น้องใหม่ พระรามเก้า เน็ตเวิร์ค ชูจุดเด่น สินค้าดี มีคุณภาพ ผ่านงานวิจัยที่ได้มาตรฐาน ล่าสุดทำบันทึกความร่วมมือ (MOU) กับ สวทช.และมหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อค้นคว้าวิจัยสินค้าเพื่อสุขภาพ หวังก้าวสู่เจ้าตลาดสินค้าเฮลธ์แคร์ พร้อม เผยทิศทางธุรกิจช่วงที่ผ่านมา เติบโต 20-30% ทุกเดือน ปีหน้าเตรียมตัวรุกตลาด AEC อย่างเต็มรูปแบบ
นายพงษ์กฤตย์ องค์ศิริวัฒนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท พระรามเก้า เน็ตเวิร์ค จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเริ่มเปิดตัวอย่างไม่เป็นทางการไปเมื่อประมาณ ต้นปีที่ผ่านมา โดยในช่วงระยะเวลา ดังกล่าว ปรากฏว่าประชาชนให้การตอบรับ เป็นอย่างดี ซึ่งปัจจัยสำคัญส่วนหนึ่ง คือ จุดเด่นทางด้านสินค้าที่บริษัทได้คัดสรรผลิตภัณฑ์ซึ่งมีคุณภาพ ผ่านงานวิจัยที่ได้มาตรฐานมาสู่มือของผู้บริโภค เมื่อผู้บริโภค ใช้แล้วเห็นผล จึงทำให้เกิดการซื้อซ้ำอย่าง ต่อเนื่อง 100% ส่งผลให้ยอดขายของบริษัทเติบโตทุกเดือน เดือนละ 20-30% และจากยอดขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่องดังกล่าว ทำให้ตนมั่นใจว่า ปลายปีนี้พระรามเก้าเน็ตเวิร์คจะสามารถปิดยอดขายที่ 50 ล้านบาทได้อย่างแน่นอน โดยบริษัทถือคติที่ว่าเติบโตช้าๆ แต่มั่นคง
ปัจจุบันบริษัทลงนามบันทึกความร่วมมือ (MOU) ร่วมกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ หรือ สวทช.และร่วมกับมหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อ ค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ โดยบริษัทจะเป็นผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล่านี้แต่เพียงผู้เดียว ถือเป็นอีกก้าวหนึ่ง แห่งความภาคภูมิใจ และความสำเร็จของ บริษัท ทั้งนี้ ในปัจจุบันบริษัทมีสินค้าทั้งหมด 3 กลุ่มด้วยกัน คือ กลุ่มยาจีน, กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร, และกลุ่มเครื่องสำอาง และอาจ มีการเพิ่มไลน์สินค้าอื่นอีกในช่วงปีหน้า
กลยุทธ์ต่อไปบริษัทจะเริ่มแผนรุกตลาดเครือข่ายมากขึ้น หลังจากที่ผ่านมาเป็นช่วงของการวางรากฐานความมั่นคง โดยแผนงานสำคัญในช่วงเดือนหน้า จะมีการวางระบบการสื่อสารออนไลน์อย่างเต็มรูปแบบ โดยตนเชื่อว่าระบบออนไลน์ของบริษัทจะช่วยให้การทำงานของสมาชิก มีความสะดวกสบาย และสำเร็จได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น
ในอีกด้านหนึ่งก็จะเป็นแผนการขยาย สาขาเพื่อรองรับการเติบโตที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยจะมีการเปิดศูนย์เซ็นเตอร์ ประจำภาค เพื่อกระจายสินค้าสู่มือผู้บริโภค และกระจายสู่ศูนย์ สต็อก คิดส์ ในแต่ละจังหวัด ซึ่งในปัจจุบันภาคอีสาน ถือเป็นภาคที่สร้างยอดขายให้กับบริษัทมากที่สุด โดยมีสัดส่วนยอดขายประมาณ 50% จาก ทั้งหมด อันดับรองลงมา คือ กรุงเทพฯ มีสัดส่วน 30% และอีก 20% เป็นภาคอื่นๆ รวมกัน นอกจากนี้ บริษัทยังมีกิจกรรมการเลือกเฟ้นผู้นำที่มีศักยภาพประจำภาค อย่างน้อยภาคละ 1 คน เพื่อเป็นตัวแทนในการให้ความรู้ กระจายข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องสู่ประชาชนประจำภาคนั้นๆ โดยศูนย์เซ็นเตอร์ประจำภาค คาดว่าจะดำเนิน การอย่างจริงจังในช่วงปีหน้า ส่วนศูนย์สต็อก คิดส์ ปัจจุบันเริ่มมีสมาชิกให้ความสนใจเปิดเป็นจำนวนมาก ซึ่งบริษัทตั้งเป้า ว่าปลายปีต้องมีประมาณ 150 ศูนย์ และคุณสมบัติผู้ที่จะเปิดศูนย์สต็อกฯ ต้องมียอด ขายอย่างน้อย 9 หมื่นพีวีขึ้นไป
นายพงษ์กฤตย์ ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติม อีกว่า นอกจากบริษัทจะวางแผนกลยุทธ์รุกตลาดเครือข่ายภายในประเทศแล้ว ในส่วนของต่างประเทศ ขณะนี้เราก็กำลังมองตลาดในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน อย่าง ประเทศลาว และพม่า โดยเหตุผลที่เราให้ ความสนใจใน 2 ประเทศนี้ก่อน เพราะบริษัทในเครือเดียวกับพระรามเก้า เน็ตเวิร์ค ได้มีการติดต่อดำเนินงานภายใน 2 ประเทศนี้อยู่แล้ว จึงทำให้มีโอกาสมากกว่า สำหรับการเริ่มต้นเข้าไปเปิดธุรกิจขายตรง ยังต่างประเทศ
ทางด้านการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปี 2558 ถือเป็นความท้าทายอย่างยิ่งของบริษัท เพราะตนมองว่าการเปิด AEC จะเป็นการเปิดโอกาสทางการค้าให้มีความเติบโตมากขึ้น ซึ่งบริษัทพระรามเก้าฯ พร้อมเสมอในการเตรียมตัวรองรับ ประชากรนับ 100 ล้านคน เช่น ที่ผ่านมาสินค้าของบริษัทก็ได้มีการจัดทำเป็นภาษา ต่างประเทศอยู่แล้ว เพื่อรองรับลูกค้าจาก ต่างประเทศ อย่างไรก็ดี การดำเนินงานด้านต่างประเทศน่าจะเริ่มอย่างจริงจังในช่วงปีหน้า ส่วนปีนี้อยู่ในช่วงการวางรากฐานติดต่อประสานงานก่อน
นอกจากนั้น บริษัทยังมีแผนการดำเนินงาน ที่จะเน้นในเรื่องของการจัดอบรม สัมมนา และการสื่อสาร ประชาสัมพันธ์ ให้มากขึ้น เพื่อสร้างการรับรู้ข้อมูลข่าว สารที่ถูกต้องให้กับผู้บริโภค ซึ่งด้านการ อบรม ตนมองว่าเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของธุรกิจเครือข่าย เพราะเครือข่ายจะ เติบโตได้ดีต้องมีการจัดประชุม หรืออบรมให้ความรู้ในข้อมูลใหม่ๆ กันอย่างต่อเนื่อง ส่วนด้านการประชาสัมพันธ์ จะมีการจัดบูธแนะนำสินค้า และออกรายการต่างๆ ในสื่อเคเบิลทีวี และนอกจากนั้นบริษัทยังมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการจับสลากชิงโชค มอบรถ จัดโปรฯ ท่องเที่ยวต่างประเทศ เป็นต้น
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: นสพ.สยามธุรกิจ ฉบับที่ 1335 ประจำวันที่ 15-9-2012 ถึง18-9-2012
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น