ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

“นู สกิน” รอท่าตั้งไทยฮับสินค้า ชูยอด 1.74 พันล้านเหรียญ




“นู สกิน อิงค์” ปลื้มยอดปี 2011 สูงเป็นประวัติการณ์ รับไป 1.74 พันล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ตลาดไทยยังนำโด่งปิดยอดไปกว่า 2,000 ล้านบาทลุยแผนปีมะโรง จัดโรดแม็พ กระตุ้นผู้นำ จัดโปรแกรมเที่ยวนอก พร้อมจัดงานเชิดชูนักขายยิ่งใหญ่กรกฏาคมนี้ที่สิงคโปร์ ยันแผนที่หนึ่งตลาดต่อตั้นความเสื่อมชรา หลังกระแสตอบรรับดีทั่วโลก ล่าสุดตั้งสิงคโปร์เป็นฮับสินค้า แย้มไทยมีโอกาสเป็นฮับสินค้าในอนาคต ด้านเป้าหมาย 5,000 ล้านบาท ในปี 2015 เป็นไปตามเป้า หลังงัดยุธศาสตร์ 360 องศา
เมลิซ่า ทันโทโกะ คีอาโน ประธาน นู สกิน ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิกและสมาชิกสภาที่ปรึกษาสมาพันธ์ขายตรงโลกกล่าวว่า ในปี 2011 ที่ผ่านมา บริษัท นู สกิน เอ็นเตอร์ไพร์ส อิงค์ อเมริกา ได้สร้างสถิติยอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ สามารถทำยอดขายได้ 1.74 พันล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นอัตราการเติบโต 13% เมื่อเทียบกับปี 2010 ขณะที่ นู สกิน เอ็นเตอร์ไพร์ส ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิก สามารถสร้างยอดขายทะลุ 200 ล้านเหรียญ สหรัฐ ซึ่งเป็นยยอดขายสูงสุดตั้งแต่ดำเนินธุรกิจ ในส่วนของทิศทาง การดำเนินธุรกิจในปี 2555 นู สกิน ทั่วโลก ร่วมกัน ขับเคลื่อนองค์กรไปสู่จุดหมายเดียวกัน คือ การสร้างให้ นู สกิน เป็นผู้นำด้านการต่อต้านความเสื่อมชรา
ในส่วนของแผนการดำเนินงานในปี 25555 บริษัทยังคงมุ่งเน้นกลยุทธ์การพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ และพฤติกรรมของผู้บริโภค และให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ และพฤติกรรมของผู้บริโภค และให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ต่อต้านความเสื่อมชราในการทำตลาด เพื่อรองรับการขยายตัวของตลาด และเป็นการตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายที่เพิ่มสูงขึ้นในปัจจุบัน
ทั้งนี้ ในเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ นู สกิน ไทย เตรียมแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ในกลุ่มต่อต้านความเสื่อมชนชรา ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร “เอจล็อค อาร์ สแควร์” และ “เอจล็อค กัลวานิค บอดี้ ซิสเต็ม” โดยผลิตภัณฑ์ดังกล่าวได้เปิดจำหน่ายให้กับผู้แทนจำหน่ายระดับผู้บริหารไปแล้ว และบริษัทเชื่อว่าหลังการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในกลุ่มต่อต้านความเสื่อมชราครั้งน้จะผลักดันยอดขายให้เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ 5 ปีจะต้องทำยอดขายให้ได้ 5,000 ล้านบาท ภายในปี 2015 โดยเป้าหมายดังกล่าวเริ่มจากปี 2011
นอกจากนี้บริษัทได้จัดโปรแกรมการท่องเที่ยวสำหรับผู้แทนจำหน่าย โดยในเดือนพฤษภาคมปีนี้บริษัทจะพาผู้นำในระดับ Ruby ไปเยือนฝรั่งเศส และ ในช่วงสินปีนี้จะพาผู้แทนจำหน่ายภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปเยือนฮาวาย อย่างไรก็ดี ในเดือนกรกฏาคมปีนี้ บริษัทเตรียมเฉลิมฉลองในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยการจัดงาน Sea Regional Convention ที่ประเทศสิงคโปร์ เพื่อเป็นการประกาศเกรียติคุณให้กับผู้แทนจำหน่ายที่ประสบความสำเร็จ ในช่วง 2 ปี ที่ผ่านมา
เมลิซ่า กล่าวต่อว่า เริ่มตั้งแต่ปีนี้บริษัทแม่ที่ประเทศสหรัญอเมริการ ได้ตั้งประเทศสิงคโปร์เป็นฮับในการกระจายสินค้า จากเดิมที่ต้องนำเข้าผลิตภัณฑ์จากสหรัฐอเมริกาโดยตรง ดังนั้น ในอนาคต นู สกิน มีแผนลงทุนสร้างโรงงงานผลิต สินค้า นู สกิน ในเอเชีย โดยจะเป็นในลักษณะรีจินัล ซึ่ง ขณะนี้กำลังพิจารณาอยู่ว่าโรงงานไหนที่จะผลิตสินค้าให้กับ นู สกิน อย่างไรก็ดีประเทศไทยก็มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นฮับในการกระจายสินค้า แต่จะเป็นการผลิตสินค้าในกลุ่มใดนั้นขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้
ด้าน ภคพรรณ ลีวุฒินันท์ ประธานกรรมการ บริหาร บริษัท นู สกิน เอ็นเตอร์ ไพร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เป้าหมายการเติบโตของ นู สกิน ประเทศไทย ปี 2555 ยังคงเดินตามแนวนโยบายของบริษัทแม่ในการศึกษาวิจัย และพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคถณภาพสู่มือผู้บริโภค ตลอดจนเป้าหมายการเป็นผู้นำในด้านต่อต้านความเสื่อมชรา โดยบริษัทเชื่อว่าอีกไม่กี่ปีข้างหน้าตลาดต่อต้านความเสื่อมชราทั่วโลกจะถูกจับตามอง และมีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ จากการคาดการณ์ ตลาดต่อต้านความเสื่อมชราจะมีมูลค่าสูงถึง 275 พันล้านเหรียญสหรัญและในปี 2015 อุตสาหกรรมต่อต้านความเอมชราในแต่ละภูมิภาคจะเติบโตมากกว่า 70% โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิ จะเติบโตถึง 82% สำหรับมูลค่าการตลาดรวมของประเทศไทยคาดว่าภายใน 10 ปีข้างหน้า จะมีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 10%
“เมื่อประเมินจำนวนประชากรสูงวัยที่กำลังเพิ่มสูงขึ้นในปีทศวรรษนี้ เราได้เตรียมขับเคลื่อนธุรกิจด้วยการเสิรมความแข็งแกร่งด้วยกลยุทธ์การสร้างบุคลากรให้เป็นผู้เชียวชาญ ด้านการต่อต้านความเสื่อชรา แนะเน้นการสร้างโอกาสทางธุรกิจที่เหนือกว่าและแตกต่าง ล่าสุดบริษัทแม่ได้ทุ่มงบลงทุน 350 ล้านบาท ครอบครองลิขสิทธิ์กิจการสถาบันวิจัยพันธุวิศวกรรม ไลฟ์เจนเทคโนโลยี เพื่อเป็นเจ้าของผลงานวิจัยและการค้นคว้ารหัสพันธุกรรม หรือยีน”
สำหรับทิศทางธุรกินในปีนี้ บริษัทเตรียมแผนผลักดันยอดขายให้เป็นไปตามเป้าหมาย นอกจากจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้เทคโนโลยีเอจล็อคในช่วงปลายปีนี้แล้ว บริษัทเตรียมกลยุทธ์การสื่อสารรูปแบบใหม่ โดยจะมุ่งเน้นสื่อสารผ่านสื่อที่เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคมากขึ้น (Mass Communications) ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Look young Feel young Lives young” ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์ในการรุกตลาดที่มุ่งสู่กลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้บริโภคโดยตรง
นอกจากนี้บริษัทจะเน้นสร้างการรับรู้ และจดจำให้กับผู้บริโภค ทั้งด้านภาพลักษณ์ ตราสินค้าและผลิตถัณฑ์ ตลอดจนการปรับกลยุทธ์เข่าถึงกลุ่มผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายให้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น พร้อมตั้งเป้ายอดขายเติบโต 15% ในปีนี้ อย่างไรก็ดีในปีที่ผ่านมาบริษัทเติบโต 10% และสามารถสร้างยอดขายได้ 2,200 ล้านบาท

ขณะเดียวกันบริษัทมีแผนเพิ่มจำนวนผู้แทนจำหน่ายระดับผู้บริหาร (Executive) ในไตรมาสแรกให้เติบโต 15% พร้อมทั้งมีแผนการจัดกิจกรรมการตลาดและกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง อาทิ การปรับปรุงศูนย์บรอการเพื่อกระตุ้นยอดขายให้พื้นที่ต่างจังหวัด จากปัจจุบันที่มีจำนวน 8 ศูนย์ และในปีนี้จะเพิ่มศูนย์จำหน่าย นู สกิน อีก 3 ศูนย์ คือ อุดรธานี ส่วนอีก 2 ศูนย์ ยังไม่สรสุปว่าจะเปิดที่ใด
อย่างไรก็ดี บริษัทเตรียมแผนจัด นู สกิน โรดโชว์ไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อขยายฐานสมาชิกและสร้างเครือข่ายของผู้แทนจำหน่าย ด้วยการสนับสนุนโปรแกรมที่จะช่วยสร้างแรงกระตุ้นในการทำงาน ซึ่ง ในโอกาส ที่ นู สกิน ประเทศไทย ก้าวเข้าสู่ปีที่ 15 นอกจากทริปท่องเที่ยวต่างประเทศแล้ว บริษัทยังมีการมอบเงินโบนัสพิเศษให้ผู้แทนจำหน่ายที่สามรถสร้างผู้บริหารใหม่ และรักษายอดคะแนนกลุ่มได้ตามเงื่อนไขบริษัทอีกด้วย
ภคพรรณ กล่าวต่อว่า นู สกิน ประเทศไทย บริหารงานภายใต้นโยบายของบริษัทแม่ ที่ใช้ยุทธศาสตร์หลักในการดำเนินธุรกิจ 4 ด้าน คือ ผลิตภัณฑ์ , บุคลากร , โอกาสทางธุรกิจ และวัฒนธรรม ดังนั้น นอกเหนือจากแผนและกลยุทธ์การลาด และผลิตภัณฑ์เพื่อมุ่งสร้างยอดขาย เพิ่มยอดนักธุรกิจ และผู้ใช้ผลิตภัณฑ์แล้ว บริษัทยังให้ความสำคัญกับกิจกรรมเพื่อสังคม ตามปณิธานที่มุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพชีวิตขอผู้คนในสังคมให้ดีขึ้น ภายใต้โครงการ Force For Good โดย นู สกิน ได้สนับสนุนการผ่าตัดหัวใจเด็ก โรงพยาบาลราชวิถี อย่างต่อเนื่องมาตลอด 15 ปี สามารถช่วยเหลือผู้ป่วยโรคหัวใจจำนวน 4,500 ราย
“ในปี 2554 นู สกิน ได้บริษัทเงิน 1% จากค่าคอมมิสชั่นของผู้แทนจำหน่ายเพื่อนำมาสร้างวอร์ดสำหรับผู้ป่วยเด็กโรกหัวใจพิการแต่กำเนิดที่ได้รับการผ่าตัดรักษาโรคหัวใจ ณ ศูนย์หัวใจของมูลนิธีเพื่อสนับสนุนการผ่าตัดหัวใจเด็ก โรงพยาบาลเกษมราษฏร์ ประชาชื่น คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน ปี 2555” ภคพรรณ กล่าว
ปัจจุบัน นู สกิน มีจำนวนผู้แทนจำหน่ายที่มียอดสั่งซื้อเป็นประจำ จำนวนทั้งสิน กว่า 10,000 บัญชีรายชื่อ โดยสามารถสร้างผู้แทนจำหน่ายเข้าสู่ทำเนียบเศรษฐีเงินล้านได้เพิ่มขึ้น 10% ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่จะก้าวเป็นบริษัทขายตรงแนวหน้าของโลกด้วยการสร้างรายได้ให้แก่ผู้แทนจำหน่ายที่มากกว่าบริษัทขายตรงอื่นๆ โดยจำแนกเป็น ผู้แทนจำหน่ายที่มียอดคอมมิสชั่นสะสม 400 ล้านบาท คู่แรกของประเทศไทย 1 บัญชี ผู้แทนจำหน่ายที่มียอดคอมมิสชั่นสะสม 200 ล้านบาท จำนวน 2 บัญชี ผู้แทนจำหน่ายที่มียอดคอมมิสชั่นสะสม 100 ล้านบาท จำนวน 1 บัญชี ผู้แทนจำหน่ายที่มียอดคอมมิสชั่นสะสม 40 ล้านบาท จำนวน 11 บัญชี ผู้แทนจำหน่ายที่มียอดสะสม 20 ล้านบาท จำนวน 9 บัญชี ผู้แทนจำหน่ายที่มียอดขายสะสม 10 ล้านบาท จำนวน 23 บัญชี และผู้แทนจำหน่ายที่มียอดคอมมิสชั่นสะสม 1 ล้านบาท จำนวน 451 บัญชีรายชื่อ

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: นสพ. เดอะ พาวเวอร์ เน็ตเวิร์ค

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น