้ว่า การที่จะยิ่งใหญ่ในยุทธจักรเครือข่ายได้นั้น ต้องอาศัยประสบการณ์และความชำนาญเข้าช่วยด้วยเช่นกัน ยิ่งปัจจุบันนี้ อาจจะเรียกได้ว่า เป็นอีกหนึ่งยุคของการปราบเซียนเลยก็ว่าได้ หากใครที่ไม่แข็งแกร่งพอรับรองว่ามีแต่ “ตาย” กับ “ตาย” อย่างแน่นอน ขณะเดียวกัน ด้วยภาวะการณ์แข่งขันที่รุนแรงเช่นนี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่ทุกธุรกิจจะต้องมี คือ ความพร้อมในการรับมือกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นให้ได้…เช่นดั่งบริษัทขายตรงอย่าง “บริษัท แสงสุริยะฉัตร (2002) จำกัด”...ที่เริ่มมีการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือในปีมังกรทองนี้บ้างแล้ว!...


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: นสพ.ตลาดวิเคราะห์ ฉบับที่ 317 ประจำวันที่ 1 - 15 เมษายน 2555

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น