
นางเมลิซ่า ทันโทโกะ คีอาโน่ ประธาน นู สกิน ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และแปซิฟิก และสมาชิกสภาที่ปรึกษาของสมาพันธ์ขายตรงโลก กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจของตลาดขายตรงในปีที่ผ่านมา มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัท นู สกิน เอ็นเตอร์ไพร์ส อิงค์ อเมริกา ได้สร้างสถิติยอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้งหนึ่งในปี 2011 ที่ผ่านมา โดยสามารถกวาดยอดขายไปได้ 1.74 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นอัตราการเติบโตอยู่ที่ 13 % เมื่อเทียบกับยอดขายในปี 2010 สำหรับในส่วนของ นู สกิน ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิกก็สามารถสร้างผลงานในปีที่ผ่านมาได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นเดียวกัน โดยสามารถสร้างยอดขายทะลุ 200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งเป็นรายได้ที่สูงสุดเท่าที่เคยมีมา ในส่วนของทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2555 นั้น นู สกิน ทั่วโลก รวมทั้ง ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิกจะร่วมขับเคลื่อนองค์กรไปสู่จุดหมายเดียวกันคือ การสร้างให้ นู สกิน เป็นบริษัทผู้นำด้านการต่อต้านความเสื่อมชรา
“สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2555 นี้ บริษัทฯ มุ่งเน้นการปรับกลยุทธ์พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์และพฤติกรรมผู้บริโภค และให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ต่อต้านความเสื่อมชราในการทำตลาดและสร้างยอดขายเป็นหลัก โดยบริษัทฯ มีแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เป็นไฮไลท์ในกลุ่มต่อต้านความเสื่อมชรา ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร “เอจล็อค อาร์สแควร์” และ “เอจล็อค กัลวานิค บอดี้ ซิสเต็ม” โดยจะเปิดจำหน่ายให้กับผู้แทนจำหน่ายระดับผู้บริหารขึ้นไปในไตรมาสที่ 1 และจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการอีกครั้งภายในปีนี้ ซึ่งเชื่อว่าหลังจากที่ผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้เทคโนโลยีเอจล็อคนี้เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วจะสามารถสร้างยอดขายให้เติบโตตามเป้าและสามารถพิชิต 5,000 ล้านบาท ภายในปี 2558 แน่นอน” นางเมลิซ่า กล่าว
นางภคพรรณ ลีวุฒินันท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท นู สกิน เอ็นเตอร์ไพร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า เชื่อว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าตลาดต่อต้านความเสื่อมชราทั่วโลกจะถูกจับตามองและมีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยคาดการณ์ว่าตลาดต่อต้านความเสื่อมชราจะมีมูลค่าสูงถึงประมาณ 275 พันล้านเหรียญฯสหรัฐ และในปี 2015 อุตสาหกรรมต่อต้านความเสื่อมชราในแต่ละภูมิภาคจะเติบโตมากกว่า 70% โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะเติบโตถึง 82% สำหรับมูลค่าการตลาดของประเทศไทยคาดว่า ภายใน 10 ปีข้างหน้าจะมีการเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% เมื่อประเมินจากจำนวนประชากรสูงวัยที่กำลังเพิ่มสูงขึ้นมากในช่วงทศวรรษนี้
โดยบริษัทฯ เตรียมขับเคลื่อนธุรกิจโดยเสริมความแข็งแกร่งด้วยกลยุทธ์การสร้างบุคลากรให้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อต้านความเสื่อมชรา (Anti-aging Expert) และเน้นการสร้างโอกาสทางธุรกิจที่เหนือกว่าและแตกต่าง ล่าสุดบริษัทแม่ได้ ตอกย้ำความเป็น Anti-Aging Company อีกครั้งด้วยการทุ่มงบลงทุนกว่า 350 ล้านบาท ในการครอบครองลิขสิทธิ์กิจการสถาบันวิจัยพันธุวิศวกรรม ไลฟ์เจน เทคโนโลยี เพื่อเป็นเจ้าของผลงานวิจัยและการค้นคว้ารหัสพันธุกรรม หรือ ยีน
บริษัทฯ ยังได้เตรียมวางแผนกลยุทธ์การสื่อสารรูปแบบใหม่ โดยจะมุ่งเน้นการสื่อสารผ่านสื่อที่เข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น (Mass Communications) ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Look young Feel young Lives young” ซึ่งถือเป็น กลยุทธ์ในการรุกตลาดที่มุ่งสู่กลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้บริโภค (End User) โดยตรง เน้นสร้างการรับรู้และสร้างการจดจำให้กับผู้บริโภคทั้งด้านภาพลักษณ์ ตราสินค้าและผลิตภัณฑ์ ตลอดจนปรับกลยุทธ์เข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายให้ตรงจุดให้มากยิ่งขึ้น พร้อมตั้งเป้ายอดขายปีนี้เติบโต 15% สำหรับในปีที่ผ่านมาบริษัทฯ เติบโต 10% สามารถสร้างยอดขาย 2,200 ล้านบาท” นางภคพรรณ กล่าว
ปัจจุบัน นู สกิน มียอดผู้แทนจำหน่ายที่มียอดสั่งซื้อ (Active)จำนวนทั้งสิ้น กว่า 10,000 บัญชีรายชื่อ โดยสามารถสร้างผู้แทนจำหน่ายเข้าสู่ทำเนียบเศรษฐีเงินล้านได้เพิ่มขึ้น 10% โดยจำแนกเป็น ผู้แทนจำหน่ายที่มียอดคอมมิสชั่นสะสม 400 ล้านบาท คู่แรกของประเทศไทย 1 บัญชีรายชื่อ ผู้แทนจำหน่ายที่มียอดคอมมิสชั่นสะสม 200 ล้านบาท จำนวน 2 บัญชี ผู้แทนจำหน่ายที่มียอดคอมมิสชั่นสะสม 100 ล้านบาท จำนวน 1บัญชี ผู้แทนจำหน่ายที่มียอดคอมมิสชั่นสะสม 40 ล้านบาท จำนวน 11 บัญชี ผู้แทนจำหน่ายที่มียอดคอมมิสชั่นสะสม 20 ล้านบาท จำนวน 9 บัญชี ผู้แทนจำหน่ายที่มียอดคอมมิสชั่นสะสม 10 ล้านบาท จำนวน 23 บัญชี และผู้แทนจำหน่ายที่มียอดคอมมิสชั่นสะสม 1 ล้านบาท จำนวน 451 บัญชีรายชื่อ
อ้างอิง : นสพ.เส้นทางนักขาย ฉบับที่ 222 ปักษ์หลัง ประจำวันที่ 6-29 กุมภาพันธ์ 2555
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น