ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันพฤหัสบดีที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2555

‘จันทร์สว่าง’ ยอดขายจมน้ำปรับทัพใหม่ปั้น 5 ปัจจัยอัพแบรนด์



“จันทร์สว่าง” ยอดขายปี 54 ร่วง 15% สาเหตุหลักวิกฤติอุทกภัยครั้งประวัติศาสตร์ ผู้บริหารปรับกระบวนทัพ วางหลัก 5 เพิ่ม ยอดขาย...ศูนย์ความงาม...การอบรม...ผลิตภัณฑ์...และการโฆษณาประชาสัมพันธ์ หวังใช้เป็นตัวกระตุ้นยอดขาย แอบโชว์ใบ ISO หวังใช้เบิกทาง อนาคต

ดร.กัญชร จันทร์สว่าง ประธาน บริษัท จันทร์สว่าง เฮิบเบิล ไลน์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องสำอาง สมุนไพร จันทร์สว่าง เปิดเผย “สยามธุรกิจ” ถึง ผลประกอบการของบริษัทในปีที่ผ่านมา ว่า “ยอดขายของบริษัทในปีที่ผ่านมาต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ ถึง 15% คือ กำหนดไว้ 200 ล้านบาท แต่บริษัทปิดยอดขายได้เพียง 170 ล้านบาท ทั้งนี้สาเหตุสำคัญส่วนหนึ่งเกิดจากวิกฤติภัยธรรมชาติในช่วงปลายปี ทำให้การทำงานของสมาชิกมีความยากลำบากมากขึ้น เพราะศูนย์สาขาของบริษัท ส่วนใหญ่กว่า 200 สาขา อยู่ในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่ง ถือเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบเต็มๆ จากภาวะอุทกภัยครั้งประวัติศาสตร์

ส่วนสาเหตุประการถัดมา อาจเนื่องมาจากการที่บริษัทได้มีการปรับปรุงคุณภาพ มาตรฐานของศูนย์ความงามแบบใหม่ โดยบริษัทจะมีระเบียบต่างๆ ซึ่งเข้มงวดมากขึ้น เช่น เมื่อก่อนบริษัทไม่มีนโยบายในการเก็บค่าแฟรนไชส์ คือผู้สนใจสามารถเปิดแฟรนไชส์ได้ฟรี แต่ในขณะนี้ผู้ที่จะเปิดศูนย์ความงามต้องลงทุนค่าแฟรนไชส์ประมาณ 1.5 หมื่นบาท การเปิดศูนย์ดังกล่าวจึงค่อนข้าง ที่จะยากมากขึ้น ทั้งนี้บริษัทจำเป็นต้องวางมาตรฐานตรงนี้ เนื่องจากเราต้องการเน้นความมีคุณภาพจริงๆ อย่างไรก็ดีแม้ยอดขาย สินค้าของประเทศไทยจะลดลง แต่ยอดขาย จากต่างประเทศกลับเพิ่มขึ้นถึง 20% ซึ่งขณะนี้บริษัทมีสาขาต่างประเทศอยู่ในแถบพื้นที่อาเซียน และยุโรป โดยต่างประเทศจะ มีลักษณะการสร้างตัวแทนจำหน่าย ยังไม่เปิดเป็นศูนย์สาขา”

ดร.กัญชร ได้เปิดเผยต่อว่า ขณะนี้บริษัทมีจำนวนสาขากว่า 500 แห่ง ส่วนใหญ่ ตั้งอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ และภาคอีสาน ซึ่งหลักเกณฑ์ในการเปิดสาขา ประการแรก บุคคลนั้นจะต้องเป็นผู้ที่สนใจในผลิตภัณฑ์ของบริษัทอย่างแท้จริง ต้องมีใจรัก เขาต้อง พิสูจน์กับตัวเองให้ได้ก่อนว่า ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ ดีจริงหรือไม่ เพราะหากเขาไม่สามารถให้คำตอบกับตัวเองได้แล้ว ก็คงจะไปแนะนำผู้อื่นไม่ได้ เพราะตนมองว่า หากเราจะทำธุรกิจ หรือกิจการอะไรสักอย่างเราจะต้องเป็นผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญ และชำนาญการในเรื่อง ที่แนะนำกับผู้อื่น ไม่เช่นนั้นนอกจากตัวเองจะเสียชื่อ บริษัทก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย ดังนั้นบริษัทจึงต้องเข้มงวดในเรื่องนี้มาก

หลักเกณฑ์ประการที่สอง บุคคลนั้นต้องเข้าอบรมคอร์สพื้นฐานกับบริษัทก่อน ซึ่งการอบรมใช้เวลาทั้งหมด 3 วันเสียค่าใช้ จ่ายประมาณ 3 พันบาท โดยบริษัทจะอบรม เพื่อให้สมาชิกรู้หลักการทำงานพื้นฐานทั้งภาคปฏิบัติและภาคทฤษฎี ประการที่สาม การพิจารณาเรื่องทำเล ซึ่งทำเลที่บริษัทกำหนด จะต้องอยู่บนถนนสายเอก หรือสายโท ประการที่สี่ เมื่อสมาชิกพร้อมที่จะเปิดศูนย์ เขาจะต้องเสียค่าแฟรนไชส์เป็นเงิน 1.5 หมื่นบาท โดยบริษัทจะเข้าไปจัดแต่งหน้าร้านให้ ส่วนการลงสินค้า สมาชิกจะต้อง ลงสินค้าไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นบาท ดังนั้นเมื่อรวมเงินทั้งหมดต่อการเปิดศูนย์ 1 สาขา สมาชิกจึงใช้งบลงทุนไม่เกิน 5 หมื่นบาท ก็สามารถเป็นเจ้าของกิจการได้

ทั้งนี้ตนมั่นใจว่า สมาชิกที่เปิดศูนย์ธุรกิจจะได้ทุนคืนภายใน 1-3 เดือน เนื่องจาก บริษัทให้ผลประโยชน์ตอบแทนหรือสมาชิก สามารถมีรายได้จาก 3 ทางด้วยกัน คือ รายได้ จากการทำทรีตเมนต์ นวดหน้า พอกหน้า หรือขัดหน้า, รายได้จากค่าคอมมิสชั่น การ ขายข้างกล่อง ซึ่งบริษัทจะให้เป็นสัดส่วนถึง 60-70%, และรายได้จากการแนะนำ บอกต่อผู้อื่นให้เปิดศูนย์ เขาก็จะได้ 6-10%

โดยดร.กัญชร ได้กล่าวถึงแผนกลยุทธ์ สำคัญของบริษัทในปี 55 ว่า “ในปีนี้บริษัทจะเน้นหลัก 5 เพิ่ม คือ 1.เพิ่มยอดขาย โดย บริษัทตั้งเป้ายอดขายปีนี้ ต้องไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท 2.เพิ่มศูนย์ความงาม ตั้งเป้าว่าจะ เปิดอีกประมาณ 120 ศูนย์ โดยจะเน้นบุกตลาดในภาคเหนือมากขึ้น เนื่องจากเป็นพื้นที่ ซึ่งจันทร์สว่างมีศูนย์ธุรกิจอยู่น้อยที่สุด 3.เพิ่ม การอบรม โดยบริษัทจะมีการอบรมสัญจรทั่วประเทศ หรือมีการอบรมที่กรุงเทพฯ เป็น ประจำทุกๆ เดือน ในช่วงปลายเดือน และ จะมีการอบรมในต่างจังหวัด ตามที่ร้องขอมา แต่จะจัดอบรมได้สมาชิกหรือผู้สนใจเข้า ร่วมธุรกิจต้องรวมตัวกันไม่ต่ำกว่า 20 แฟรนไชส์ บริษัทจึงจัดฝึกอบรมให้ 4.เพิ่มผลิตภัณฑ์และสินค้า โดยในปีนี้ บริษัทจะเน้นการผลิตสินค้าประเภทบำรุงผิวด้านหลัง และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารทั้งของ ผู้หญิงและผู้ชาย ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มประมาณ 15 ตัว 5.เพิ่มการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ ใน ทุกๆ สื่อ ไม่ว่าจะเป็นสื่อทีวี วิทยุ และสื่อสิ่งพิมพ์ โดยผลจากการเน้นด้านสื่อมากขึ้น ทำให้ผู้คน สนใจ และรู้จักจันทร์สว่างเพิ่มขึ้น ส่งผลต่อ ยอดการขาย และการดำเนินงานของบริษัท”

ทั้งนี้ ดร.กัญชร ได้แสดงทรรศนะถึงการเตรียมตัวรองรับการเปิดเสรีการค้าอาเซียน ว่า “ก่อนอื่นตนมองว่าการเปิดเสรี การค้ามีทั้งข้อดีและข้อเสีย ซึ่งขึ้นอยู่ที่บริษัท นั้นๆ ว่า จะมีศักยภาพเพียงพอหรือไม่ ถ้าบริษัทมีศักยภาพสูงก็สามารถเติบโตในตลาดนี้ได้ แต่ถ้ายังอ่อนแออยู่ ก็อาจเพลี่ยงพล้ำจากการแข่งขันที่ต้องดุเดือดเพิ่มมากขึ้น เช่นกัน โดยขณะนี้ จันทร์สว่างได้เตรียมความ พร้อมด้วยการปรับมาตรฐานเข้าสู่ ISO เป็น ที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจากการที่บริษัทได้รับมาตรฐานดังกล่าว จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ ทำให้การขยายตลาดในต่างประเทศเป็นไปโดยง่าย

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: นสพ.สยามธุรกิจ ฉบับที่ 1281 ประจำวันที่ 7-3-2012 ถึง 9-3-2012

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น