ยูนิลีเวอร์ ดัน อาวียองซ์ ไทย ขึ้นแท่นฐานขยายตลาดทั่วโลก พร้อมดึงอินเดียเข้าอยู่ภายใต้การบริหารงานในอีก 1-2 ปีข้างหน้า เพื่อใช้แผนเดียวกัน หลังที่ผ่านมาแยกบริหารงานแต่ละประเทศ ล่าสุดเปิดเครือข่ายอาวียองซ์ มาเลเซีย เพื่อขยายตลาดต่างประเทศในอนาคต วาดเป้าไม่เกิน 10 ปี รุกตลาดอาเซียนได้ครบ ขณะที่ตลาดมาเลเซียทุ่ม 40 ล้าน เปิด อาวียองซ์ ช็อป แฟล็กชิพ สโตร์ แห่งแรกบนพื้นที่ 1,000 ตารางเมตร ตั้งอยู่ในเขเศรษฐกิจ พีเจ วาดเป้าสิ้นปี ดันยอดสมาชิก 2 หมื่นรหัส
หลังจากที่อาวียองซ์ได้มีการประกาศขยายตลาดต่างประเทศ รวมถึงแผนการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นสำนักงานใหญ่ของธุรกิจอาวียองซ์ทั่วโลก ล่าสุด กลุ่มบริษัท ยูนิลีเวอร์ฯ ได้ประกาศแต่งตั้วให้อาวียองซ์ประเทศไทย ขึ้น เป็น "อาวียองซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล" ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของการดำเนินธุรกิจที่แม้การก่อตั้งอาวียองซ์จะก่อตั้งขึ้นที่ประเทศสหรฐอเมริกา แต่กลับใช้ประเทศไทยเป็นสำนักงานใหญ่ทั้งหมด โดยเรื่องดังกล่าว บาวเค่อ ราวเออร์ส ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท ยูนิลีเวอร์ ในประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทดังตั้งอาวียองซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล ขึ้นอย่างเป็นทางการ ภายในงานเปิดตัว ยูนิลีเวอร์ อาวียองซ์ มาเลยเซีย ซึ่งมีเป้าหมายในการขยายตลาดต่างประเทศทั่วโลก โดยจะเริ่มจากประเทศในกลุ่มอาเซียนก่อนที่จะขยายธุรกิจในประเทศแถบอื่นๆ ต่อไปในอนาคต ซึ่งคาดว่าตลาดอาเซียน จะใช้เวลาในการขยายธุรกิจได้ราวๆ 5-10 ปี พร้อมกันนี้จะรวมธุรกิจอาวียองซ์ ในประเทศอินเดีย ให้อยู่ภายใต้การทำงานของสำนักงานใหญ่ในอีก 1-2 ปีข้างหน้าด้วย
"ที่ผ่านมา อาวียองซ์ ในอินเดีย จะแยกการบริหารกับไทยอย่างชัดเจน โดยมีสินค้าบางรายการที่จำหน่ายแตกต่างกัน รวมถึงแผนการตอบแทนก็ใช้ต่างกันเช่นกัน เนื่องจากในช่วง 10 ปีที่เริ่มธุรกิจอาวียองซ์ประเทศไทยและอินเดีย ได้เริ่มธุรกิจเครือข่ายพร้อมกัน แต่แยกการบริหารให้แต่ละประเทศรับผิดชอบแต่หลังจากรวมเข้ามาใน อาวียองซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล แล้ว แผนการจ่ายผลตอบแทนให้กับสมาชิกจะเป็นรูปแบบเดียวกับไทย และใช้เป็นมาตราฐานเดียวกันทั่วโลก"
ทั้งนี้ ในช่วงระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา อาวียองซ์ได้เตอบโตขึ้นอย่างมีคุณภาพทั้งผลิตภัณฑ์ ผู้ร่วมธุรกิจเครือข่ายอาวียองซ์ รูปแบบการทำธุรกิจเครือข่ายที่มีเอกลักษณ์หลากหลายช่องทาง ทำให้สามารถขยายธุรกิจและมียอดขายเติบโตตามตลาดอย่างต่อเนื่อง ฐานสมาชิก 4.5 แสนรหัส แบ่งเป็นสมาชิกอภิสิทธิ์ 50% และผู้ร่วมธุรกิจอาวียองซ์ 50% และมีผู้บริโภคที่ไม่ใช่สมาชิกกว่า 1 ล้านคน อีกทั้งอาวียองซ์ยังถือเป็นธุรกิจที่มีการเติบโตสูง เมื่อเทียบกับธุรกิจหลักของ
ยูนิลีเวอร์ แม้ว่าปัจจุบันจะยังมีฐานตลาดที่เล็กอยู่ โดยในปีที่ผ่านมายูนิลีเวอร์ ไทย มีรายได้เกิน 4 หมื่นล้านบาท
บาวเค่อ กล่าวต่อว่า ด้วยศักยภาพ ประกอบกับความมั่นคง และความมีชื่อเสียงของยูนิลีเวอร์ที่เป็นที่ยอมรับทั่วโลก ทำให้บริษัทพร้อมที่ขยายตลาดอาวียองซ์สู่ตลาดโลก โดยใช้สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ประเทศไทย เป็นศูนย์กลางในการขยายตลาดสู่ต่างประเทศ ล่าสุดได้เปิดธุรกิจอย่างเป็นทางการที่ประเทศมาเลเซีย ภายใต้การจดทะเบียนในชื่อ ยูนิลีเวอร์ อาวียองซ์ มาเลเซีย ทั้งนี้เหตุผลหลักที่ยูนิลีเวอร์เลือกขยายตลาดในมาเลเซียนั้น เนื่องจากมาเลเซียเป็นประเทศที่ดำเนินธุรกิจขายตรงมานาน และเป็นที่ยอมรับในวงกว้างประกอบกับตลาดมีการพัฒนาแล้ว โดยเฉพราะตลาดสกินแคร์ ที่ผู้บริโภคมีความรู้ในการเลือกซื้อสินค้า
รวมทั้งมาเลเซียถือเป็นตลาดใหญ่ของธุรกิจขายตรง ที่มีมูลค่าตลาดรวมสูงถึง 1.1 พันล้านเหรียฐสหรัฐและมีบริษัทดำเนินธุรกิจมากราว 800 บริษัท นอกจากนี้ความหลากหลายทางเชื้อชาติ การใช้ภาษาที่ค่อนข้างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นอังกฤษ จีน หรือภาษาบาฮาซาของคนมุสลิม ซึ่งมาเลเซียถือเป็นประเทศต้นแบบในการขยายตลาดธุรกิจเครือข่ายอาวียองซ์สู่ประเทศอื่นๆ ต่อไปในอนาคตด้วย
ด้าน สุชาดา ธีรวชิรกุล ประธานบริหาร อาวียองซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด กล่าวว่า เพื่อเป็นการสร้างแบรนด์ในตลาดมาเลเซียในช่วงปีแรก จะเน้นการสร้างแบรนด์อาวียองซ์ให้เป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็ว โดยผ่านกิจกรรมส่งเสริมการตลาด ให้ผู้ร่วมธุรกิจสามารถขยายญานสมาชิก และจัดโปรโมชั่นสินค้าเป็นชุด ให้ง่ายต่อการเลือกใช้ และให้เกิดการทดลองใช้ในขณะเดียวกันกระตุ้นตลาดให้เกิดการตื่นตัว เนื่องจากการที่บริษัทยักษ์อย่างยูนิลีเวอร์ได้มาเปิดธุรกิจเครือข่าย ทำให้ได้รับความสนใจจากผู้ร่วมธุรกิจจำนวนมาก โดยล่าสุดได้มีสมาชิกมากถึง 10,000 รหัสมากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ราว 5,000 รหัสเท่านั้น
ในการสร้างแบรนด์นอกเหนือจากการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดแล้ว จะเน้นการรับรู้ในเรื่องของโอกาสธุรกิจให้กับคนในประเทศมาเลเซีย รวมทั้งจะเน้นการฝึกอบรมบุคลากร ให้มีความเข้าใจและมีความรู้อย่างถ่องแท้ เกี่ยวกับธุรกิจและผลิตภัณฑ์ นอกเหนือจากนี้ยังมีแผนปันผลตอบแทนจ่ายลึก 12 ชั่น และมีรางวัลอินเซ็นทีฟ เป็นทริปท่องเที่ยว ซึ่งจะเริ่มทริปแรกให้กับผู้ที่ทำยอดถึงเป้าร่วม 80 คน ไปทัศนศึกษายังนครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน พร้อมชมศูนย์วิจัยผลิตภัณฑ์ระดับภูมิภาค ซึ่งเป็นศูนย์ใหญ่ 1 ใน 6 ของยูนิลีเวอร์ทั่วโลก ในเดือนพฤษภาคม 2554 นี้
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ได้เริ่มทดลองตลาดมาระยะหนึ่งในมาเลเซีย บริษัทได้เล็งเห็นโอกาสและการเติบโตของตลาดขายตรงในมาเลเซีย ที่มีควมแข็งแกร่งและแพร่หลายในมาเลเซีย ประกอบกับกระแสออนไลน์ช้อปปิ้งของประเทศมาเลเซียได้รับความนิยมอย่างสูง ซึ่งจากการสำรวจของมาสเตอร์การ์ด พบว่า 50% ของชาวมาเลย์ นิยมซื้อสินค้าบนออนไลน์ จึงนับเป็นช่องทางการตลาดอีกทางหนึ่งที่มีโอกาสเพื่อให้สมาชิกสามารถสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ และรับสมัครสมาชิกผ่านออนไลน์ และมีระบบเพื่อวิเคราะห์ยอดขาย เห็นองค์กรของตนเอง ซึ่งมีความทันสมัย สามารถดูได้หลากหลายรูปแบบ
รวมทั้งคาดว่าในอนาคตอันใกล้อาวียองซ์จะมีโปรแกรมใน App Store สามารถโลหดแอพพลิเคชั่นลงใน Ipad เพื่อวิเคราะห์ผิดและตอบคำถามต่างๆ เกี่ยวกัยบสภาพผิว รวมถึงการวิเคราะห์รูปร่างอีกด้วย ซึ่งจะมีการประมวลผลออกมาเพื่อผลิตภัณฑ์ที่ตรงตามความต้องการมากที่สุด ถือเป็นการนำความล้ำหน้าทางเทคโนโลยีมาเสริมสร้างประสิทธิภาพ และความสะดวกสบาย ที่พร้อมรองรับการขยายตัวของธุรกิจเครือข่ายอาวียองซ์ในประเทศมาเลเซียอย่างครบวงจน
ด้าน วรวิทย์ ศรชัย ผู้จัดการประจำประเทศมาเลเซีย บริษัท ยูนิลีเวอร์ อาวียองซ์ มาเลเซีย จำกัด กล่าวว่า ขณะนี้มีสมาชิกผู้ร่วมธุรกิจเครือข่าย อาวียองซ์ มาเลเซีย แล้ว ประมาณ 10,000 รหัส ซึ่งคาดว่าจะสามารถขยายถึง 20,000 รหัส ภายในปีแรก โดยปัจจัยหลักที่คนมาเลเซียสนใจในธุนกิจนี้ เพราะเป็นอาชีพที่ตอนเอง สามารถเป็นเจ้าของธุรกิจเองได้ด้วยเงินลงทุนที่ต่ำมาก ่และต้องการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น อีกทั้งอาวียองซ์ยังมีผลิตภัณฑ์ที่ดีมีคุณภาพ ตอบสนองกลุ่มผู้บริโภคที่ส่วนใหญ่ต้องการมีผิวขาว และดูอ่อนเยาว์ ซึ่งทำให้กลุ่มผลิตภัณฑ์กันแดด และผลิตภัณฑ์ลดเลือกริ้วรอยขายดีติดอันดับต้นๆ นอกจากนี้กลุ่มผู้บริโภคยังมีความใส่ใจ และนิยมใช้ผลิตภัณฑ์ครบทุกขั้นตอน
ดังนั้น เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต อาวียองซ์ยังได้ทำการเปิดอาวียองซ์ ช็อป ซึ่งเป็น เฟล็กชิพ สโตร์ แห่งแรก บนพื้นที่ 1,000 ตารางเมตร ตั้งอยู่ในเขตเศรษฐกิจ พีเจ เพื่อรองรับผู้ร่วมธุรกิจอาวียองซ์ และผู้บริโภคด้วยงบการลงทุนกว่า 40 ล้านบาท แบ่งพื้้นที่เป็น 2 โซน โซนแรกจะเน้นการวางสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์ความงามระดับพรีเมี่ยมในกลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงดูแลผิว, ผลิตภัณฑ์บำรุงดูแลเส้นผม และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัย จำนวนทั้งสิ้น 80 รายการ รวมทั้งในอนาคตจะมีการนำสินค้าในกลุ่มควบคุมน้ำหนักและกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเข้ามาจำหน่ายด้วย ซึ่งขั้นตอนอยู่ระหว่างการขออนุฐาตกับทาง สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. ที่ประเทศมาเลเซีย รวมทั้งมีบริการอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับการตรวจวิเคราะห์ผิว โซนที่ 2 จะเป็น อาวียองซ์ อะคาเดมี สถานบันการเรียนรู้และฝึกอบรม ที่มุ่งพัฒนาใน 3 ด้านสำคัญ ได้แก่ การพัฒนาด้านทักษะ การพัฒนาด้านความเป็นผู้นำ และการพัฒนาคุณลักษณ เพื่อให้ผู้ร่วมธุรกิจเครือข่ายอาวียองซ์ได้พัฒนาทักษะที่จะเป็นในการดำเนินธุรกิจ เมื่อก้าวสู่ตำแหน่งผู้ร่วมธุรกิจที่สูงขึ้น โดย อาวียองซ์ อะคาเดมี จะมีด้วยกันถึง 4 ห้อง ที่สามารถรองรับผู้ร่วมธุรกิจที่เข้ามาฝึกอบรมได้ประมาณ 300 คน
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: นสพ.เดอะ พาวเวอร์ เน็ตเวิร์ค
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น