![]() |
"รมิตา" อวดความพร้อมลุยปักธงประเทศอาเซียน ชี้ขยายไปแล้ว 2 ประเทศ คือ ลาว และกัมพูชา พร้อมเผยเตรียมเดินหน้าเจาะตลาดพม่า มั่นใจเมืองหม่องทำเลทองของคนขายตรง วางระบบรหัสเดียวสร้างเครือข่ายได้ทั่วโลก ฟุ้งตั้งเป้ายอดขายสิ้นปี 56 ฝันโกย 500 ล้านบาท
นายใจกล้า กาดำดวน รองประธาน บริษัท รมิตา เฮลธ์แอนด์บิวตี้ จำกัด ได้กล่าวว่า บริษัทได้มีการเตรียมความพร้อมในการก้าวสู่ความเป็นผู้นำด้านธุรกิจเครือข่ายเอาไว้ โดยในเบื้องต้นได้มีการศึกษาตลาดและเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการขยายตัวของตลาดเอาไว้ทุกด้าน โดยอีกไม่นานการเปิดตลาด ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนจะเริ่มขึ้นในปี 2558
ก่อนหน้านี้บริษัทได้ออกไปเจาะตลาด 2 ประเทศเพื่อนบ้าน อย่าง สปป.ลาว และกัมพูชา ซึ่งได้รับการตอบรับดีมาก อาทิ สปป.ลาว มีสมาชิกที่ประสบความสำเร็จมีรายได้กันเป็นจำนวนมาก ส่งให้ยอด ขายในประเทศดังกล่าวเติบโตแบบก้าวกระโดด และตอนนี้ได้ขยาย เข้าไปเปิดสาขาที่ลาว และเวียดนาม โดยประเทศไทยบริษัทได้เปิด ไปแล้ว 20 สาขา รองลงมา ลาว 11 สาขา และเวียดนาม 2 สาขา ส่วนที่พม่าและมาเลเซีย กำลังมีการเจรจาเพื่อจะเปิดสาขาให้ได้ ต่อไป
ใจกล้า กล่าวต่อว่า การทำตลาดต่างประเทศในแถบอาเซียน พบว่า ประเทศ พม่ามีโอกาสในการเติบโตมากที่สุด นั่นเพราะมีเหตุและปัจจัยเอื้ออำนวยมากมาย ไม่ว่าจะเป็นความต้องการของคนพม่าที่อยาก เปิดโลกทัศน์ของตนเองให้ทันยุคสมัย พร้อมทั้งวิธีการต่างๆ ที่มีนักลงทุนต่างชาติเข้าไป ทำธุรกิจในประเทศ ช่วยกันกระตุ้นให้มีการ บริโภคตลอดทั้งปีต่อเนื่อง
"พม่า คือทำเลทองของคนขายตรงเลยก็ว่าได้ อย่าง รมิตา เองได้เตรียมความ พร้อมต่างๆ แล้ว ก็รุกที่พม่าเป็นเป้าหมายหลักในปีนี้ โดยบริษัทมีลูกค้าที่มาจากอิน-เตอร์เน็ตเป็นหลัก แน่นอนว่ามีผู้นำเข้าไปทำ ตลาดและทั้งนี้บริษัทต้องทำทุกอย่างตามกฎระเบียบของประเทศที่กำหนดไว้"
บริษัทได้วางยุทธศาสตร์ที่จะเปิดสาขา ในภูมิภาคอาเซียนให้สำเร็จออกไปในระยะยาว แต่ทั้งนี้ก็ต้องมีความพร้อมอย่างยิ่งในด้านของเงินทุนที่ต้องยอมรับว่าในปัจจุบันนี้ ประเทศต่างมีความเข้มงวดมากขึ้น แต่ทั้งนี้ก็ถือเป็นโอกาสของบริษัทไทยที่จะเข้า ไปตลาดอาเซียนมากขึ้น อย่างเมื่อเร็วๆ นี้ได้เข้าไปดูงานที่บริษัทในประเทศมาเลเซีย ซึ่งที่นั่นมีผู้คนที่อยู่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้เยอะมาก ได้เข้าทำธุรกิจกับ บ.รมิตา อาจเป็นเพราะบริษัทเริ่มมีสิ่งที่ตอบโจทย์ทุกอย่างได้มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ตั้งเป้าหมายเอาไว้ทุกประเทศในแถบอาเซียน จะต้องทำยอดให้ได้ถึง 500 ล้านบาท โดยสมาชิกในปัจจุบันมี 2 แสนรหัส และได้ใช้แผนการตลาดแบบ one world one code เพื่อให้ทุกท่านสามารถทำธุรกิจให้สามารถประสบ ความสำเร็จอย่างเท่าเทียมกัน
ขณะเดียวกันบริษัทยังสนับสนุนให้มีการจัดประชุมให้กับผู้นำตามพื้นที่ต่างๆ โดย บริษัทมีการให้ยืมสินค้าออกไปก่อน เพื่อให้สมาชิกทำงานง่ายขึ้น รวมถึงการจัดโปรโมชั่น พิเศษให้กับผู้นำ นอกจากนี้ เรายังได้เปิดตัว สินค้าใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดเพิ่มมากขึ้น เพื่อช่วย กระตุ้นยอดขาย ซึ่งในปีนี้บริษัทได้มีการเปิด ตัวสินค้าใหม่เพิ่มอีกหลายรายการ เช่น กลุ่ม ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ซึ่งเป็นอาหารเสริม พืชชนิดน้ำสูตรนาโน, น้ำหอมสำหรับผู้ชาย และผู้หญิงและอีกกลุ่มเป็นกลุ่มอาหารเสริม ที่เป็นไบโอเทคโนโลยี ซึ่งคาดว่าจะช่วยกระตุ้นยอดขายได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่น่าเป็นห่วงสำหรับธุรกิจขายตรงในประเทศไทยสำหรับ ปีนี้นั้น คงเป็นเรื่องของธุรกิจแชร์ลูกโซ่หรือ มันนี่เกมที่ปัจจุบันมักจะมีอะไรแปลกๆ ออก มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งยังมีผู้บริโภคบางคนยัง แยกแยะไม่ออกว่าอันไหนคือธุรกิจขายตรง หรือมันนี่เกม ดังนั้น อยากให้ภาครัฐเข้ามา ดูแล และเร่งปราบปรามบริษัทหลอกลวงเหล่านี้ให้หมดไป เพราะหากปล่อยนานเกิน ไปอาจจะส่งผลกระทบกับภาพรวมธุรกิจขายตรงได้
Credit By : http://www.siamturakij.com/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น