ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

‘คิงส์ เฮิร์บ’ จัดทัพบุกอีสานเต็มสูบ ปูพรมธุรกิจมุ่งสู่ศูนย์กลางตลาดอินโดจีน

“คิงส์เฮิร์บ” ปีมังกรสาดอาวุธครบเครื่อง ล่าสุดเดินหน้าท้าชนธุรกิจเครือข่ายเต็มสูบ ด้วยการรุกเปิดศูนย์จำหน่ายมากขึ้น หวังขยายฐานธุรกิจสู่อินโดจีน ตั้งเป้าขยายศูนย์กระจายสินค้าสิ้นปี 1,000 แห่ง พร้อมดันยอดสู่ 1,000 ล้าน หลังปี’54 ซดยอดไป 600 ล้าน เผยวันนี้สินค้าขายดียังคงเป็นคอลดาต้าและคอลดาต้าซุปเปอร์ทู ยํ้า!ราคาสินค้าไม่มีปรับอย่างแน่นอน
ดร.ปพน ลิ้มธำ รงกุล ประธานกรรมการ บริษัท คิงส์เฮิร์บเวิลด์ 1999 จำกัด เปิดเผยว่า ผลประกอบการในปีที่ผ่านมาบริษัทฯสามารถทำกำไรได้ 600 ล้านบาท ซึ่งเท่ากับในปี 2553 ที่ผ่านมา ส่วนเหตุการณ์น้ำท่วมในช่วงปลายปีที่แล้วนั้น เรียกได้ว่าบริษัทฯ ไม่ได้รับผลกระทบอะไรมากนัก ซึ่งสินค้าที่ขายดียังคงเป็น คอลดาต้าและคอลดาต้า ซุปเปอร์ทู โดยยอดขายในพื้นที่ภาคกลาง ปริมณฑลและสมุทรปราการ ยังคงเป็นเบอร์ 1 รองลงมาเป็นในส่วนของภาคใต้
ส่วนในเรื่องของการปรับราคาสินค้านั้น บริษัทฯ ยังคงตรึงราคาเดิมไว้และไม่มีการปรับอย่างแน่นอน โดยในปี 2555 นี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายที่จะสร้างยอดขายให้ได้ถึง 1,000 ล้านบาท หรือมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 30% นอกจากนี้ยังตั้งเป้าเพิ่มศูนย์กระจายสินค้าเพิ่มเป็น 1,000 แห่ง จากเดิมที่มีอยู่ 650 แห่ง ซึ่งหากผู้ที่ต้องการเปิดศูนย์กระจายสินค้า ต้องมีเงินลงทุนอยู่ที่ 90,000 บาท แต่หากบริหารไม่ไหว ทางบริษัทฯ จะเป็นผู้รับซื้อต่อคืนเอง
อย่างล่าสุดที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ทำการเปิดศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่ที่จังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็นการย้ายจากที่เก่ามาเปิดที่ใหม่ โดยใช้งบลงทุนอยู่ที่ 14 ล้านบาท แบ่งออกเป็นการจ่ายค่าซื้อตึกจำนวน 12 ล้านบาท และตกแต่งอีกจำนวน 2 ล้านบาท บนเนื้อที่ 1,200 ตารางเมตร จำนวน3 ชั้น สามารถรองรับสมาชิกได้ 200 – 300 คน และยังเป็นห้องประชุมให้แก่สมาชิกจุได้ถึง 200 คนอีกด้วย
ดร.ปพน กล่าวเสริมต่ออีกว่า อีกหนึ่งแผนงานที่บริษัทฯ กำลังดำเนินการ คือ กำลังมองหาศูนย์เทรนนิ่งให้กับสมาชิก ซึ่งจากเดิมมีอยู่ที่อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดนครราชสีมา โดยศูนย์ดังกล่าวยังไม่สามารถรองรับกับจำนวนสมาชิกได้เพียงพอ ทำให้ทางบริษัทฯ จึงต้องการที่ดินใหม่ ซึ่งหากเป็นไปได้ ถ้าได้เนื้อที่ประมาณ20 ไร่ น่าที่จะสามารถรองรับสมาชิกที่กำลังจะขยายเพิ่มมากขึ้นในอนาคตได้อย่างแน่นอน
“เป้าหมายของบริษัทฯ ที่จะทำนับจากนี้ คือ การเจาะตลาดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมากขึ้น รวมไปถึงศูนย์ฯ แห่งใหม่นี้ จะเป็นแหล่งจำหน่ายสินค้าในภูมิภาคนี้ทั้งหมด ซึ่งมั่นใจว่ายอดขายจะเกิน 50% ในปีนี้อย่างแน่นอน พร้อมกับจะใช้ศูนย์จำหน่ายที่ขอนแก่นเป็นศูนย์กลางของอินโดจีน ที่จะขยายธุรกิจออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านอีกด้วย
ดร.ปพน เผยต่ออีกว่า การที่บริษัทฯ มีเป้าหมายที่จะเพิ่มศูนย์จำหน่ายสินค้าให้มากขึ้นนั้น ส่วนหนึ่งเพื่อต้องการรองรับการเปิดเสรีในอาเซียนในปี 2558 ในด้านการผลิต เนื่องจากปัจจุบันบริษัทฯมีกำลังการผลิตของโรงงานอยู่ที่ 4 – 5 แสนขวดต่อเดือน แต่การผลิตขายทั่วประเทศอยู่ที่ 2 แสนขวดต่อเดือน ซึ่งบริษัทฯ เชื่อมั่นว่าหากมีการเปิดเสรีแล้ว น่าที่จะสามารถรองรับการผลิตได้อย่างเพียงพอด้วยเช่นกัน
“วันนี้บริษัทฯ ได้มีการจ้างคนเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ในการคำนวณอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เพื่อให้มีความเท่าเทียมกันแล้ว เช่น เงินกีบ ของลาวจะมีการปรับอัตราแลกเปลี่ยนให้ขายในราคาเดียวกันทั้งระบบแต่ต้องรอดูกฎหมายของแต่ละประเทศก่อนว่า จะสามารถเข้าไปขายได้ในรูปแบบไหน ซึ่งบริษัทฯ ได้ใช้งบในการเขียนโปรแกรมนี้อยู่ 2 ล้านบาท คาดว่าในอีก 2 เดือน ข้างหน้า น่าที่จะเริ่มดำเนินการได้ โดยสามารถที่จะเช็คข้อมูลในอินเตอร์เน็ตได้ทันที่เมื่อมีการส่งสินค้าแล้ว”
ดร.ปพน กล่าวทิ้งท้ายว่า ปัจจุบันบริษัทฯ ยังได้มีการเปิดโครงการอาหารกลางวันให้กับนักเรียนที่จังหวัดเชียงราย รวมถึงยังให้ชาวบ้านร่วมกับโรงเรียนปลูกต้นพลูคาวอีกด้วย ซึ่งสาเหตุที่บริษัทฯ ได้ริเริ่มทำโครงการนี้ในจังหวัดเชียงราย เพราะมีโรงงานย่อยอยู่ที่นี่บนเนื้อที่ 140 ไร่ ซึ่งมีการควบคุมมาตรฐานในการปลูก โดยโครงการนี้ได้ทำผ่านมาเป็นเวลา 2 เดือน มีการลงทุนไปถึง 2 แสนบาท ซึ่งในส่วนที่ลงทุนไปนั้น เป็นการซื้อต้นกล้าและปุ๋ย คาดว่าจะเป็นอีกหนึ่งโครงการที่ดีเช่นกัน

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: นสพ.ตลาดวิเคราะห์ ฉบับที่ 314 ประจำวันที่ 16 - 29 กุมภาพันธ์ 2555

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น