แผ่ผลกระทบเป็นวงกว้างกรณีบริษัท เอวอน โปรดักส์ อิงค์ ค่ายขายตรงความงามอันดับหนึ่งของโลกที่กำลังถูกอัยการสหรัฐอเมริกาสอบสวนข้อหาติดสินบนเจ้าหน้าที่แลกกับใบอนุญาตประกอบธุรกิจในจีนเมื่อปี 2548 โดยสำนักข่าวชินหัวในประเทศจีนรายงานว่า เคสของเอวอนกลายเป็นสปอตไลท์ที่ส่องไปยังอุตสาหกรรมทั่วโลกกระทบกับภาพพจน์ของธุรกิจโดยรวมและอาจจะทำให้กิดการร่างกฏ กติกาใหม่ๆ เพื่อสร้างความยุติธรรมด้านการแข่งขันในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ (Emerging Markets) ลดการคอรัปชั่น
แม้ว่าจนถึงขณะนี้คณะลูกขุน สหรัฐฯยังไม่มีคำตัดสินกรณีเอวอน แต่บริษัทขายตรงข้ามชิตต่างๆ วิตกกังวลกับเรื่องนี้มากเกรงจะประสบปัญหาในการดำเนินธุรกิจในจีนเจอการคุมเข้มมากขึ้น ส่วนรายที่ยังไม่ได้ใบอนุฐาตอาจจะได้ยากกว่าเดิม
ล่าสุด กระทรวงพาณิชย์ของจีนมีปฏิกิริยาต่อเรื่องนี้ทันที ดดยออกแถลงการณ์ว่า นักลงทุนต่างชาติรวมไปถึงบริษัทภายในประเทศที่มีชาวต่างชาติร่วมทุนอยู่เมื่อเข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศจีนควรจะต้องปฏิบัติตามกฏหมายและกฏระเบียบต่างๆ ที่จีนนำออกมากำกับดูแลธุรกิจอย่างเคร่งครัดซึ่งการพิจารณาให้ใบอนุญาตประกอบธุรกิจขายตรงเมื่อมีผู้ประกอบการยื่นขอใบอนุฐาตเข้ามา ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องยึกกฏหมาย
นับแต่เอวอนเริ่มสอบสวนเป็นการภายในเกี่ยวกับกรณีติดสินบนเจ้าหน้าที่จีนซึ่งพบว่าผู้บริหารระดับสูงของบริษัทมีส่วนพัวพันอยู่หลายคนบริษัทสั่งผลดผู้บริหารดังกล่าวออกไปหลายคนแล้วด้านเอวอนสาขาจีนปฏิเสธที่จะให้คอมเมนต์ใดๆเกี่ยวกับข้อหาดังกล่าว
หลังจากจีนเปิดประเทศรับนักลงทุนต่างชาติ จีนกลายเป็นตลาดสำคัญและแหล่งการเติบโตสำหรับธุรกิจของนักลงทุนต่างชราติ ซึ่งในอดีตมีแบรนด์ดังๆ ในแวดวงสื่อสารโทรคมนาคมระดับดลกหลายรายอาทิ ไอบีเอ็ม,อัลคาเทลและซีเมนส์ เลือกเส้นทางผิดในการเจาะตลาดเกิดใหม่อย่างจีนทำให้หมดอนาคตทางธุรกิจทันที ยกตัวอย่างไอบีเอ็มในช่วงที่เข้าไปทำธุรกิจในจีนเมื่อปี 2549 ได้ติดสินบนนาย จางอึ้งเจ้า อดีตหัวหน้าไชน่า คอนสตรัคชั่น แบงก์ ซึ่งนายจางถูกศาลพิพากษาจำคุก 15 ปีจากการคอรัปชั่นครั้งนั้น
“บางครั้ง บริษัทใหญ่ไ หลายแห่งที่มีความเป็นมืออาชีพ มีจรรยาบรรณสูงแบบนี้มองหาช่องทางพิเศษ เพื่อทำกำไรมาขึ้นไปอีก การติดสินบนมักเกิดขึ้นบ่อยๆ ในภาพธุรกิจที่มีการผูกขาดซึ่งขาดความโปร่งใสโดยเฉพาะในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา” ฮีหมันกิ๊ง นักวิจัย Academy of International Trade and Economic Cooperation สังกัดกระทรวงพาณิชย์จีนให้ความเห็น
และเสริมว่า จากสถิติของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯระบุว่า คดีติดสินบนมากกว่า 2 ใน 3 ที่เกิดขึ้นในประเทศกำลังพัฒนาเกี่ยวพันกับบริษัทจากสหรัฐฯที่ต้องการขยายธุรกิจในประเทศเหล่านี้ ดดยเรียกร้องให้แต่ละประเทศปรับปรุงกฏหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้และเพิ่มการควบคุม การตรวจสอบธุรกิจมากขึ้นเพื่อป้องกันการคอรัปชั่น
นักวิเคราะห์ให้ความเห็นว่า เรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการติดสินบนที่เกิดขึ้นกับธุรกิจข้ามชาติยิ่งทำให้ภาวะแวดล้อมในการประกอบธุรกิจในตลาดเกิดใหม่ต่างๆ ย่ำแย่ลงไปอีกและทำลายความพยายามที่จะกำจัดการฉ้อราษฏร์ บังหลวง
สำหรับความคืบหน้าการสรรหาประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) คนใหม่ของเอวอนแทน “แอนเดรีย จุง” หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า เอวอนใกล้จะได้ซีอีโอคนใหม่แล้ว ซึ่งผู้บริหารที่เป็นตัวเก็งคือ “มินดี้ กรอสส์ แมน” วัย 53 ปี ซีอีโอบริษัทเอสเอ็สเอ็นอิงค์ ค้าปลักผ่านมัลติแชนแนลที่มียอดขายปีละประมาณ 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 90,000 ล้านบาท) จัดเป็นผู้บริหารหญิงที่มีความชำนาญด้านขายตรงสู่บริโภคสูงคนหนึ่งของสหรัฐฯ อาทิ ไนกี้, โปโล ยีนส์และทอมมี่ ฮิลไฟเกอร์ ซึ่งปัจจุบันเธอยังเป็นบอร์ดในเนชั่นแนลรีเทล เฟดเดอเรชั่นและคอสเมติค เอ็กเช็คคิวทีฟ วูแมน
อ้างอิง : หนังสือพิมพ์ "ธุรกิจเครือข่าย" ฉบับที่ 224 ปักษ์หลัง ประจำวันที่ 16-31 มีนาคม 2555
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น