ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันพุธที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2555

‘อาเจล’ เปิดเกมรุกหน้ามืด อัดสินค้า/อัพแผนจ่ายล่อใจสมาชิก

[gallery]

“อาเจล” ประเทศไทย ยิ้มออก ฟุ้งเติบโตสูงเป็นอันดับหนึ่งในภูมิภาคเอเชีย จัดการเปิดเกมรุกหนัก ด้วยการนำเข้าผลิตภัณฑ์นวัตกรรมเจลแห่งการดูแลผิวหน้าสูตรใหม่ และแผนการตลาดที่จะสร้างรายได้ให้แก่สมาชิกเพิ่มกว่า 60% ด้านแม่ทัพใหญ่มะกัน หยอดคำหวาน สาขาไทยมีศักยภาพผู้นำในอนาคต

บริษัท อาเจล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จัดงาน IAA (I Am Agel) เพื่อเฉลิมฉลองในโอกาสที่อาเจล ประเทศไทย ก้าวขึ้นสู่ปีที่ 5 โดยการจัดงานครั้งนี้ บริษัทได้รับเกียรติจากผู้บริหารสำนักงานใหญ่อเมริกา เข้าร่วมเป็นประธานเปิดงาน นำโดย มร.เจฟ ฮิกกินสัน ประธานบริษัท, มร.ซาด แบรดลี่ย์ รองประธานภาคพื้นลาตินอเมริกา/เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมร.สก็อต ฮิกกินสัน ผู้อำนวยการฝ่ายขาย/สื่อสารองค์กร

โดย มร.เจฟ ฮิกกินสัน ประธาน บริษัท อาเจล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยว่า ประมาณปี 2007 ตนเดินทางมาเปิดตลาดอาเจลในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ซึ่งจากจุดเริ่มต้นในวันนั้น จนตลอดระยะเวลากว่า 4 ปีที่ผ่านมา อาเจล ประเทศไทยถือเป็นตลาดที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ดังจะเห็นได้จากปี 2010 ในภูมิภาคเอเชีย อาเจลประเทศไทยมียอดขายเติบโตขึ้นเป็นอันดับหนึ่ง คือไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้ว มียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 50% ส่วนประเทศที่มียอดขายสูงเป็นลำดับถัดมาคือ ฮ่องกง, ไต้หวัน, ญี่ปุ่น, มาเลเซีย และสิงคโปร์ และหากเทียบจากสัดส่วนยอดขายทั่วโลก ประเทศไทยมียอดขายประมาณ 25-30% จึงถือเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูง ซึ่งตนเชื่อมั่นว่าในอนาคตประเทศไทยจะสามารถก้าวสู่การเป็นประเทศที่มียอดขายเป็นอันดับหนึ่งของโลก เทียบกับรัฐเซีย ซึ่งมียอดขายสูงสุดอยู่ในขณะนี้ได้

ดังนั้นในปี 2011 นี้ อาเจลประเทศไทยจึงได้วางกลยุทธ์ในไตรมาสแรก ด้วยแผนการตลาด และโปรโมชั่นสุดพิเศษหลายประการ ประการแรก คือ เสริมทัพสินค้า ด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้งในกลุ่มดูแลผิวหน้า Ageless และผลิตภัณฑ์เจลล่าสุด ซึ่งประกอบด้วย เอจเลส โทเทิล เมค อัพ รีมูลเวอร์ เป็นผลิตภัณฑ์เช็ดล้างทำความสะอาดเครื่องสำอาง และเอจเลส เฟเชียล ซัน โพรเทคชั่น เอสเซ้น เป็นผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดด และปกป้องแสงยูวี SPF 50 PA

นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์ Agel GLO ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่บริษัทคาดหวังว่า จะเข้ามาช่วยรุกการขยายตลาดในกลุ่มความงาม ซึ่งถือเป็นตลาดที่ยังคงเป็นที่นิยมและมาแรงอย่างต่อเนื่อง โดยผลิตภัณฑ์ตัวนี้เป็นสารสกัดจากธรรมชาติที่มีคุณสมบัติช่วยยกกระชับผิว ลดเลือนริ้วรอย แก้ปัญหาผิวแห้ง ช่วยปรับสภาพผิวจากภายในสู่ภายนอก

ส่วนแผนการตลาดสำคัญอีกประการที่เป็นความภาคภูมิใจของอาเจลในขณะนี้ คือ การนำเทคโนโลยี ตู้จำหน่ายอัตโนมัติของผลิตภัณฑ์เจล ที่เรียกว่า “Gel Dispenser” เข้ามาช่วยขยายฐานผู้บริโภคใหม่ ซึ่งผู้นำธุรกิจสามารถมีส่วนร่วมในการลงทุน พร้อมเลือกทำเลในการวางตู้จำหน่ายอัตโนมัติได้เอง แต่อย่างไรก็ดี ในขณะนี้บริษัทได้วางแผนในการวางตู้จำหน่ายอัจฉริยะนี้ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ และสถานี รถไฟฟ้า BTS

นอกจากนี้ มร.เจฟ ได้เปิดเผยต่อว่า ขณะนี้อาเจล ประเทศไทย ได้มีการจัดแผนการตลาดใหม่จากเดิมที่ใช้ระบบไบนารี่ ขณะนี้อาเจลได้ดึงระบบยูนิเลเวลมาร่วม รวมกันเป็นแผน ไฮบริด พลัส โดยแผนดังกล่าวจะทำให้ทีมสมาชิกได้รายได้เกือบ 3 เท่า หรือบริษัทจ่ายเพิ่มขึ้นเกือบ 60% ซึ่งคาดว่าจะลองใช้แผนดังกล่าวประมาณ 4 เดือน หากดีก็จะใช้แบบถาวร

อย่างไรก็ดี เกี่ยวกับนโยบายการลงทุนเปิดโรงงาน ในประเทศไทย มร.เจฟ กล่าวว่า “ตนก็ยังคงพิจารณาอยู่ อย่างแน่นอน แม้ใครหลายคนจะห่วงในด้านผลกระทบจาก ภัยพิบัติธรรมชาติ แต่สิ่งที่ตนจะพิจารณา มีองค์ประกอบ สำคัญประการแรก คือ ศักยภาพภายในประเทศ ประการที่สอง คือ สูตรต้องไม่รั่วไหล ประการที่สาม คือ วัตถุดิบที่จะคงระดับมาตรฐานของสินค้า เมื่อพิจารณาแล้วประเทศไทยถือว่ามีความพร้อมสูง ดังนั้นหากอาเจลได้เข้ามาผลิตสินค้าในประเทศไทย ก็จะเป็นประโยชน์ในแง่การขนส่งสินค้า และจะช่วยลดราคาสินค้าให้กับสมาชิกได้”

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: นสพ.สยามธุรกิจ ฉบับที่ 1285 ประจำวันที่ 21-3-2012 ถึง 23-3-2012

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น