ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันอาทิตย์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2555

ข่าวกิฟฟารีน (Giffarine) : เป้า 10,000 ล้าน ยังห่างไกล เตรียมแผนเชิงรุก - ตั้งรับโครงสร้างอาเซียน (AEC)


กิฟฟารีน แจงยอดขายครึ่งปีโตแค่ 7% ต้นเหตุเพราะน้ำท่วมหนักปลายปีตรึงทุกอย่างชะงักงันแต่เป้าสิ้นปียังคาดหวังโตที่ 10% เช่นเดิม...ยืนกรานทำธุรกิจอย่าอิงฝันไกลเป้า 10,000 ล้าน.ยังอยู่ไกลเกินเอื้อม...เตรียมแผนการผลิตล่วงหน้าหากเจอน้ำท่วมอีกรอบอาจไม่สะดุดเฉกเช่นที่ผ่านมา

พญ.นลินี ไพบูลย์ ประธานกรรมการ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อ ถึงยอดขายในรอบครึ่งปีที่ผ่านมาและเป้าก่อนสิ้นปีว่า หลังจากที่โรงงานโดนน้ำท่วมมาอย่างหนัก เราก็พยายามที่จะทำโรงงานของเราให้สามารถรันได้เต็มที่ 100% เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2554 ที่ผ่านมา แต่ก็ต้องยอมรับว่าควันหลงที่มาหลังจากน้ำท่วม นั่นก็คือ ในช่วงของไตรมาสแรกของปีนี้ ยังมีสินค้าหลายรายการเหมือนกันที่เราขาด เพราะว่ามันหยุดพักการทำงานไปร่วม 1 เดือนครึ่ง ถึงแม้ว่าจะทำการผลิตที่ชั้น 2 ได้บ้าง แต่ว่าสินค้าชิ้นใหญ่ ๆ ก็ต้องทำการผลิตชั้นล่าง ซึ่งเป็นผลให้การผลิตสินค้านับตั้งแต่ เดือนมกราคม มีนาคม เรามีสินค้าประมาณ 80% ที่ขาดยังไม่สามารถดำเนินการได้ คงเหลือประมาณ 20% เริ่มแก้ปัญหาได้ภายในสิ้นปี 2554 ที่ผ่านมา

เมื่อเจอกับภาวะดังกล่าว บริษัทจึงเพิ่มกลยุทธ์ด้วยการแจก Gift Voucher ให้กับลูกค้ารายใหม่ ๆ นั่นก็หมายความว่า ให้นักธุรกิจของเราซื้อ Gift Voucher ไปเป็นของขวัญและนำมาแลกสินค้าได้ในไตรมาสแรก เพราะความฉุกละหุกในไตรมาสแรกยังมีอยู่ แต่ว่าทุกอย่างก็เข้าที่เข้าทางเป็นที่เรียบร้อย และในไตรมาสที่ 2 ค่าเฉลี่ยของผลประกอบการในเดือนที่แล้วกับเดือนนี้ ต้องบอกว่าดีมากเลย คือในเดือนกรกฎาคมและเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาแล้ว เอาตัวเลขครึ่งปีของปีที่แล้ว นำมาเทียบกับครึ่งปีของปีนี้ โดยตัวเลขที่ออกมาโตกว่าของปีที่แล้วโตถึง 13% แต่อาจจะมีช่วงชะงักในไตรมาสแรกอย่างที่กล่าวให้ทราบในเบื้องต้น ก็เลยทำให้ผลประกอบการของ กิฟฟารีน โดยรวมครึ่งปีโตประมาณ 7%

แต่ในส่วนครึ่งปีหลังนี้ คิดว่าเราจะน่าเร่งให้ทันก่อนสิ้นปีนี้ โดยจะพยายามโตให้ได้ 10% ของยอดขาย เมื่อเทียบปีที่แล้ว ดังนั้น กิจกรรมที่อัดลงในกลยุทธ์ครึ่งปีหลังก็จะคึกคัก เพราะคิดว่าน้ำไม่น่าจะท่วม หรือว่าถ้าท่วมก็คงจะไม่มากนัก ซึ่งกิจกรรมที่เราเตรียมใน 2 รอบเดือนที่ผ่านมา (มิถุนายน - กรกฎาคม) จะเป็นภาพยนตร์โฆษณา อะบาโลน คอลลาเจน ซึ่งในขณะนี้ทำยอดขายไปได้ 12 ล้านขวดแล้ว ภายใต้ภาพยนตร์โฆษณาชุด อะบาโลน ซิตี้ ที่ถือได้ว่าเป็นสินค้าที่ได้รับการตอบรับจากสมาชิกเป็นอย่างดี ผู้บริโภคที่ดูแล้วจะชอบเพลงประกอบ เพราะเรื่องราวจะถูกเซ็ตให้ดูสวยงามสดใส กับเรื่องของ 2 สาวที่พูดคุยกัน เราก็ทำเนื้อหามาจากนักธุรกิจที่มาเล่าให้ฟังมาผลิต โดยนำข้อมูลคนที่ชื่นชอบดื่มเมื่อทานไปแล้วเค้าชอบพูดอะไรกันบ้าง

จากนั้น กิฟฟารีน ตอกย้ำความสำเร็จรุกตลาดครึ่งปีหลัง ด้วยการเปิดตัวโฆษณาผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ กิฟฟารีน กลูต้า เคอร์คิวมา ซี-อี ภายใต้คอนเซ็ปต์ เลิฟ ซีน ที่เจาะกลุ่มตลาดวัยรุ่นสมัยใหม่ ที่สนใจความสวยความงาม ขาว ใส พร้อมสุขภาพดี ส่วนผลิตภัณฑ์อีกตัวหนึ่งที่เห็นในโฆษณาตามป้ายที่จำหน่ายได้ 10 ล้านขวด ก็เป็นผลิตภัณฑ์ที่ขายดีอย่างต่อเนื่อง ทำให้ กิฟฟารีน นำมาพัฒนาเป็นเครื่องสำอางด้วย ฉะนั้น ผลิตภัณฑ์ อะบาโลน คอลลาเจน ก็จะมาอยู่ในหมวดของเครื่องสำอางด้วย เพราะว่าโรงงานของเราจะทำการผลิตและออกวางจำหน่ายใน วันที่ 15 กันยายน 2555 ก้าวไปพร้อม ๆ กับการจัดงานครบรอบ 16 ปีครึ่ง

ส่วนผลิตภัณฑ์ กลูต้า เคอร์คิวมา ซี-อี เป็นผลิตภัณฑ์ที่เริ่มจำหน่ายมาตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา และในบรรดาสินค้าที่ออกมาใหม่ทั้งหมด กลูต้า เคอร์คิวมา ซี-อี ก็เป็นสินค้าที่มียอดขายมากที่สุด นับตั้งแต่วางจำหน่ายเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องในทุก ๆ เดือน และผลตอบรับจากผู้บริโภคก็ได้รับความถึงพอใจเป็นอย่างดี เดิมทีเรามีสินค้าตัวเดิมของเราอยู่แล้ว นั่นก็คือ กลูต้าไธโอนหรือผลิตภัณฑ์แอคทีไวท์ ที่มาในรูปของเม็ด แต่วันนี้ออกมาในฟอร์มของเครื่องดื่ม ภายใต้ชื่อ ออกซิไดท์ กลูต้าไธโอน ที่ไม่มีกลิ่น เพราะว่ากลูต้าไธโอนที่มีขายอยู่ในท้องตลาดทั่วไปจะมีกลิ่น เพราะตอนที่พัฒนาสูตรยังไม่ดีนัก ถ้ารับประทานเข้าไปแล้วจะรู้สึกว่า มีกลิ่นคล้าย ๆ สารซัลเฟอร์ หรือที่ชาวบ้านเค้าเรียกว่า แก๊สไข่เน่า ก็จะทำให้ทานยากนิดนึง

โดยผลิตภัณฑ์ กลูต้า เคอร์คิวมา ซี-อี เป็นการออกซิไดท์ที่คิดค้นมาจากการวิจัยของชาวญี่ปุ่น ซึ่งสามารถที่จะพัฒนาโครงสร้างหลักของกลูต้าไธโอนแล้วแยกตัวซัลเฟอร์ออกได้สำเร็จ โดยยังคงประสิทธิภาพของกลูต้าไธโอนอย่างครบถ้วน อีกอย่างหนึ่งที่เราได้เติมเต็มตามที่ อย.กำหนดไม่เกิน 250 มิลลิกรัม ฉะนั้น นักธุรกิจกิจของเราจึงสามารถขยายงานด้วยสินค้า กลูต้า เคอร์คิวมา ซี-อี ร่วมกับผลิตภัณฑ์แอคทีไวท์ที่เป็นโปรดักส์เดิมที่เป็นเม็ดอยู่แล้วได้ ต้องเรียกว่าเค้าชอบกันมาก และก็มีความสุขในการขยายงานในช่วงนี้

จึงเป็นที่มาของการพัฒนาโฆษณาชิ้นนี้ เพราะโฆษณาชิ้นนี้เราต้องการที่จะสื่อให้คนดูหรือผู้ชมเข้าใจว่า กลูต้าไธโอน จะช่วยให้ผิวกระจ่างใสได้อย่างไร ในการนำเสนอก็ต้องมีวิธีการที่จะทำให้เรื่องราวสนุกสนาน สิ่งที่สะท้อนความในใจของผู้หญิงทุกคน ซึ่งผู้หญิงทุกคนก็อยากที่จะผิวพรรณดี ผู้หญิงที่อายุประมาณนี้แล้วก็อยากจะได้แฟนที่มีทุกอย่างเหมือนกับพระเอกในโฆษณา เพราะฉะนั้นสิ่งที่ทำให้นางเอกของเราชนะใจพระเอกได้ ก็คือ การดูแลตัวเองให้ดีขึ้นนั่นเอง ซึ่งการดูแลตัวเองให้ดีขึ้น ก็เป็นผลมาจากการทาน กลูต้า เคอร์คิวมา ซี-อี ซึ่งเป็นภาพยนตร์ตัวแรกที่เรานำเสนอมีชื่อว่า เลิฟ ซีน ความรักที่ถูกมองเห็น ส่วนโฆษณาตัวที่ 2 นางเอกที่ชื่อลูกแก้วความยาว 0.15 วินาที ก็จะเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เราใช้ระยะเวลาในการออนแอร์ 2 เดือน คิดว่าน่าจะได้รับการตอบรับที่ดีอีกเช่นเดียวกัน

นายพงษ์พสุ อุณาพรหม ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารการตลาด กิฟฟารีน กล่าวเสริมต่อว่า สินค้าที่เรามี 2 ตัว นั่นก็คือ อะบาโลน คอลลาเจน และ กลูต้าไธโอน จะแยกออกเป็นคนละตัวกัน เพราะอะบาโลนจะเป็นการสกัดคอลลาเจนจากหอยเป๋าฮื้อ หลักการก็คือจะช่วยเพิ่มคอลลาเจนในร่างกาย โดยโครงสร้างโมเลกุลจะคล้าย ๆ กับโครงสร้างโมเลกุลจริง ๆ ในร่างกาย เพราะการทำอะบาโลนคอลลาเจนไม่ผ่านความร้อนแต่จะสกัดเย็นที่ 4 องศา

ส่วน กลูต้าไธโอน การพัฒนาสูตรในยุคแรก ๆ มุ่งหวังจะเอามาเพื่อดูแลตับ บังเอิญค้นพบเพิ่มเติมว่า คนไข้ที่ได้รับกลูต้าไธโอน นอกจากการทำงานของตับดีขึ้นแล้วยังมีผิวพรรณที่กระจ่างใสขึ้นมาด้วย นับว่าเป็นผลพลอยได้ จึงมีการนำมาใช้กันเยอะแยะมากมาย ซึ่งบางประเทศก็อาจถึงขั้นฉีดเข้าผิวหนังกันเลย แต่การที่ฉีดกลูต้าไธโอนค่อนข้างที่จะอันตราย เพราะมีรายงานว่าคนที่แพ้มาก ๆ อาจจะมีอาการไตวายเกิดขึ้นได้ ซึ่งทาง อย.ไทยจึงไม่ยอมให้มีการฉีดกันเกิดขึ้น จะอนุญาตเฉพาะการรับประทานเท่านั้น และเมื่อไม่นานมานี้อาจารย์ทางคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็ได้ทำการวิจัยเรื่องการทานกลูต้าไธโอนวันละ 500 มิลลิกรัม ตอนเช้า 250 มิลลิกรัม เย็น 250 มิลลิกรัม แต่ไม่ได้บอกว่าทานยี่ห้อไหน ผลออกมาว่าเมื่อทานกลูต้าไธโอนเป็นชนิดเม็ดไปแล้ว ผู้ที่เป็นอาสาสมัครนักศึกษานิสิตแพทย์ทั้งหมดของจุฬาฯ จำนวน 60 คน ทำแบบ double line study จะแบ่งเป็นกลุ่มแรก 30 คน กลุ่มที่สอง 30 คน นักศึกษานิสิตแพทย์ทั้งหมด ก็ไม่รู้ว่ากำลังรับประทานกลูต้าไธโอนหรือไม่รู้ว่ากำลังรับประทานแค่เบส ก็มาวัดสีผิวหลังจากที่ผ่านการทดลองไปแล้ว 4 อาทิตย์ก็พบว่า คนที่รับประทานกลูต้าไธโอนมีความขาวขึ้นอย่างมีนัยสัมพันธ์กัน คุณหมอเองจึงส่งรายละเอียดงานตีพิมพ์ไปให้น้อง ๆ ตามหลัง แต่ก็ไม่ได้เป็นการวิจัยเกี่ยวกับ กิฟฟารีน อาจารย์วิจัยเพื่อประโยชน์ทางวิชาการอย่างแท้จริง ตอนนี้เราจึงเน้นเรื่องโฆษณาที่นักธุรกิจและผู้บริโภคชื่นชอบ ก็จะเริ่มออกอากาศ 15 กันยายนนี้ เป็นต้นไป เพราะเรามีผลิตภัณฑ์ที่เด่นมาก ๆ และคาดว่าจะเป็นดาวดวงเด่นของ กิฟฟารีน และจะมีการผลิตไลน์สินค้าเพิ่มตามมาอีกอย่างน้อย 2 - 3 รายการ

ส่วนความเคลื่อนไหวในตลาดอาเซียน วันที่ 18 สิงหาคม ที่ผ่านมา ได้เปิดศูนย์ที่ประเทศลาว เป็นการลงทุนเอง 100% ส่วนที่กัมพูชา มาเลเซีย และพม่า จะเข้าไปในรูปแบบของไลเซ่น โดยลาวเป็นที่แรกที่มีการลงทุน 100% ที่พม่าก็เป็นการลงทุน 70 ต่อ 30 มาเลยเซีย ก็ยังไม่รับอนุญาต ซึ่งมองว่าหากจะต้องลงทุน ก็อาจจะมีการขัดแย้งกัน เพราะหากประเทศไหนที่ไม่อนุญาตให้เราลงทุนได้ 100% ก็จะให้นักธุรกิจที่นั่นลงทุนเองดีกว่า โดยยอดขายในอาเซียนกวาดรายได้ปีละประมาณ 200- 300 ล้านบาท ซึ่งนักธุรกิจที่มาซื้อธุรกิจของเราไปบริหารจัดการภายใต้นโยบายของ กิฟฟารีน และปลายปีนี้หรือต้นปีหน้าจะเปิดสาขาที่ประเทศอินโดนีเซียเป็นประเทศถัดไป แต่จะเป็นลักษณะของไลเซ่นเช่นเดียวกัน ก็จะเป็นการดำเนินธุรกิจแบบมัลติเลเวล มาร์เก็ตติ้ง สำหรับทวีปอื่น คุณหมอใจทิพย์ จะเป็นผู้ดูแลในนามแบรนด์ แพทรีน่า และผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นของ แพทรีน่า นั่นคือ ในเรื่องของสปาที่ส่งไปขายในหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก

หากจะพูดถึงการเปิดเสรีประชาคมอาเซียน ก็มองว่าหลาย ๆ ประเทศในอาเซียน ยังงงอยู่ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่คาดหวังไว้ มันต้องผ่านกระบวนการเรียนรู้ วัฒนธรรม กฎหมาย และก็ความคิดเห็นของผู้นำในประเทศนั้น ๆ และจะมีข้อจำกัดในสินค้าบางกลุ่มด้วย แต่ว่าผลิตภัณฑ์ในส่วนของเครื่องสำอางหรืออาหารเสริม ยังไม่มีการนำมาพูดอย่างชัดเจน เพราะทุกประเทศต่างก็จะมีกำแพงภาษีมาขวางกั้น พอลงลึกในภาคปฏิบัติอย่างจริง ๆ จัง ๆ การเปิดเสรีประชาคมอาเซียนจึงไม่ง่ายอย่างที่คิดกันไว้ สำหรับเป้ายอดขายของตัวสินค้า อะบาโลน คอลลาเจน ก็อยู่ประมาณ 5 - 10% ยอดขายก็น่าจะอยู่ที่ประมาณ 100 ล้านบาท ส่วนผลตอบรับของการเปิดช่อง กิฟฟารีน ชาแนล ผู้แทนจำหน่ายมียอดขายเติบโตขึ้นมาก สมาชิกเติบโตขึ้นมาก และสามารถดึงนักธุรกิจจากที่เคยเป็นแค่ฐานผู้บริโภคหันมาสนใจทำธุรกิจ กิฟฟารีน มากขึ้น เพราะคนที่อยู่ห่างไกลสามารถรับรู้ข่าวสารของ กิฟฟารีน มากขึ้น ปัจจุบันเมมเบอร์ทั้งหมดจึงอยู่ที่ 6.2 ล้านรหัส แต่ที่เป็นนักธุรกิจจริง ๆ ประมาณ 3 - 5 แสนรหัส ที่รับรายได้จาก กิฟฟารีน

พญ.นลินี กล่าวเสริมอีกว่า ส่วนการปรับแผนรับมือน้ำท่วมในปีนี้ ทางนิคมอุตสาหกรรมนวนคร ก็ทำเขื่อนรอบ ๆ นิคม ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีได้ไปชมการทดสอบประสิทธิภาพของเขื่อนกั้นน้ำ ส่วนโรงงาน กิฟฟารีน ก็ทำรั้วสูง 3 เมตร โดยตอกเสาเข็มลึกไปอีก 7 เมตร ก็ทำฝังชิพไปโดยรอบ ซึ่งเราก็สร้างฐานมั่นคงกว่าเดิมมาก ส่วนเรื่องกำลังการผลิตตอนนี้มีแผนรองรับไว้ทั้งหมด ซึ่งมีการวางแผนตั้งแต่ต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา สำหรับสินค้าที่วางจำหน่ายในเดือนสิงหาคม ตุลาคม ขณะนี้ผลิตเสร็จหมดแล้ว และไปเช่าโกดังเก็บสินค้าไว้ที่บ้านฉาง หากเกิดภาวะฉุกเฉินในเดือนตุลาคม ก็มีสินค้ารองรับไว้แล้วในระหว่างที่น้ำไม่ท่วม ก็ทำไปล่วงหน้าไปถึงเดือนพฤศจิกายน - ธันวาคม

ดังนั้น แผนงานในตอนนี้จึงเน้นเรื่องของการสร้างบรรยากาศภายในทีมงานมากที่สุด จึงได้ผลิตหลักสูตรการเทรนนิ่งผ่านช่อง Giffarine channel เพราะว่าทุกอย่างมันอยู่ที่ความคิด อยู่ที่วิธีของคนที่เป็นผู้นำ วิธีคิดที่เป็นบวกสามารถจะชนะอุปสรรคและความท้อถอย ฉะนั้น ในเดือนกันยายนจะมีโปรดักส์ใหม่เข้ามาเสริม ซึ่งต้องยอมรับด้วยว่า 16 ปีครึ่งที่ผ่านมานักธุรกิจของเรามีการส่งมอบรุ่นสู่รุ่นแล้ว โดยเฉพาะผู้นำที่อยู่กับเราตอนที่เปิดบริษัทลูกจะมีอายุแค่ 10 ขวบ ตอนนี้ลูกมีอายุปาเข้าไป 26 ปีแล้ว วันนี้รุ่นคุณพ่อ - คุณแม่ก็ส่งไม้ต่อให้ลูก ๆ กลับมาทำงานอย่างแท้จริง เพราะฉะนั้นเราก็ต้องเรียนรู้จากพวกเขา ซึ่งถือว่าเป็นคนรุ่นใหม่

ส่วนเรื่องของการเปิดตลาดอาเซียน หมอก็อยากแนะนำให้กับผู้ประกอบการว่า ต้องเรียนรู้ธุรกิจด้วยตัวเอง ที่สำคัญต้องสร้างแบรนด์ในประเทศไทยให้แข็งแรงก่อน ขณะเดียวกันก็ไปศึกษาในประเทศที่สนใจ คือต้องตอบตัวเองก่อนว่า เมื่ออาเซียนเปิด เราจะอยู่ในฐานะตั้งรับหรือว่าเป็นผู้รุก ถ้าคิดว่าเราจะตั้งรับไม่ไปไหนแต่จะทำเฉพาะที่เมืองไทย เราก็ต้องรู้ว่าธุรกิจที่คล้ายคลึงกับเราหรือสินค้าที่คล้ายคลึงกับที่ไหลเข้ามา เราพอที่จะสู้เขาได้บ้างหรือไม่ และจะตั้งรับอย่างไร วางแผนเชิงรุกอย่างไร หากจะขยายธุรกิจไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ต้องศึกษาทั้งวัฒนธรรม ศึกษาเรื่องกฎหมาย ข้อดีข้อเสียให้พร้อมก่อน ถึงจะดำเนินการต่อไป

พญ.นลินี กล่าวทิ้งท้ายกับเป้าในปีนี้ว่า โดยสรุปในครึ่งปีแรกยอดขายโตเพียง 7% สิ้นปีจึงตั้งเป้าจะกวาดยอดขายกว่า 6,000 ล้านบาท ส่วนจะก้าวสู่ 10,000 ล้านบาท เมื่อไหร่นั้น ยังไม่ตั้งเป้า 10,000 ล้านบาท เหตุผลเพราะในประเทศไทย อย่าไปตั้งเป้าเยอะถึงขนาดนั้น เนื่องจากยังเหลือเวลาอีกหลายปี ก็ต้องดูสถานการณ์หรือว่าความเป็นไปมากกว่า เพราะถ้าจะก้าวกระโดดขนาดนั้น ต้องดูหลายอย่างเป็นองค์ประกอบที่มาเป็นตัวแปร โดยสรุปอีกหลายปีถึงจะก้าวเดินไปถึง ณ จุดนั้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น