ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันพุธที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ไขปริศนาความสำเร็จ5นักขาย‘เลิฟยู’ เดินทางอย่างมีจุดหมาย...ทุกความฝันสำเร็จแน่!



ชีวิตคนเรากว่าที่จะก้าวมาสู่ความสำเร็จ และนำพาตัวเองสู่ความยิ่งใหญ่ได้นั้น คงไม่ใช่เรื่องง่าย และก็ไม่ใช่เรื่องยากเช่นเดียวกัน เพราะทุกคนมีความใฝ่ฝันที่จะหยิบจับ “เงินล้าน” ได้เช่นกัน หากเราเปิดมุมมองใหม่ๆ แสวงหาโอกาส “ความใฝ่ฝัน” นั้น ก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม หากมีใจที่มุ่งมั่น เอาชนะอุปสรรคที่อยู่ตรงหน้า มีความขยัน อดทน มีความเพียรพยายาม เชื่อว่า!! เส้นทางที่ทอดยาวสู่ความสำเร็จยังจุดหมายปลายทางนั่นคือ การ “หยิบจับเงินล้าน” มาครองนั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากเช่นกัน
ปัจจุบันนี้ต้องบอกว่า “ธุรกิจเครือข่าย” นับเป็นอีกหนึ่งธุรกิจแห่งโอกาส ที่จะสามารถนำพาทุกท่านไปยังเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้ ด้วยเหตุนี้เอง ที่ทำให้ใครหลายๆ คน เริ่มมีความสนใจในธุรกิจขายตรงมากขึ้น เมื่อเทียบกับในอดีตที่ผ่านมา เหมือนเช่นดั่ง 5 นักขาย “บริษัท เลิฟยู (ประเทศไทย) จำกัด” ที่มองว่า “เลิฟยู” จะสามารถทำให้ตนเองประสบความสำเร็จในชีวิตได้
และจากความตั้งใจที่ “เลิฟยู” พร้อมที่จะนำพาลูกทีมสู่หนทางแห่งความสำเร็จ ที่ไม่เพียงแค่ความเพ้อฝันเท่านั้น เห็นได้จากการจัดงานครบรอบ 4 ปีทองและงานประดับเข็มของบริษัทเลิฟยูที่จัดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ถือเป็นเครื่องการันตีความสำเร็จของธุรกิจได้ดีว่านี่คือ “ของจริง” นั่นเอง...คอลัมน์ “คลับเงินล้าน” ปักษ์นี้ ขอนำพาท่านผู้อ่านมาร่วมไขเคล็ดลับความสำเร็จของนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จทั้ง 5 ท่านของ “เลิฟยู” กันว่าทั้งเขาและเธอทำอย่างไร ถึงก้าวสู่ความสำเร็จในวันนี้ได้!!
...เริ่มต้นกันที่ “ผอ.สุพรรณ์ โสนชัย” นักธุรกิจเต็งหนึ่งแห่งค่าย “เลิฟยู” ที่ผ่านการทำงานมาอย่างโชกโชน กระบวนการ ระบบการทำงานได้สอนอะไรหลายๆ อย่าง ทั้งลองผิดลองถูก ซึ่งเขาผู้นี้ผ่านมาเกือบหมดแล้ว จนกระทั้งมาเจอกับธุรกิจเลิฟยู ที่เขาผู้นี้บอกว่า เป็นธุรกิจที่เน้นความเอาใจใส่กับสมาชิกค่อนข้างมากทีเดียว
“ในช่วงที่ผ่านมา ตนเองทำธุรกิจเครือข่ายเป็นอาชีพเสริม จากผู้ประกอบการจนระยะหนึ่งก็กลายมาเป็นผู้นำหลักของบริษัทแบบไม่รู้ตัว กับเรื่องของสมาชิกนั้นไม่ต้องพูดถึง เพราะ “เลิฟยู” เป็นบริษัทที่แปลก ไม่ว่าคุณจะไปอยู่บริษัทไหนก็แล้วแต่ ถ้าคุณไม่ได้สร้างความวุ่นวาย ไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับบริษัท คุณมีสิทธิ์กลับมาได้เหมือนเดิมกับการสร้างทีมงาน สร้างองค์กรให้เติบโตมากขึ้นกว่าเดิม ด้วยจุดนี้เองที่ทำให้ตนเองเกิดความประทับใจอย่างมากที่ท่านประธานบริษัทฯ ค่อนข้างเดปิดกว้าง”
“ผอ.สุพรรณ์” ยังบอกอีกว่า ธุรกิจ “เลิฟยู” เรียกได้ว่า ดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานของความถูกต้อง เที่ยงตรง เที่ยงธรรม ตรงไปตรงมา ซึ่งบริษัทเล็กๆ แห่งนี้ มีทั้งความสุขความอบอุ่นมอบให้ ด้วยฟีดแบ็คที่ตอบรับกลับมาดีเกินคาด พร้อมกันนี้ ยังพบว่าค่ายนี้ค่อนข้างที่จะมีผู้ที่ประสบความสำเร็จมากพอสมควร เห็นได้จากภาพที่ออกมาค่อนข้างมีความชัดเจนด้วย
“ด้วยตัวสินค้าที่มีคุณภาพ และสร้างโอกาสดีๆ ให้กับหลายๆ คนที่ มีปัญหาเรื่องสุขภาพได้แบบตรงจุดนี่เอง ทำให้ธุรกิจเลิฟยู เริ่มเป็นที่หมายปองของใครหลายคนอยู่ในขณะนี้ ซึ่งต้องบอกว่า ในวันนี้เราเคยเห็นธุรกิจทั่วๆ ไป ที่บอกว่ารวยๆ แต่ทั้งนี้ เราต้องมานึกถึงพื้นฐานของความเป็นจริงให้ได้ เพราะฉะนั้นในวันนี้ต้องเอาความจริงมาคุยกัน โดยใช้สินค้าเป็นตัวนำ พร้อมด้วยกระบวนการเทรนนิ่งที่มีมาตรฐาน โดยสิ่งนี้แหล่ะ คือ ตัวขับเคลื่อนสำคัญ สู่ความสำเร็จ เพราะวันนี้อย่าสร้างฝันอย่างเดียว แต่ต้องคิดว่าจะทำอย่างไรที่จะสร้างฝันเขาให้เป็นจริง ที่สามารถสัมผัสได้ แตะต้องได้”
...สำหรับจุดเด่นของธุรกิจ “เลิฟยู” นั้น “ผอ.สุพรรณ์” บอกว่า คือ การสร้างความรัก สร้างความอบอุ่น เป็นกันเองและความสุข เพราะการคิดให้ถูก คิดให้เป็น แล้วคุณจะตอบโจทย์ตรงนี้ได้ เพราะธุรกิจเครือข่ายไม่ใช่เรื่องยากหากคุณคิดถูก…เช่นเดียวกับนักขายอีกหนึ่งท่าน อย่าง “รชต ตันตระกูล” วัย 66 ปี ที่ได้ฝ่าฟันอุปสรรค ผ่านร้อน ผ่านหนาว มานับไม่ถ้วน เรียกได้ว่าเกือบทุกอาชีพเลยก็ว่าได้ แม้กระทั่งเปิดกิจการเป็นของตนเอง ทั้งเปิดผับ เปิดบาร์ เปิดภัตตาคาร เรียกว่ากัดฟันสู้เพื่อความสำเร็จมาแล้ว
ซึ่งปรัชญาที่เขาผู้นี้ได้ยึดถือมาโดยตลอด คือ “ต้องเก่ง กล้า สามารถ ขยัน อดทน ละทิ้งสิ่งไร้สาระ” เพราะคนที่ถอดใจ คือ คนที่ท้อแท้ ต้องคิดว่า “คนเราต้องเป็นแชมป์ ไม่เพียงแค่วันเดียว”...จนกระทั่งเหมือนชีวิตอยากที่จะให้ลองผิดลองถูกกับอีกหนึ่งอาชีพนั่นก็คือ “ธุรกิจเครือข่าย” จากการแนะนำให้ลองเข้ามาสู่ธุรกิจเครือข่ายดู ซึ่งเขาผู้นี้ก็ไปได้ปฏิเสธแต่อย่างใด?...
...และจากการชักชวนให้เข้าสู่ธุรกิจเครือข่ายนี้เอง ทำให้ “รชต” จึงได้ลองศึกษาธุรกิจนี้ไประยะหนึ่ง และก็เกิดความประทับใจทั้งในเรื่องของสินค้า แผนการตลาด รวมถึงเป็นธุรกิจที่ไม่ต้องเป็นนายคน ไม่มีใครบังคับ ตรงจุดนี้เอง ที่ทำให้ “รชต” เริ่มเปิดใจรับกับธุรกิจเครือข่ายมากขึ้น ที่สำคัญ ยังเป็นธุรกิจที่ไม่ต้องลงทุน เพียงแค่บริโภคหลังจากนั้นใช้ดีแล้วบอกต่อ ขยันบอกคน “ปากไว ใจกล้า หน้าด้าน ขยันพูด” ก็สามารถสร้างความรวยได้ ด้วยระบบการสอนที่ถูกถ่ายทอดมาก๊อบปี้อย่างเดียวไม่ต้องคิดใหม่ ไม่ต้องหาหนทางใหม่ แค่นี้ก็สามารถสะสมความสำเร็จได้
...เรียกได้ว่า กับสิ่งที่ “เลิฟยู” มอบให้ในวันนี้เหมือนเปิดประตูสู่เส้นชัย ที่ได้นำสิ่งดีๆ ไปประกาศให้คนที่เรารัก เราชอบ ได้ใช้และมีสุขภาพที่ดีขึ้น…และจากวันนั้นจนถึงวันนี้ทำให้ “รชต” ได้บอกกับตัวเองเสมอว่า “คิดไม่ผิดที่เลือกทำธุรกิจเครือข่ายกับบริษัทที่ดีเช่น “เลิฟยู”
นอกจากนี้ “รชต” ยังได้ แนะเคล็ดลับแห่งความสำเร็จอีกว่า เพียงแค่เชื่ออัพไลน์ เข้าห้องประชุมบ่อยๆ รวมถึง 3 สิ่งที่ต้องทำเป็นประจำทั้งสรรหา พัฒนา และรักษา กับสิ่งสำคัญที่สุดบนความสำเร็จ คือ ถูกที่ ถูกทาง ถูกเวลา และถูกทีม ดังปรัชญาของขายตรงที่ว่า “ต้องทำให้ผู้อื่นประสบความสำเร็จได้ 20 คน และคนที่ 21 ต้องเป็นเรา” บอกได้คำเดียวว่าการทำธุรกิจต้องตั้งใจจริง รักงานจริง ขยันอดทน ทำอย่างต่อเนื่อง ทุกคนก็สามารถสำเร็จได้...เห็นได้จาก “รชต ตันตระกูล” ที่ใช้ระยะเวลาเพียง 3 ปี สามารถมีรายได้ 6 หลัก พร้อมกับมีรถเบนซ์คันหรูขับโก้ๆ อีกด้วย
...และจากความโดดเด่นในตัวผลิตภัณฑ์ของ “เลิฟยู” วันนี้ จึงทำให้มีผู้ที่ประสบความสำเร็จมากมาย เช่นดั่งนักขายอีกหนึ่งท่านนามว่า “ธัญทิพย์ วัชระรัฐพงศ์” ผู้ที่เคยทำธุรกิจเครือข่ายมาแต่กลับติดลบ และด้วยสามีที่มีปัญหาเรื่องสุขภาพกับความบังเอิญที่เห็นโฆษณาพอดี จึงเกิดความสนใจในตัวผลิตภัณฑ์ และได้ทดลองซื้อให้สามีลองทานและเห็นผล ประจวบเหมาะกับตนเองก็มีปัญหาเรื่องสุขภาพหลายโรคมารุมเร้า ทั้งโรคหัวใจ ไขมันส่วนเกิน ความดัน ไต และมะเร็งในลำไส้ จึงได้ลองทานเช่นเดียวกัน จนเห็นผลชัดเจนกับความเปลี่ยนแปลงของร่างกาย จุดนี้เองที่ทำให้เกิดความประทับใจในสินค้า
จนกระทั่งตัดสินใจก้าวสู่ธุรกิจ “เลิฟยู” แบบเต็มตัวในเดือนพฤษภาคม รวมระยะเวลาร่วมปีกว่าๆ เรียกได้ว่า วันนี้ผลิตภัณฑ์ของเลิฟยูถือเป็นตัวนำหลักสำคัญ แนะนำใครแล้วไม่ผิดหวัง “พูดง่ายๆ มีแต่คนรัก” จากคนป่วย พลิกชีวิตให้กลับมาเป็นผู้มีรายได้สูง ที่สำคัญ ที่ “เลิฟยู” บรรยากาศรอบข้างค่อนข้างมีความอบอุ่นทั้งสมาชิกและผู้บริหาร รวมถึงแผนการตลาดของที่นี้ยังจ่ายตรงภายในหนึ่งอาทิตย์อีกด้วย
...“ด้วยสินค้าที่เห็นผลจริงจากคนป่วย ที่ไม่มีสตางค์ไปหาหมอ และเราได้นำสินค้าไปให้เขาดื่มจนอาการดีขึ้น นี่เอง ที่ทำให้คนเริ่มหันมาสนใจธุรกิจเลิฟยูมากขึ้น และยังถือเป็นใบเบิกทางให้กับเราทำธุรกิจได้สำเร็จอีกด้วย”...จากสินค้าที่โดนใจ แผนการตลาดที่เยี่ยม ท่านประธานบริษัทฯ มีความเข้าใจในธุรกิจ ทำให้ “ธัญทิพย์” ตั้งเป้าหมายไว้ว่า อีก 5 ปีข้างหน้าจะสามารถซื้อบ้านหลังใหม่ได้อย่างแน่นอน
...มาดูอีกหนึ่งนักขายที่มีนามว่า “สุภาพร สุวรรณเพ็ง” ที่เธอผู้นี้ เข้ามาทำธุรกิจเครือข่ายได้จากพื้นฐานของการทำธุรกิจของตนเอง ด้วยการเปิดร้านเสริมสวยแถมมีเรื่องปัญหาสุขภาพเข้ามาเกี่ยวข้อง ที่สำคัญ ก่อนหน้านี้เธอผู้นี้ไม่มีความเชื่อเรื่องยาแผนโบราณ จนกระทั่งมีพยาบาลที่รู้จักกันมานานมาแนะนำสินค้าเกี่ยวกับสมุนไพรให้ฟัง จึงเกิดความสนใจ และได้ทดลองทาน ผลปรากฏว่า ทานแล้วดีขึ้น จุดนี้เองที่ทำให้เธอเปลี่ยนความคิดใหม่เกี่ยวกับยาแผนโบราณนั่นเอง
เมื่อ “สุภาพร” เห็นอย่างนี้แล้ว จึงเข้ามาศึกษาธุรกิจอย่างจริงจังโดยใช้เวลาเพียงแค่ 6 เดือนจึงเข้าใจ แต่ด้วยความมุ่งมั่น ขยันที่จะเติมเต็มองค์ความรู้นี่เอง จึงทำให้เธอผู้นี้ขึ้นแท่นความสำเร็จ ด้วยการมีรายได้ต่อเดือนประมาณ 5–6 หมื่นบาท
“ตนเองค่อนข้างที่จะประทับใจในการทำงานของที่นี้ เพราะค่อนข้างมีบรรยากาศที่เหมือนบ้านหลังที่ 2 ที่เรียกได้ว่าสร้างความอบอุ่นได้ ทั้งรอยยิ้ม ไมตรี ความเป็นกันเองของสมาชิก ที่สำคัญ ที่นี้สามารถทำให้สมาชิกทุกคนหยิบจับเงินล้านได้ด้วย เพียงแค่ท่านใช้สินค้าดีแล้วบอกต่อ ก็สามารถสำเร็จกับเลิฟยูได้แล้ว”
...ต่อกันด้วย นักขายท่านสุดท้าย “ณฐนนท คชนานิคม” ที่เข้ามาทำธุรกิจด้วยความบังเอิญ ซึ่งอดีตเขาผู้นี้ เดิมทีเป็นเจ้าของกิจการมาก่อน ประกอบกับช่วงนั้นเศรษฐกิจไม่ค่อยดี จึงผันตัวเข้าสู่ธุรกิจเครือข่ายประกันชีวิตโดยไม่ได้ตั้งใจ อยู่มาถึง 14 ปี แต่!! ความบังเอิญนั้นก็เกิดขึ้นได้จากเพื่อนที่ชักชวนมาทำธุรกิจขายตรงจนรำคาญจึงลองเข้ามาศึกษาดู
โดย “ณฐนนท” ได้มองว่า ธุรกิจขายตรงกับธุรกิจประกันมีความคล้ายคลึงกัน แต่ในความคล้ายคลึงมันมีความแตกต่างอย่างสิ้นเชิง เพราะการขายประกันต้องใช้จิตวิทยาสูงเนื่องจากไม่มีสินค้า แต่ธุรกิจขายตรงสามารถพิสูจน์สินค้าได้ จึงดูแล้วง่ายกว่าเพราะสินค้าเป็นตัวนำ ด้วยเหตุนี้เอง จึงได้ตัดสินใจเปิดใจยอมรับในตัวสินค้า พร้อมมองอนาคตในเรื่องแผนการตลาดที่ว่า “หากสินค้าดี แผนดี มันทำให้ร่ำรวยได้”
ตลอดระยะเวลา 9 ปี ที่ “ณฐนนท” ได้ล้มลุก คลุกคลานอยู่ในธุรกิจเครือข่ายจนเกิดความเชี่ยวชาญกับประสบการณ์ที่สะสมมา ทำให้เขาผู้นี้ค่อนข้างระวังตัวเองมากขึ้น ซึ่งก่อนที่จะเข้ามาทำธุรกิจกับ “เลิฟยู” นั้น ทางด้านภรรยาของเขาเอง ได้เคยห้ามมาแล้ว เนื่องจากบาดเจ็บกับธุรกิจนี้มาเยอะ แต่ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ ทำให้ “ณฐนนท” ได้พิสูจน์ความจริงด้วยสินค้า โดยให้ภรรยาที่มีปัญหาเรื่องสุขภาพได้ลองทาน ผลปรากฏว่าอาการดีขึ้น ทำให้ทั้งภรรยาและ “ณฐนนท” จึงเกิดความมั่นใจมากขึ้น พร้อมกับทุ่มเทแรงกายเพื่อความความสำเร็จในธุรกิจนี้อย่างเต็มกำลัง
เห็นได้จาก ระยะเวลาเพียงแค่เดือนแรก สามารถขายสินค้าได้ถึง 100 ขวด มีกำไรประมาณ 8 หมื่นบาท ด้วยจุดนี้เองที่ทำให้เขามีความมั่นใจว่า สินค้าสามารถตอบโจทย์ได้ พร้อมกับแผนทางการตลาดที่เอื้อต่อกันทำให้ในระยะเวลา 3 เดือน สามารถสร้างรายได้ถึงหลักแสน และมีสมาชิกอยู่ภายใต้รหัสถึง 1 แสนรหัสด้วยกัน
นอกจากนี้ “ณฐนนท” ยังได้แนะวิธีการเลือกบริษัทขายตรงที่ดีอีกว่า มีอยู่ด้วยกัน 5 ข้อ คือ 1. เจ้าของต้องตัวจริงเสียงจริง ต้องมีวิสัยทัศน์มีประสบการณ์ในเครือข่าย 2. ต้องรู้ว่าผู้บริหารคือใคร 3. สินค้าต้องดีขายตัวเองได้ 4. ต้องเอื้อ ต้องปลดล็อค ไม่บังคับรักษายอดซึ่งเป็นจุดสำคัญ และ 5. ในเรื่องของระบบต้องดี เพื่อผลักดันให้สมาชิกเติบโตได้ไว...ซึ่งทั้ง 5 ข้อที่กล่าวมานี้ “ณฐนนท” บอกว่า ธุรกิจเลิฟยูนี่แหล่ะใช่เลย
ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องราวของ 5 ผู้นำจาก “บริษัท เลิฟยู (ประเทศไทย) จำกัด” ที่เรียกได้ว่า กว่าที่จะประสบความสำเร็จมาได้จนถึงวันนี้ ต้องผ่านอุปสรรคมาต่างๆ นาๆ มากมาย แต่อุปสรรคและปัญหาที่เกิดขึ้นนั่นคือ บันไดสู่ความสำเร็จนั่นเอง!

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: นสพ.ตลาดวิเคราะห์ ฉบับที่ 315 ประจำวันที่ 1 - 15 มีนาคม 2555

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น