ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันพุธที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2555

ข่าวขายตรงโลก (MLM World) : ขายตรงมะกันเจอศึกหนักค้าปลีก-ช้อปออนไลน์ คาดปีนี้โตไม่ถึง 1% / 5 ปีไซส์เล็กไม่รอดปิดตัวเพียบ

ไอบีไอเอสเวิลด์:IBISWorld บริษัทวิจัยอุตสาหกรรมขายตรงชั้นนำของสหรัฐอเมริกาเปิดรายงานฉบับล่าสุดที่เพิ่งจัดทำเสร็จเมื่อกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาเกี่ยวกับทิศทางบริษัทขายตรงในตลาดสหรัฐฯ ระบุแม้จะมีการคาดการณ์ด้านบวกจากหลายสำนักว่าธุรกิจขายตรงยังคงขยายตัวได้เนื่องจากเศรษฐกิจและการใช้จ่ายของผู้บริโภคเริ่มฟื้นตัวก็ตาม แต่ต้องเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบากเนื่องจากการแข่งขันรุนแรงจากฝั่นค้าปลีกออนไลน์และห้างสรรพสินค้าที่จะแย่งลูกค้าไปมาก เพราะผู้บริโภคเองต้องการซื้อสินค้าราคาถูกและเน้นความสะดวกเป็นที่ตั้ง จะเห็นการดิ้นรนของบริษัทขายตรงมุ่งจัดระบบนักขายเพื่อลดต้นทุนทั้งนี้ทั้งนั้นเพื่อความอยู่รอดและรักษาตำแหน่งทางการแข่งขัน




ปัจจัยลบต่างๆ ที่รุมเร้ามาตลอด ทั้งผู้บริโภคชะลอการใช้จ่ายอันเป็นผล สืบเนื่องมาจากวิกฤตเศรษฐกิจส่งผลกระ ทบต่อธุรกิจขายตรงของสหรัฐฯตลอด 5 ปี นับจากปี 2550 มาถึงปี 2555 กอปรกับ อัตราว่างงานที่ยังคงเพิ่มขึ้น ความมั่นใจ ของผู้บริโภคที่ลดลงไปมากรวมไปถึงราย ได้ที่ถูกหั่นลงทำให้ครัวเรือนต่างๆ ต้อง เพิ่มความรอบคอบในการใช้จ่ายเงินต้อง ใช้ดุลพินิจมากขึ้นในการซื้อสินค้าต่างๆ รวมถึงสินค้าขายตรง

คาดปีนี้ขายตรงมะกันโตแค่ 0.7% / 5 ปีย้อนหลังขายตรงน้องใหม่เกิดเพียบ
มิหนำซํ้าการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจาก ธุรกิจค้าปลีกทั้งห้างสรรพสินค้าและการ ซื้อขายผ่านออนไลน์ยิ่งกดดันธุรกิจขาย ตรงอาจจะต้องปรับราคาสินค้าลงเพื่อ รักษาส่วนแบ่งตลาดและยอดขาย ด้วย สถานการณ์ที่ยํ่าแย่จะส่งผลกระทบต่อ ผลประกอบการของบริษัทขายตรงคาด ว่ายอดขายในแต่ละปีจะลดลงเฉลี่ย 1.8% ตลอด 5 ปีถึงปี 2555 นี้ อย่างไรก็ดี ข่าวดีจากเศรษฐกิจ เริ่มฟื้นตัวเมื่อเร็วๆนี้จะช่วยบรรเทาวิกฤต บริษัทขายตรงได้ โดยไอบีไอเอสเวิลด์ ประเมินปีนี้อุตสาหกรรมขายตรงของ สหรัฐฯอเมริกายังคงเติบโตได้แต่ยอด ขายจะเพิ่มขึ้นไม่มากเพียง 0.7% เท่านั้น หรือคิดเป็นมูลค่า 38,500 ล้านดอลลาร์ สหรัฐ (1 ดอลลาร์สหรัฐประมาณ 31 บาท)

แม้ตลอด 5 ปีนี้ธุรกิจขายตรง มียอดขายลดลงก็ตาม แต่ท่ามกลาง ข่าวร้ายยังมีข่าวดี วิกฤตเศษฐกิจทำให้ ประชาชนหันมาให้ความสนใจขายตรง มากขึ้น ด้วยจุดเด่นของธุรกิจโดยเฉพาะ เงินทุนเริ่มต้นตํ่ามากเทียบกับการทำ ธุรกิจอื่นทำให้คนส่วนใหญ่ที่ตกงานหรือ งานประจำถูกลดทอนรายได้ลงมองหา แหล่งสร้างรายได้ใหม่ๆ ทดแทน ซึ่งธุรกิจ ขายตรงตอบโจทย์ความต้องการของพวก เขาได้มากที่สุด

ตลอด 5 ปีค่าจ้างงานเฉลี่ยของคน ขายตรงลดลงปีละ 1.9% จาก 6,959.9 ดอลลาร์สหรัฐต่อหัวในปี 2550 เหลือ ประมาณ 6,323 ดอลลาร์สหรัฐต่อหัวใน ปี 2555 เป็นอัตราที่ตํ่าซึ่งอุตสาหกรรม กำลังพิจารณาเรื่องนี้อาจจะต้องมีการ ทบทวน สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ค่าแรงตํ่า เพราะขนาดของบริษัทมีไซส์ที่แตกต่างกันมาก ผู้เล่นรายใหญ่สุดในปีนี้คืออัลติ คอร์ อิงค์ ขณะที่ผู้ประกอบการจำนวน มากในอุตสาหกรรมเป็นบริษัทขนาดเล็ก เจ้าของธุรกิจเอสเอ็มอี

อย่างไรก็ดี พบว่าตลอด 5 ปีนี้มี ผู้เล่นรายใหม่เกิดขึ้นในวงการขายตรง มากหน้าหลายตาเพราะด้วยรูปแบบของ ธุรกิจขายตรงที่ใช้เงินทุนในการเริ่มธุรกิจ ตํ่า เมื่อเกิดวิกฤตเศรษฐกิจองค์กรธุรกิจ ต่างๆ ปลดพนักงานออกเป็นว่าเล่นคน จำนวนมากที่ตกงานต่างหันมาทำขาย ตรงเพื่อหารายได้ชดเชย พบว่าในช่วง เวลาดังกล่าวมีบริษัทขายตรงเปิดใหม่ และมีเจ้าของธุรกิจหน้าใหม่เกิดขึ้นมาก ตัวเลขเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 3.6% และ 3.2% ตามลำดับ

อนาคตไซส์เล็กปิดตัวเยอะตลาดแข่งดุค่ายใหญ่สบช่อง เศรษฐกิจฟื้น ผู้บริโภคมั่นใจ
ไอบีไอเอสเวิลด์ระบุ ด้วยจำนวน ผู้เล่นที่เพิ่มขึ้นทำให้การแข่งขันมากขึ้น ตามไปด้วย บริษัทขนาดเล็กส่วนใหญ่ ประสบความยากลำบากในการทำตลาด รายได้เฉลี่ยในแต่ละปีลดลง เชื่อว่า ภายใน 5 ปีข้างหน้าตั้งแต่ปี 2555-2560 บริษัทที่มีผลประกอบการยํ่าแย่จะทยอย ปิดกิจการไปในที่สุด ทำให้จำนวนบริษัท ขายตรงลดลงไปมากเพราะฉะนั้นค่าจ้าง งานคนขายตรงน่าจะขยับขึ้น คู่แข่งในธุรกิจ เดียวกันลดลง ยอดขายน่าจะเพิ่มขึ้น

ยิ่งกว่านั้น ปัจจัยบวกจากความ มั่นใจของผู้บริโภคที่ฟื้นกลับมาหลังจาก เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว รายได้ของประชาชน ที่กระเตื้องขึ้นโดยคาดว่าการใช้จ่ายของผู้ บริโภคจะเพิ่มขึ้นใน 5 ปีข้างหน้านี้เชื่อว่า ครัวเรือนต่างๆ จะเพิ่มการจับจ่ายใช้สอย ซื้อผลิตภัณฑ์ขายตรงมากขึ้นหลังจากอั้น มาในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจจะส่งเสริมการ ขยายตัวของธุรกิจขายตรงในปีนี้และปี หน้า

ชี้ขายตรงเจอตอค้าปลีก-ช้อปปิ้งออนไลน์คาด 5 ปีข้างหน้าขายตรงโต ถดถอย
แต่การขยายตัวของธุรกิจขายตรง อาจจะสะดุดไปบ้างจากการเติบโตอย่าง รวดเร็วของอุตสาหกรรมอี-คอมเมิร์ชหรือ ช้อปปิ้งผ่านออนไลน์ที่จะฉกฉวยลูกค้า จำนวนหนึ่งไปจากธุรกิจขายตรงได้ โดย ไอบีไอเอสเวิลด์ประมาณการณ์ยอดขาย ธุรกิจขายตรงน่าจะลดลงในระยะ 5 ปีข้างหน้านี้

แม้สหรัฐฯจะเจอวิกฤตเศรษฐกิจ ธุรกิจต่างๆ มีผลงานยํ่าแย่ แต่ปี่ที่ผ่าน มาอุตสาหกรรมขายตรงยังคงเติบโต ได้ และครองอันดับหนึ่งในตลาดโลก อยู่ โดยสมาคมการขายตรงประเทศ สหรัฐอเมริกา(The United StatesDirect Selling Association:DSA) เปิดเผย ว่า ในปี 2554 ขายตรงภายในประเทศ เติบโต 4.6% ยอดขาย 29,870 ล้าน ดอลลาร์สหรัฐ เทียบกับปี 2553 ที่มียอด ขาย 28,560 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จำนวนนักขาย 15.6 ล้านคน

สมาคมขายตรงสหรัฐฯ ยาหอมปี 2554 โตเหนือจีดีพี สหรัฐฯ แกร่งยึดแชมป์โลกเหนียวแน่น
โจเซฟ มาเรียโน นายกสมาคม การขายตรงสหรัฐฯกล่าวว่า เทียบอัตรา การเติบโตระหว่างขายตรงกับจีดีพีของ สหรัฐฯ ขายตรงมีอัตราเติบโตเร็วกว่า จีดีพีซึ่งขยายตัวเพียง 3.9% ถึง 0.7% โดยบริษัทขายตรงเกือบครึ่งมีอัตรา เติบโตเพิ่มขึ้น อีกส่วนหนึ่งทรงตัวและมี ประมาณ 14% เท่านั้นที่มีอัตราเติบโตลดลง สว่ นกลมุ่ บรษิ ทั ขนาดเลก็ ทีม่ ยี อดขาย ตํ่ากว่า 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีพบว่ามี ถึง 66.7% ที่เติบโตเพิ่มขึ้น ยอดขายขยาย ตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 30%

แม้บรรยากาศด้านเศรษฐกิจ จะอึมครึม แต่ธุรกิจขายตรงยังคง ฉายแสง เป็นแหล่งสร้างรายได้ให้ กับประชาชนและที่ปรึกษาอิสระทั่ว ประเทศ อย่างขายตรงขนาดเล็กการ เติบโตท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจแสดง ถึงความมหัศจรรย์ ปีที่ผ่านมาเป็น ปีแห่งการฉลองความสำเร็จของนักธุรกิจใหม่ๆ โดยเฉพาะบริษัทขายตรง ไซส์เล็ก

ข้อมูลสมาพันธ์สมาคมการขาย ตรงโลก (World Federation of Direct Selling Association:WFDSA) ที่รวบ ผลงานตลาดขายตรงทั่วโลกในปี 2554 สหรัฐฯยังคงครองอันดับหนึ่งด้วยส่วน แบ่งตลาด 20% อันดับสองญี่ปุ่น ยอด ขาย 23,857 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 5.25% ส่วนแบ่งตลาด 16% อันดับสาม จีน ยอดขาย 16,254 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 29.81% ส่วนแบ่งตลาด 11% อันดับสี่เกาหลีใต้ ยอดขาย 12,935 ล้าน ดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นถึง 45.63% ส่วน แบ่งตลาด 8% และอันดับห้าบราซิล ยอด ขาย 11,972 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 10.57% ส่วนแบ่งตลาด 8%

ผลิตภัณฑ์ที่ครองมาร์เก็ตแชร์ มากที่สุดคือลดนํ้าหนัก วิตามินต่างๆ มาร์เก็ตแชร์ 24.1% รองลงมาคือ ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับครัวเรือน มีมาร์เก็ต แชร์ 22.6% กลุ่มผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับ บริการ อาทิ ท่องเที่ยว อสังหาริมทรัพย์ การเงิน เป็นต้น ส่วนแบ่งตลาด 20.7% เพอร์ซันนัล แคร์ 18.2% ผลิตภัณฑ์เกี่ยว กับเสื้อผ้า เครื่องประดับ มีส่วนแบ่งตลาด 12.3% และกลุ่มเกี่ยวกับงานอดิเรกและ การศึกษามีส่วนแบ่งตลาด 2.1%


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: นสพ.ธุรกิจเครือข่าย ฉบับที่ 235วันที่ 1- 15 กันยายน พ.ศ. 2555

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น