ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันอาทิตย์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2555

ขายตรงน้องใหม่ : ผู้นำคิดเอง - ทำเอง "นิวบิลเลี่ยน (Newbillion)" หนีละครน้ำเน่าขายตรง - คนอกหักพักบ้านนี้


วงการขายตรงเปิดไพ่ใบใหม่เล่นอีกครั้งเมื่อกลุ่มผู้นำมือเก๋าดรีมทีม - จับกลุ่มเปิดบริษัทในฝันหนีนักลงทุนนักธุรกิจที่บริหารไม่เข้าเป้าล่าสมาชิกเบื่อเซ็งย้ายบ่อยหันซบไออุ่น นิวบิลเลี่ยน

ที่พำนักรักษาแผลชูนโยบายคนอกหักพักบ้านนี้ยืนภายใต้คอนเซ็ปต์แม่ทีมรีครูทบริษัทอบรมก่อนปล่อยลงสู่สนามช่วยออมแรง...ติดตามกลเกมในฝันการบริหารสไตล์ธรรมชาติ...พร้อมกลุ่มผู้นำร่วมอีก 20 ท่านเอาอยู่...หรือไม่ !!


จากคำถามหลาย ๆ คำถาม จากเหตุผลหลาย ๆ เหตุผล ว่า ทำไม.. ผู้นำหรือแม่ทีม ที่ผู้คนในวงการให้การยอมรับ ว่า เป็นนักขายระดับชั้นแนวหน้าที่มีฝีมือ แต่ยังเลือกที่จะย้ายค่าย หรือเลือกสร้างบ้านหลังใหม่ด้วยตัวเอง มากกว่าสังกัดอยู่ที่เดิม...แต่ก็ต้องมีคำถามต่อว่า พวกเขาพร้อมแล้วหรือ แข็งแรงพอแล้วหรือ ที่จะสร้างรังใหม่และตัดสินโชคชะตาของธุรกิจขายตรงด้วยตัวของพวกเขาเอง ที่สำคัญผู้นำยังถูกวิพากษ์วิจารณ์ต่าง ๆ นานา ถึงการลาออกในแต่ละครั้ง
...บางกลุ่ม ถูกกล่าวหา ว่า เป็นเพราะพวกเขาอยากรวยกว่านี้
...บางคนก็ถูกกล่าวหา ว่า ดังแล้วลืมตัวบ้าง จนไม่เป็นบ้าง เลยหาที่ใหม่สนองความรวย
เหตุผลสารพัดสารเพที่ประเดประดังเข้าไปหากลุ่มผู้นำที่ย้ายค่าย โดยหารู้ไม่ว่า ลึก ๆ แล้วพวกเขาไม่อยากย้ายแต่อย่างใด เพราะรังแต่จะได้รับความเสียหายมากกว่าผลดี ดังนั้น สิ่งที่กล่าวมาข้างต้น อาจไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องเสมอไป...ซึ่งยังมีสิ่งซ่อนเร้นอยู่หลายประเด็นด้วยกันที่ผู้นำโดนทิ้ง นั่นก็คือ


บริษัทรวยแล้วชิงปิดกิจการ ปล่อยผู้นำลอยแพ...หมดประโยชน์ ก็บีบให้ออก เพราะเสียดายเม็ดเงินที่คอยหล่อเลี้ยงอุ้มชู...ผู้นำได้รับการยอมรับและมีบทบาทสูงกว่าผู้บริหาร ก็กลายเป็นภัยร้ายย่างกรายเข้ามาโดยไม่ตั้งใจ...


ผู้นำหลายคน หลายค่าย จึงมีทางเลือกไม่มากนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการย้ายไปอยู่รังใหม่ ก็เสมือนการไปเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ สร้างศรัทธาใหม่ เพราะสมาชิกไม่ได้ติดตามตัวไปทุกหนทุกแห่ง ก็ต้องเหน็ดเหนื่อยไม่รู้จะอีกสักกี่ครั้ง


ต่อกี่ครั้ง...จนเปรียบชีวิตผู้นำคล้าย ๆ กับ เทวดาตกดิน ใช้ชีวิตดีไม่เท่าไหร่ ก็ต้องกลับมาจมปรักอยู่ที่เดิมอีกครั้ง ปัญหาเหล่านี้ได้วนไปเวียนมา กับกลุ่มผู้นำระดับแถวหน้า จนบางคนถึงกับเอือมระอา ถอนตัวลาขาดจากวงการขายตรงไปก็มี แต่บางคนก็เลือกที่จะหันหน้ามาจับมือร่วมกัน เพื่อสร้างความฝัน สร้างสิ่งดี ๆ ให้กับคนที่เคยบาดเจ็บ หันมารักษาแผลใจร่วมกัน ณ ที่แห่งนี้ นิวบิลเลี่ยน จึงกลายเป็น บ้านพักคนอกหักจากขายตรง มายืนหยัดต่อสู้ร่วมกัน โดยไม่จำเป็นต้องมาพึ่งพิงนักลงทุน นักธุรกิจ ให้เสียใจและเสียเวลาอีกต่อไป


หนทางการแจ้งเกิด ภายใต้ บริษัท นิวบิลเลี่ยน จำกัด จากคำบอกเล่าของ อ.สยาม นนทะเสน ในฐานะประธานกรรมการ ผ่านรายการ ตลาดวิเคราะห์ จึงมีใจความที่น่าสนใจ และได้เกริ่นออกมาอย่างต่อเนื่อง ว่า ผมเดินมาหลายที่ จนวันนี้อายุเยอะขึ้นแล้ว ก็ไม่อยากขยับ ซึ่งถ้าจะขยับก็อยากมาใกล้ชิดพี่ ๆ น้อง ๆ ที่อยู่ร่วมกับเรา ถ้าจะมาก็มา แต่ถ้าจะถอยคงไม่ใช่เรา เพราะว่าเรายังผ่อนรถผ่อนบ้านอยู่ ก็ต้องสู้ต่อไป


จึงมีแนวคิดร่วมกันว่า ที่คลองหก รังสิต-นครนายก จะเป็นสถานที่รวมพลพี่น้องที่อกหักจากขายตรงมาจากสารพัดสาเหตุ ให้หันมาทำงานร่วมกัน ซึ่งกว่าจะมาเป็น นิวบิลเลี่ยน ได้ อันที่จริงบริษัทเริ่มต้นมาเกือบปี แต่มาเจอภาวะน้ำท่วมอีกประมาณ 3 เดือน เมื่อตั้งลำได้ ก็รวบรวมพี่น้อง ตอนนี้ก็มีสมาชิกเกือบ 2,000 คน


หนึ่งในผู้นำคนสำคัญ ที่เข้ามาร่วมรบกับ นิวบิลเลี่ยน นั่นคือ ธนนัทธิ์ เรืองพิลาภพลทัต เข้ามานั่งในตำแหน่ง รองประธานกรรมการ ซึ่งได้กล่าวย้ำผ่านทางรายการ ว่า ผมกับท่านสยามก็เคยร่วมงานกันมาหลายที่ ก็เป็นประธานที่ปรึกษาบริษัทขายตรงมา 3-4 แห่ง มาถึงวันนี้คิดว่า การที่เราทำให้เจ้าของหลาย ๆ แห่ง บางครั้งความคิดเห็นตรงกับเราบ้าง ไม่ตรงกับเราบ้าง บางอย่างเรารับปากสมาชิกไว้ แต่ตอนคุยจริง ๆ ความคิดเห็นไม่ตรงกับเจ้าของ เขาคิดอีกแนวหนึ่ง มันก็เลยสวนทางกัน


ที่ นิวบิลเลี่ยน จึงกลายเป็นแหล่งรวมพลคนอกหัก และเราไม่ได้เดินทัพแค่คนเดียว แต่เรามีสมาชิกหลาย ๆ คน มีพี่ ๆ น้อง ๆ ที่เดินตามมา ฉะนั้น จึงมีความคิดร่วมกันว่า เราน่าจะตั้งบริษัทในอุดมคติของเรา ที่อยากจะช่วยพี่น้องเพื่อนผองที่เดินร่วมทางกันมา ให้เขาทำงานด้วยความสบายใจ และมีวิสัยทัศน์ในการทำงาน ก็เลยเป็นที่มาของการก่อตั้ง นิวบิลเลี่ยน


หากถามถึงการปรับตัวจากผู้นำสู่ผู้บริหาร ถึงแม้เราจะผ่านการบริหารงานมาเยอะ แต่ก็ต้องปรับหลายอย่าง โดยส่วนตัวผม (อ.สยาม ชื่อที่คนในวงการเรียกกันจนติดปาก) เดิมเป็นผู้ดูแล ผู้อบรม ผู้สอน แต่วันนี้มาเป็นเจ้าของ ก็ต้องรู้ตั้งแต่ไม้จิ้มฟัน บางอย่างที่เราไม่รู้ เราก็ต้องรู้ ถามว่าเป็นสิ่งที่ยากไหม ก็ไม่ยาก เพราะว่าจากประสบการณ์หลาย ๆ ที่ ก็พอจะทราบในการร่วมสร้างจิตใจให้มีสายเลือดเดียวกัน ก็เหมือนกับว่าเราต้องเข้าถึงเครือข่ายมากขึ้น เข้าถึงความต้องการสมาชิกเพิ่มมากขึ้น


ส่วนตัวผม (ธนนัทธิ์) บางส่วนก็ต้องมีการปรับ แต่บางส่วนเราก็ผ่านประสบการณ์มาแล้ว ฉะนั้น การปรับทำให้เราเก่งขึ้น เพราะส่วนมากการขับเคลื่อนธุรกิจเครือข่ายก็ไม่ต่างกันมาก วันนี้ โจทย์ของเราจริง ๆ อยู่ที่ว่า ทำอย่างไรให้สมาชิกที่ตามเรามาให้เขามีรายได้ ทำอย่างไรให้ผู้บริโภคได้ทานผลิตภัณฑ์ ที่ดี และเมื่อเราเป็นคนควบคุมระบบ เราก็มุ่งเน้นในเรื่องของความซื่อสัตย์กับลูกค้า คือทานดีอย่างเดียวไม่พอ ทานแล้วต้องเห็นผลด้วย


เพราะถ้าวันนี้สินค้าไม่สามารถเคลื่อนต่อไปได้ ระบบเครือข่ายมันก็ขึ้นต่อไม่ได้ ถ้าสินค้าเคลื่อนได้ เราก็มาต่อที่เรื่องรายได้ของสมาชิกที่ทำกับเรา อย่างน้อย ๆ เขาต้องมีรายได้ เพราะการขับเคลื่อนด้วยการเดินทางไปตามที่ต่าง ๆ จำเป็นที่จะต้องใช้เงิน ถ้าเขาไม่มีรายได้ เขาก็ไปต่อกับเราไม่ได้ รวมถึงในระบบส่วนกลาง เราก็ต้องมีการสนับสนุน ซึ่งตรงนี้เราก็เตรียมการทุกอย่างไว้ให้สมาชิกทำงานได้ง่ายขึ้น


อ.สยาม กล่าวเสริมสำหรับประเด็นนี้ ว่า ถ้าวันนี้เครือข่ายบอกว่า ยากมันก็ไม่ยาก เพราะมีระบบของการคัดคน แต่โจทย์ใหญ่ของเราไม่ได้มีอะไรมากมาย ถ้าใช่ก็ใช่ ถ้าไม่ใช่ก็ไม่ใช่ วันนี้ระบบเครือข่ายเห็นแล้วว่า คนกลุ่มเดียวก็มีหลากหลาย ถ้าอยากจะไปค่ายไหนมีรายได้ก็ทำไปไม่ว่ากัน แต่ที่นี่น้องใหม่ที่เข้า ก็ต้องย้อนกลับไปบอกว่า คุณต้องมาฟังระบบ เพราะเรามีตรงนี้ไว้รองรับ และมองว่าถ้าทุกคนเป็น ผมก็ไม่เหนื่อย คนที่เขามาใหม่ก็ไม่เหนื่อย เนื่องจากเราเอาระบบมารองรับสมาชิกมากกว่า เพราะที่นี่เราใช้ใจซื้อใจ แต่ไม่ใช่ด้วยเงิน


ซึ่งเดินภายใต้สโลแกนที่ว่า ถ้าอกหักจากเครือข่ายก็มาพักบ้านนี้ เพราะเราเด่นในเรื่องของการฝึกอบรมที่แน่น คือเราโตจากแม่ทีมแล้วเราค่อยเอาแนวคิดมาบริหารมารวมกัน ฉะนั้น ถ้าให้แม่ทีมต้องทำทุกอย่าง เริ่มตั้งแต่การฝึกอบรมไปจนถึงการดูแลระบบ ก็คงไม่มีเวลา แต่ถ้าแม่ทีมแค่ทำหน้าที่รีครูทหรือชวนคน ส่วนบริษัทจะทำหน้าที่ในการย่อย สร้างคน เสริมสร้าง พอสร้างเสร็จสมาชิกก็ไปเดินงานต่อ มันจะเป็นไซเคิลของมัน ผู้นำก็จะไม่เหนื่อย เพราะทำหน้าที่เอาวัตถุดิบป้อนโรงงาน โรงงานก็มีวัฏจักรของการผลิต เมื่อผลิตเสร็จก็จะสำเร็จรูป ส่งป้อนตลาดต่อไป มันก็จะเป็นไซ
เคิลอย่างนี้


คือทรัพยากรมนุษย์วันนี้สำคัญที่สุดสำหรับระบบเครือข่าย เพราะถ้าบริษัทไหนไม่สามารถปั้นคนใหม่ ๆ ได้ ก็ก้าวเดินต่อไปไม่ได้ เราจึงเน้นพัฒนาบุคลากรของเรา หรือสมาชิกของเราจะต้องมีคุณภาพ ส่วนอื่นที่ตามมา มันก็จะง่ายขึ้น ธนนัทธิ์ กล่าวเสริม


เมื่อทุกอย่างพร้อมตามที่กล่าวอ้าง อ.สยาม บอกว่า ขั้นต่อไปก็ต้องมาดูถึงเรื่องของผลิตภัณฑ์ ตัวเอกที่จะนำเสนอ นั่นก็คือ พลูคาว โดยด็อกเตอร์ที่เป็นผู้ผลิตก็มาเป็นหุ้นส่วน และมีโรงงานตั้งอยู่ที่ ดอยวาวี จังหวัดเชียงราย เพราะที่นั่นเป็นแหล่งเพาะปลูกพลูคาว ส่วนสินค้าตัวรองลงมา ก็คือ คัพอัพ กล่องสีชมพูโดดเด่น ซึ่งชื่อก็ระบุชัดและพร้อมที่จะแข่งเดือดในสนามขายตรงที่จำหน่ายผ่านสถานีดาวเทียมและวงการขายตรงด้วย


โดยเฉพาะโรงงานที่ผลิตสินค้าคัพอัพ ก็เป็นเจ้าของเดียวกันกับสินค้าพลูคาว ที่มีไร่ชา บนยอดดอย นอกเหนือจากสินค้าที่เจาะกลุ่มผู้หญิงแล้ว ยังมีสินค้ากลุ่มผู้ชาย รวมถึงกาแฟ และก็เบต้ากลูแคน ส่วนสินค้าที่เป็นยอดนิยมอันดับหนึ่งก็จะเป็น พลูคาว คัพอัพ และกาแฟ


ถึงแม้ตลาดพลูคาว จะมีการแข่งขันกันอย่างหนัก แต่การลงตัวอยู่ที่ส่วนผสม เพราะพลูคาวเป็นสินค้ายอดนิยม เด่น ๆ คือช่วยบำรุงร่างกาย เบาหวาน สะเก็ดเงิน ก็จะดีขึ้น แต่ต้องบอกไว้ก่อนว่า นี่ไม่ใช่ยารักษาโรค แต่เป็นสมุนไพรไทยที่ช่วยบำรุงร่างกายให้มันดีขึ้นเท่านั้นเอง


สำหรับสมาชิกในบริษัทที่มีเกือบ 2,000 คน ถามว่าเร็วไหม ต้องบอกอย่างนี้ว่า เมื่อย้ายมาเปิดสาขาที่อิมพิเรียล ลาดพร้าว ชั้น 3 ก็มีพี่น้องเข้ามาเยือนทุกวัน ถามว่าจะแข่งไหวหรือไม่ คำตอบอยู่ที่พี่น้องที่ร่วมเดินทาง ถ้าเขาตั้งใจมุ่งมั่นก็คงไม่ใช่ปัญหา เพราะฉะนั้นอยู่ที่ว่าตัวเราจะนำเสนออะไรไปให้กับเขามากกว่า ยังไงที่นี่ก็เป็นศิษย์อาจารย์เหมือนกัน


ในส่วนของแผนการตลาด ก็ได้รับการขยายความจากรองประธานกรรมการ ธนนัทธิ์ ว่า แผนการตลาดวันนี้แข่งกันดุเดือด จุดเด่นของเรา คือ เริ่มจากการแนะนำขั้นแรกสำหรับผู้แนะนำในขั้นต่ำจะได้เลยทันที 50% ได้รับสินค้าได้รับเงินปันผลด้วย ถือเป็นการสตาร์ทโบนัสเป็นบันไดขั้นแรก โดยเราจ่ายค่าแนะนำสูงถึง 90% ในตำแหน่งสูง ๆ ขึ้นไป


นอกจากนี้ เรายังแยกส่วนการจ่ายตามแผนวีคสตรองหรือการบริหารทีม ก็จ่ายตั้งแต่ 20 - 40% ในตำแหน่งสูงสุด ค่าบริหารทีม ส่วนไม้เด็ดอยู่ที่แผนแมทซ์ชิ่งที่จ่าย 360% เป็นโบนัสรางวัลสำหรับผู้นำ หลังจากที่คุณสร้างองค์กร สร้างผู้นำให้เก่งให้เขามีรายได้เหมือนเรา คุณก็รับโบนัสจากแมทซ์ชิ่ง ซึ่งโบนัสตรงนี้จะเป็นโบนัสที่มั่นคงและถาวร เรียกว่าเหมาะสำหรับผู้นำหลาย ๆ ที่ที่กำลังเสาะแสวงหา


ถ้าผู้นำอยู่ได้ ระดับสมาชิกอยู่ได้ ทุกคนก็มีความสุข บริษัทเราเป็นแค่ตัวร้อยแค่ตัวเชื่อมเกม เชื่อมความสำเร็จให้กับทุกคน โดยที่เราไม่ได้มองตัวเราเป็นหลัก เรามองที่ผู้นำของเรา เรามองที่สมาชิกของเรา แล้วมองถึงฐานผู้บริโภคด้วย แต่เราขออยู่เบื้องหลังความสำเร็จของผู้นำหลาย ๆ คน กลายเป็นว่าเราเป็นตัวเชื่อมระหว่างผู้นำกับผู้บริหารแล้วก็โรงงานผลิตที่เข้ามาร่วมจอยกัน


หากถามต่อว่า ทางด้านยอดขายเป็นอย่างไร.. ก็ได้รับคำตอบจาก อ.สยาม ว่า ที่นี่เราปล่อยให้ยอดขายโตตามธรรมชาติ เราไม่ได้มาวางเป้าว่า จะคว้ายอดเป็นร้อยหรือเป็นพันล้าน แต่เราทำตามคุณภาพของคน ยอดก็จะเดินเป็นไปตามความจริง เพราะเราไม่ต้องมานั่งเมคว่า ต้องได้เท่านี้ นั่นคือ สิ่งที่เราพอใจ เพราะมีผู้นำเก่า ๆ มาอยู่ร่วมกันตอนนี้ก็ประมาณ 20 กว่าคน ซึ่งหลาย ๆ คนก็ยังไม่อยากจะเปิดตัวตอนนี้ ยกตัวอย่าง จากคนที่เคยขับวินมอเตอร์ไซค์วันนี้ก็มีรถยนต์ขับแล้ว ก็จะเปิดตัวกันอีกครั้ง หากมีความพร้อมมากกว่านี้


วันนี้ ภาพของ นิวบิลเลี่ยน ถูกปรุงแต่งให้บริษัทเข้ากับสมาชิก เพราะคำตอบที่ถูกมันมีไม่เยอะ ฉะนั้น เราทำคำตอบนั้นให้ถูกก็พอ อย่างระบบการฝึกอบรม เราจะจัดขึ้นทุกเดือน และจัดสัมมนาเดือนละ 2 ครั้ง ผมถึงมองว่าอีกไม่นานมันก็ต้องรันต่ออยู่แล้ว เพราะเราพยายามทำให้ทุกคนรู้สึกว่าง่าย เพราะเวลาพูดถึงเครือข่ายทุกคนจะมองว่า มันยาก ที่นี่ก็จะทำปรากฏการณ์ใหม่ให้มันรู้สึกว่า เครือข่ายง่าย ธรรมชาติ ๆ เน้นเรื่องสินค้าเคลื่อนพล


ส่วนโปรโมชั่นท่องเที่ยว ก็มีการเสริมเข้ามา เพื่อเป็นแรงจูงใจให้กับสมาชิก โจทย์ก็ไม่ยาก เพราะเราเห็นว่าหลาย ๆ คนทำเครือข่ายมา 3 - 4 ปี ไม่เคยได้ไปเที่ยวเมืองนอกเลย ก็เน้นการทำที่ง่าย ๆ เพียงแค่เปิดโมบายกับเรา 60,000 บาท ก็ขายสินค้าได้เงินคืนอีก 40,000 บาท ก็เท่ากับลงทุนแค่ 20,000 บาท ก็ไม่ทิ้งโมบาย คุณก็ได้ไปแล้ว เพราะว่าโมบายเวลาคีย์ยอด แจงยอดก็ได้อีก 15% จาก PV โดยเฉพาะโมบายสามารถคีย์ออนไลน์ผ่านระบบ


อินเตอรเน็ต มีระบบการทำงานสมัยใหม่เข้ามาเสริม คือปรับระบบเก่ากับสมัยใหม่ให้เข้ากัน เพื่อตอบโจทย์ทั้งผู้นำคนรุ่นเก่าและคนรุ่นใหม่ที่คละเคล้ากันไป ธนนัทธิ์ กล่าวเสริมและต่อว่า


ตอนนี้เรามีรุ่นเก่าประมาณ 70% แล้วก็รุ่นใหม่อีก 30% และจะปรับให้มีอัตราส่วนอยู่ที่ 60 : 40 เพราะมีออฟฟิศรองรับอยู่ 2 แห่งในใจกลางเมือง คือ อิมพีเรียล เวิลด์ ลาดพร้าว ชั้น 3 และคลองหกสำหรับชานเมือง ในส่วนของต่างจังหวัด ถ้าจังหวัดไหนมีผู้นำที่แข็ง เราก็จะส่งวิทยากรลงไปเทสให้ 1 - 2 วัน เพราะการดึงคน 100 500 คน เข้ามากรุงเทพฯ ถือเป็นการสิ้นเปลืองค่าใช้จ่าย วันนี้เราสามารถเอาทีมวิทยากรลงไปเสริมได้ในทุกจังหวัด ตอนนี้วิทยากรเรามีอยู่เกือบ 10 คน เพราะอย่าลืมว่าเราโตมาจากระบบเครือข่าย ผู้นำที่ตามเรามาส่วนมากเขาเป็นวิทยากรแล้ว ก็จะมาแชร์งานร่วมกัน


โดยเฉพาะตอนนี้ เรายึดฐานที่อีสาน - ใต้ บางส่วน ภาคกลางก็เยอะ ภาคเหนือก็โอเค ส่วนการปรับฐานสมาชิก 60 : 40 คาดว่าไม่เกินสิ้นปีนี้ เพราะเราได้เตรียมระบบออนไลน์ไว้หมด แม้กระทั่งในเรื่องของสื่อทีวี สื่อวิทยุ วันนี้วิทยุเรายิงสถานีประมาณ 30 คลื่นแล้วในเขตกรุงเทพฯ - ปริมณฑล ด้วยการเปิดตลาดสินค้าภายในผู้หญิงหรือสินค้าผู้ชาย รวมถึงพลูคาว เรียกว่าชนกันเดือดในสนามวิทยุท้องถิ่น


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: นสพ.ตลาดวิเคราะห์ ฉบับที่327 ประจำวันที่1 - 15 กันยายน 2555

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น