ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันพุธที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2555

MLM จุดพลุงานใหญ่ โชว์ศักยภาพเรียกแขกรับมือ AEC

นับถอยหลังการเปิดการค้าเสรีอาเซียน หรือ AEC ค่ายขายตรงน้อยใหญ่ลั่นกลองรบ ระเบิดงานใหญ่โชว์ศักยภาพเต็มสูบ หมายเรียกคนดูรับแขกอาเซียน “นีโอ ไลฟ์” “กิฟฟารีน” ประดับเข็มยิ่งใหญ่ พร้อมเข็นกลยุทธ์รับมือตลาดเปิดด้าน “ยูนิซิตี้” ยังเน้นการสร้างผู้นำต้นแบบ หวังเป็นตัวอย่างนักขายเดินตาม

จากที่ทราบกันเป็นอย่างดีแล้วว่า ในปี 2558 การค้าการขายระหว่างประเทศอาเซียนจะเปลี่ยนไป ตามพันธสัญญาการเปิดการค้าเสรีอาเซียนบวก 3 หรือ AEC ทำให้บรรดาค่ายขายตรงต้องพยายามสร้างความพร้อมเพื่อตอบรับโลกเศรษฐกิจที่กำลังจะเกิดขึ้น

โดยเริ่มตั้งแต่ต้นปี บรรดาค่ายขายตรง ไม่ว่าจะเป็นหน้าใหม่ หรือเก่า ก็พยายามที่จะลั่นกลองเปิดงานใหญ่ เพื่อให้วงการรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของบริษัทตนเอง อีกทั้งยังต้องการให้สมาชิกเตรียมพร้อมรับมือการเปิดการค้าเสรี หรือ AEC อย่างน้อยก็เป็นการประกาศความพร้อมรับมือ เพื่อมัดใจสมาชิก และแสดงให้เห็นว่าบริษัทของ ตนเองพร้อมสำหรับการสร้างเครือข่ายผู้บริโภคอาเซียน ที่มีอยู่กว่า 500 ล้านคน

“นีโอ ไลฟ์” เปิดหัวทะยานสู่โลกอาเซียน

ค่ายยักษ์รายแรกที่เริ่มจัดงานใหญ่ต้นปี และดูเป็นที่สนใจมากที่สุดเห็นจะเป็น “นีโอ ไลฟ์” ที่เริ่มประกาศศักดาตนเองด้วย งาน Connect The Dot to Asean ซึ่งชื่อ งานก็เป็นการประกาศแล้วว่า “นีโอ ไลฟ์” เตรียมที่จะมุ่งสู่โลกอาเซียนเต็มตัว โดยใช้งานดังกล่าวเป็นสื่อกลาง

โดยดร.นพรุจ เวชกุล ประธานกรรม การบริหาร บริษัท นีโอ ไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทได้เตรียมแผนการกระจายแบรนด์ “นีโอ ไลฟ์” ออกสู่ตลาดสากลมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะส่วนอาเซียนเอง และกลุ่มประเทศที่จะเปิดการค้าเสรีในปี 58

ซึ่งการขยายสาขาของบริษัท ปัจจุบัน มีการขยายไปแล้ว 4 ประเทศ ได้แก่ จีน, เวียดนาม, ลาว และสิงคโปร์ ซึ่งทุกประ เทศก็มีกระแสตอบรับกลับมาเป็นอย่างดี กลุ่มประชาชนให้ความสนใจในตัวบริษัท และ เดินเข้ามาเป็นสมาชิกกันเป็นจำนวนมาก

การปูรากฐานในเวทีอาเซียน นีโอ ไลฟ์ เริ่มต้นที่ประเทศลาวเป็นพื้นที่แรก ซึ่ง ต้องพบเจออุปสรรคนานาปัญหา ไม่ว่าจะเป็นในด้านของความแตกต่างทางด้านภาษา วัฒนธรรม มุมมอง และความคิด โดยกว่า 2 ปีที่บริษัทบุกเบิก เพื่อเป็นการพิสูจน์ตนเอง วันนี้ นีโอ ไลฟ์ กลายเป็นที่ยอมรับในตลาดของประเทศลาว จนปัจจุบัน บริษัทมีศูนย์สาขาในลาวถึง 4 ศูนย์ ได้แก่ สาขาเวียงจันทน์, สาขาสะหวันเขต, สาขาจำปาสัก และสาขาอุดมชัย

จากความสำเร็จของก้าวแรกในเวที อาเซียนส่งต่อให้บริษัทขายพื้นที่ปักธงในเวทีสากลเพิ่มอีก โดยมีจีน เวียดนาม และสิงคโปร์ ดังที่กล่าวมา โดยบริษัทได้คาดหวังว่า ในปี 2556 บริษัทจะปักธงเขตประเทศอาเซียนให้ครบ 10 ประเทศ และสุดท้ายคือ ประเทศอินเดีย

โดยในอนาคตบริษัทต้องการที่จะขยายออกสู่ 10 ประเทศอาเซียน และ 3 ประเทศ ที่เข้าร่วม ซึ่งมีจีนที่บริษัทได้ขยาย ออกไปแล้วในช่วงก่อนหน้า อีกทั้งในอีกไม่ กี่เดือนที่จะถึง สาขาของนีโอ ไลฟ์ ในประเทศกัมพูชาก็กำลังจะเกิดขึ้น

“การค้าเสรีอาเซียน นับเป็นเรื่องที่สำคัญที่บริษัทมองไปถึง เนื่องจากปัจจุบัน บริษัทไม่ใช่เพียงแต่แบรนด์ขายตรงที่อยู่ในไทยเสียแล้ว เพราะความต้องการส่งต่อ ความสำเร็จไปยังพี่น้องทั่วโลก ทำให้การขยายตัวของบริษัทต้องเกิดขึ้นในเร็ววัน โดยบริษัทมีความต้องการเห็นการเพิ่มจำนวน ของสมาชิกที่เป็นพี่น้องชาวต่างชาติ และทำให้เห็นว่า แบรนด์ขายตรงของไทย คือ สิ่งที่จะเข้าไปสร้างฐานะความเป็นอยู่ให้พวกเขามีชีวิตที่ดีขึ้น” หัวเรือ นีโอ ไลฟ์ เผย

“กิฟฟารีน” ถือฤกษ์ฉลองอายุ 16 ปี มองเป้าหมายการค้าเสรี

ถัดมา ไม่น้อยหน้า สำหรับค่ายขาย ตรงไทยชื่อกระฉ่อนอย่าง “กิฟฟารีน” ที่ฉลองอายุบริษัทครบ 16 ปี ที่เน้นธีมงาน การคิดเชิงบวก มุ่งสู่ความสำเร็จ โดยทาง “หมอต้อย” แม่ทัพใหญ่ได้ประกาศย้ำชัดถึงแผนงาน ที่ต่อจากนี้คือการวางระบบมุ่งสู่การเปิดตลาดค้าเสรีอย่างจริงจัง

พ.ญ.นลินี ไพบูลย์ ประธานกรรมการ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด เปิดเผยว่า จุดประสงค์ในการจัดงานในครั้งนี้ เพื่อต้องการสร้างพลังแห่งการคิดบวก ที่สามารถ นำทางสู่ความสำเร็จได้ในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะต้องประสบกับเหตุการณ์ใด หากมีสติ และคิดบวก นักธุรกิจกิฟฟารีนทุกท่านก็จะประสบความสำเร็จได้อย่างที่ตั้งใจ ซึ่งในปีนี้กิฟฟารีนได้เตรียมความพร้อมในทุกๆ ด้าน เพื่อการสร้างยอดขายให้ได้ตามเป้าหมาย 6,000 ล้านบาท และการดูแลนักธุรกิจกิฟฟารีนในเชิงกลยุทธ์อย่างเข้มข้น ซึ่งในปีนี้การทำงานจะเป็นไปอย่างรัดกุม และมีกลยุทธ์ทั้งในระบบของการขยายเครือข่าย แผนการมอบผลประโยชน์ และการเตรียมความพร้อมรอบด้านให้กับนักธุรกิจเครือข่าย กิฟฟารีนทุกท่าน ซึ่งจะมีความเข้มข้นแตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค

ทั้งนี้ บริษัทยังเตรียมแผนงานเพื่อเป็นการรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจ อาเซียน ในปี 2558 โดยเริ่มที่ตลาดในประเทศที่บริษัทพยายามวางรากฐานเพื่อให้ เกิดความแข็งแกร่ง เพื่อที่ในอนาคตเมื่อการ ค้าเสรีอาเซียนเกิดขึ้น การที่จะขยายงานสู่ต่างประเทศรองรับก็จะยิ่งมีประสิทธิภาพ มากยิ่งขึ้น โดยในงานฉลอง 16 ปี ที่บริษัท ได้จัดขึ้นมานี้ บริษัทยังได้มีการนำเอานักขาย สาขาอาเซียนมาร่วมด้วย เพื่อเป็นการประกาศความชัดเจนในเรื่องของความพร้อมในการรับมือ AEC โดย “พ.ญ.นลินี” มีความมั่นใจว่า เมื่อตลาดเปิดทุกประเทศในอาเซียนและอีก 3 ประเทศผู้นำเศรษฐกิจ เอเชียจะกลายเป็นหนึ่งเดียวกัน

“ยูนิซิตี้” เข็นผู้นำสร้างต้นแบบปูฐานก่อนตลาดเปิด

มร.คริสโตเฟอร์ คิม ประธานกลุ่มบริษัทภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก บริษัท ยูนิซิตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล อิงค์ จำกัด เปิดเผยว่า “ถือเป็นเรื่องมหัศจรรย์ และน่าสนใจ เป็นอย่างยิ่งที่นักธุรกิจยูนิซิตี้คนไทย “รสา คำแบน” ขึ้นตำแหน่ง Presidential Crown Diamond ซึ่งถือเป็นตำแหน่งสูงสุดของบริษัท เป็นคนแรกจากยูนิซิตี้ทั่วโลก เพราะในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา แม้จะเกิดวิกฤติอุทกภัยครั้งใหญ่ในเมืองไทย แต่คุณรสา สามารถขึ้นตำแหน่งได้ในช่วงเวลาลำบาก ดังนั้น ตนจึงอยากบอกว่าประเทศไทยทำได้ ถือเป็นประเทศที่มีความแข็งแกร่งมากจริงๆ”

ส่วนแผนงานเชิงรุกของบริษัทในปีนี้ มร.คริสโตเฟอร์ กล่าวว่า ปีนี้บริษัทมีเป้าหมายใหญ่ คือการกำหนดให้ยูนิซิตี้ภาคพื้น เอเชียแปซิฟิกเติบโตขึ้นจากปีก่อนประมาณ 55% นอกจากนี้บริษัทยังวางแผนว่า จะมีการเปิดตลาดใหม่ในเอเชียอย่าง แน่นอน โดยประเทศแรกที่เตรียมการอยู่ในขณะนี้ คือ ประเทศอินโดนีเซียซึ่งจะเปิด ในเดือนเมษายน ประเทศถัดไปคือ ลาว กัมพูชาและพม่าตามลำดับ เนื่องจากผู้นำ ของประเทศไทยมีสมาชิกเป็นจำนวนมากในประเทศเหล่านี้

สุดท้าย มร.คริสโตเฟอร์ ได้กล่าวถึง การเตรียมตัวรองรับการเปิดเสรีอาเซียน ว่า “เมื่อมองเศรษฐกิจทั่วโลก ถือว่าอาเซียน เป็นตลาดสำคัญในปัจจุบัน เพราะจะเห็นได้ว่าหลังจากยุโรป และอเมริกา มีปัญหาทางการเงิน พบว่ากลับฟื้นตัวได้ช้ามาก ต่างจากประเทศในแถบเอเชียที่เคย อยู่ในภาวะดังกล่าวมาก่อน แต่สามารถกลับสู่ภาวะปกติได้เร็ว ตอนนี้ตนจึงคิดว่าบริษัททั่วโลกน่าจะมองตลาดในเอเชียอยู่เช่นกัน ซึ่งสิ่งสำคัญในขณะนี้ ก็คือ สมาชิกในเอเชียต้องทำงานร่วมกัน ปรึกษากันมากขึ้น เพื่อสร้างฐานอำนาจของเศรษฐกิจ แห่งใหม่ในโลก”

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: นสพ.สยามธุรกิจ ฉบับที่ 1285 ประจำวันที่ 21-3-2012 ถึง 23-3-2012

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น