ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ถอดรหัสรุกตลาดขายตรง ‘เพียวไลฟ์’ สร้าง ‘เครือข่ายสีขาว’ ...ไต่ฝันฟันกำไร 6,000 ล้าน...!



“เพียวไลฟ์” สามารถสร้างทุกอย่างทำให้ความฝันในวันข้างหน้าเป็นจริงได้ วันนี้เพียวไลฟ์เตรียมเครื่องไม้เครื่องมือเดินหน้าเต็มกำลังกับความสำเร็จที่เรียกว่าต้องกัดฟันสู้ให้ทะลุเป้าถึง 6,000 ล้านในปีนี้ให้ได้ แต่จะสำเร็จอย่างที่หวังหรือไม่…ต้องคอยลุ้นกันให้ดี้ๆ ที่จะแผงฤทธิ์ให้เห็นในปี 2555 นี้แน่นอน!!!...
นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน “ธุรกิจเครือข่ายขายตรง” ได้เติบโตขยายวงกว้าง แตกกิ่งก้านสาขาออกไปหลายร้อยบริษัท ทำให้สนามการแข่งขันในธุรกิจนี้ ดุเดือดเป็นอย่างยิ่ง เพราะแต่ละค่ายต่างต้องการช่วงชิงลูกค้าสมาชิกมาเป็นของตัวเอง...ที่ผ่านมา หลายค่ายต่างพยายามงัดกลยุทธ์ต่างๆ ออกมาเชือดเฉือนกัน เพื่อหวังสร้างธุรกิจให้โดดเด่น ดึงความสนใจของสมาชิกให้เข้ามาสู่ธุรกิจตนเอง ด้วยระบบบริหารการจัดการที่เตรียมไว้อย่างดีเยี่ยม แต่การที่จะไต่ถึงอันดับหนึ่งแห่งวงการธุรกิจขายตรงนั้น “ไม่ใช่เรื่องง่าย”...อย่าว่าแต่ไต่ถึงอันดับหนึ่ง เพียงแค่กัดฟันยืนอยู่บนสมรภูมินี้ ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย หากฐานที่มั่นนั้นไมมั่นคงพอ...!!!
ส่วนบริษัทที่ต้องการยืนหยัดอยู่บนสมรภูมินี้ ก็ต้องชูศักยภาพของตนให้ก้าวกระโดดสู่ความสำเร็จ ด้วยการใช้สินค้าที่มีคุณภาพเป็นตัวนำ เร่งขยับขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงวางแผนงาน การบริหารจัดการที่เป็นระบบ เพื่อให้โลดแล่นในแวดวงธุรกิจเครือข่ายจวบจนถึงปัจจุบัน แม้อาจจะเกิดอุปสรรคกับวิกฤติต่างๆ แต่ถ้ามีฐานที่มั่นคงแล้ว เส้นทางที่เดินกับอุดมการณ์ที่ตั้งงบไว้ไม่สูญเปล่าแน่นอน…
เช่นเดียวกับ “บริษัท เพียวไลฟ์ จำกัด” ณ ชั่วโมงนี้เรียกได้ว่า กำลังบ่มเพาะ “ยุทธศาสตร์มาเหนือเมฆ” หวังที่จะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในวงการขายตรงให้ทุกคนได้ประจักษ์ต่อสายตา...เชื่อว่าหลายท่านในที่นี่ คงสงสัยกันว่า “เพียวไลฟ์” มาจากไหน ซึ่งต้องบอกว่า “เพียวไลฟ์” คือหนึ่งในธุรกิจขายตรงที่ดำเนินธุรกิจ โดยมีวัตถุประสงค์ที่ว่ามุ่งเน้นที่จะสร้างความมั่นคงให้กับสมาชิก โดยมีทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี ที่นำทัพโดย “ชญาณิศวร์ ชินรัชตะเศรษฐ์” ดำรงตำแหน่งประธานบริหาร และ “กันตพัฒน์ กฤษศิรินพรัตน์” ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหารจากที่ “ชญาณิศวร์ ชินรัชตะเศรษฐ์” บอสหญิงแห่งบริษัท เพียวไลฟ์ ได้เริ่มเข้ามาสู่ธุรกิจขายตรงตั้งแต่อายุ 16 ปี เรียกได้ว่า ณ เวลานี้ ประสบการณ์ที่ได้สั่งสมมา น่าที่จะสามารถช่วยขับเคลื่อนธุรกิจเพียวไลฟ์ให้เดินไปข้างหน้าได้อย่างแน่นอน ที่สำคัญ การทำธุรกิจที่เพียวไลฟ์นั้น จะสอนสมาชิกทุกคนว่า ควรที่จะต้องมีการบริหารเงินให้เป็น ต้องมีคุณธรรมในการนำเสนอขายสินค้า ยึดหลักความจริงใจเป็นหลัก
ด้วยประสบการณ์จากความเข้าใจในธุรกิจเครือข่ายมากว่า 10 ปี จึงออกแบบแผนการตลาดที่สามารถตอบสนองความต้องการของทุกคนได้อย่างแท้จริง “เพียวไลฟ์” ก้าวเข้าสู่ปีที่ 7 มีผลิตภัณฑ์คุณภาพได้รับการรับรองจากสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค มีโรงงานผลิตเองที่ได้รับมาตรฐาน GMP ISO ถือว่าเป็นบริษัทคนไทยที่เปิดโอกาสให้เป็นเจ้าของอย่างแท้จริงกับจุดประสงค์หลักของการทำธุรกิจเพียวไลฟ์ คือ “ต้องการหาสินค้าที่ไม่แพงให้ผู้บริโภคได้ใช้ มีแผนการตลาดที่ทำง่ายจ่ายได้จริง” ที่สำคัญ และประสบการณ์ในธุรกิจขายตรงที่ผู้บริหารได้สั่งสมมา ภายใต้ปรัชญาในการทำงานของเพียวไลฟ์ที่ว่าเราสร้างกระแสและไม่สร้าง อยู่บนพื้นฐานของธุรกิจขายตรงทั่วไป ตามหลักความเป็นจริงซึ่งนี่คือเสียงของ “กุนซือ” ฝีมือดีนามว่า “ชญาณิศวร์ ชินรัชตะเศรษฐ์” ผู้ที่จะมาสร้างความยิ่งใหญ่ และความเกรียงไกรให้กับธุรกิจ “เพียวไลฟ์” เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่น่าจับตามองอยู่ในปีนี้ เพราะมีสินค้าที่เป็นตัวขับเคลื่อน สิ่งที่สำคัญ คือ อุดมการณ์ที่ผู้บริหารได้วางไว้กับความพร้อมรอบด้านที่มามอบให้กับสมาชิก ด้วยการเปิดสำนักงานแห่งใหม่เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2554 ปีที่ผ่านมา ที่รัชดาภิเษก ซอย 18 เพื่อสร้างฐานความมั่นคงทางธุรกิจ และยังเป็นการเปิดโอกาสให้กับผู้ที่สนใจมาร่วมดำเนินธุรกิจแบบไม่ลังเล เป็นอาคารใหญ่ 7 ชั้น แบ่งสัดส่วนได้อย่างชัดเจน ที่ถือเป็นบ้านหลังที่ 2 ให้กับสมาชิกได้มาสัมผัสและพักผ่อนกับการต้อนรับที่อบอุ่นจาก“เพียวไลฟ์”
ด้วยตัวของผลิตภัณฑ์ที่เป็นแรงขับเคลื่อนชั้นดี ทำให้ “เพียวไลฟ์” นั้นไม่กังวล กลับมีผลตอบรับมาอย่างอุ่นหนาฝาคั่งกับตัวสินค้าที่ถูกคัดสรรจากผู้บริหารเองทุกตัว ทั้งเรื่องคุณภาพที่ทดลองใช้เองจนแน่ใจว่าปลอดภัยต่อผู้บริโภค รวมถึงเรื่องราคาก็ไม่ต้องกังวล ซึ่งมีทั้งหมด 30 กว่ารายการ กับหมวดทำความสะอาด หมวดบำรุงผิว และอาหารเสริม “เรียกได้ว่าสินค้าของเพียวไลฟ์ทุกตัวราคาไม่แพง คุณภาพหลักพันแต่ราคาหลักร้อยเท่านั้น” จากวิกฤตินํ้าท่วมที่ผ่านมา “เพียวไลฟ์” ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เพราะสินค้าไม่ได้ตียอด ตีกระแส ไม่ได้สร้างภาพแต่เกิดจากฐานการบริโภคอย่างแท้จริง จึงส่งผลให้มียอดการสั่งซื้อแบบถล่มทลายจากสินค้าหลายตัว ด้วยแบรนด์ที่โดดเด่นและสินค้ามีคุณภาพ จึงเป็นเรื่องที่ไม่ยากที่เป็นธุรกิจเครือข่ายขายตรงอันดับต้นๆ ที่มีชื่อเสียง
ทางด้าน “กันตพัฒน์ กฤษศิรินพรัตน์” ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เพียวไลฟ์ จำกัด ได้เปิดเผยกับ “ตลาดวิเคราะห์” ว่า โดยส่วนตัวแล้วจบการศึกษาทางด้านครอสติ้งแอนด์ เคาซิ่ง สาขาบัญชีต้นทุน จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและได้ศึกษาการทำธุรกิจเครือข่ายเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา เล็งเห็นว่าน่าจะเป็นธุรกิจที่สามารถช่วยเหลือคนให้ประสบความสำเร็จได้ จึงเกิดแนวคิดการเฟ้นหาสินค้าที่มีคุณภาพ แผนการตลาดที่ทำง่ายประสบผลสำเร็จเร็ว เพราะจากที่ศึกษามาหลายคนที่เข้ามาทำธุรกิจ “เหมือนฝันที่ไม่เป็นจริง” แต่สำหรับ“เพียวไลฟ์” นั้นสามารถทำให้คุณได้…
ถือว่าความตั้งใจและความมุ่งมั่นของ “เพียวไลฟ์” นั้น มีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม โชว์ฝีไม้ลายมือด้วยระยะเวลาเพียง 3 ปี ได้คัดสรรหาผลิตภัณฑ์ที่ดีมีคุณภาพ ราคาไม่แพง สมเหตุสมผล และแผนการตลาดที่ทำง่าย ส่งผลให้ในเดือนแรกมีรายได้ถึง 9 แสนบาท และได้ขยับขยายการเติบโตเดินหน้าไปอย่างไม่หยุดยั้งทำให้ใน 3 ปีแรกมีรายได้รวม 2 ล้านบาท จนเป็นที่ยอมรับของกลุ่มผู้บริโภค และความก้าวหน้าก็เกิดขึ้นในระยะเวลาอันสั้น “เพียวไลฟ์” ได้ดำเนินงานเปิดบริษัทใหม่ย่านรัชดาภิเษก ซึ่งข้อได้เปรียบอีกอย่างหนึ่ง คือ มีโรงงานผลิตเองอยู่ที่จังหวัดนครปฐม ที่ได้รับมาตรฐาน GMP ISO เรียกว่าเป็นเครื่องยืนยันการันตีได้เลยว่าสินค้านั้นมีคุณภาพเห็นผลจริง และใช้วัตถุดิบที่มีราคาแพง จนหลายคนทึ่ง!!!
จากบทพิสูจน์ที่เกิดขึ้น มันเหมือนกับการระดมทุน ตลาดธุรกิจเครือข่ายที่แท้จริง คือ ต้องจับตลาดผู้บริโภค พร้อมโครงสร้างของแผนที่ได้วางกลยุทธ์ไว้ไม่ว่าจะเป็น นักขายนักบริหาร ก็สามารถสำเร็จได้ และด้วยการรักษายอดจากการทำธุรกิจไม่ถึง 1,000 บาท กับแผนง่ายๆ ที่ได้ตั้งปณิธาณว่า “ถ้ามีคุณมีองค์กรหลักพัน รายได้คุณหลักแสน แต่ถ้ามีองค์กรหลักหมื่น รายได้คุณก็หลักล้าน” นี่คือสิ่งที่อยากมอบให้กับสมาชิกที่ทำธุรกิจกับ “เพียวไลฟ์” ด้วยระบบการฝึกอบรมของ “เพียวไลฟ์” จุดฉนวนผู้นำ วิทยากร มาสอนให้ความรู้ในการทำเวิร์คช็อป การเทรนนิ่ง รวมถึงทางด้านเทคโนโลยีมาอำนวยความสะดวกกับสมาชิกให้ทำ งานง่ายขึ้นด้วยการทุ่มทุนสร้างระบบออนไลท์ ทั้งเรื่องการซื้อขาย การสมัครออนไลท์ ให้สมาชิกสามารถทำงานได้ 24 ชั่วโมง บนพื้ของจริงๆ อย่าไปขายแต่ภาพ” และพร้อมแล้ว แผนงานที่จะขยับขยายออกสู่ต่างประเทศก็ได้เริ่มขึ้น เห็เซ็นเตอร์ที่ประเทศสิงคโปร์ และมีแผนจะขยายฐานไปยังประเทศญี่ปุ่นอีกหลายเซ็นเตอร์ ถือว่าเป็นการตอกยํ้าความสำเร็จของบริษัทแถวหน้าที่มาแรงในขณะนี้ เรียกว่าบนเส้นทางเศรษฐีนี้ไม่มีใครยอมใครจริงๆ หวังจะช่วงชิงความเป็นหนึ่งอยู่ตลอดเวลา
กับการเดินทางของ “เพียวไลฟ์” ที่ไม่ใช่เพียงแค่ 7 ปี แต่ด้วยประสบการณ์ที่สะสมมา 10 กว่าปี กับรากฐานที่สร้างไว้แน่นหนาไม่สามารถโค่นล้มได้ “คือทุกคนไม่ต้องสร้างถนน...ถนนนี้สร้างเสร็จแล้ว เพียงแต่มาร่วมเดินบนถนนกับเพียวไลฟ์ และเดินแบบมีคุณธรรม” นี่คือสิ่งที่ยึดมั่นตลอดมา กับสินค้าที่สัมผัสได้จริง แผนการตลาดสัมผัสได้จริง ระบบสัมผัสได้จริง ให้ทุกคนได้ขานรับในความง่ายของเพียวไลฟ์ที่ทำให้ใครหลายคนประสบความสำเร็จได้จนทุกวันนี้
สำหรับเป้าหมาย ความสำเร็จในปี 2555 นี้ ยังคงเดินเครื่องเต็มพิกัดมุ่งสู่การพัฒนาคน พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ลํ้าหน้ากับสินค้าที่สั่งตรงจากต่างประเทศ ภายใต้เทคโนโลยีระบบออนไลน์ให้สมาชิกทำงานง่าย นำทีมด้วยหัวใจ หลักของงานเครือข่าย คือ เคลื่อนทั้งคนและเคลื่อนทั้งของ ซึ่งจะสามารถสร้างฐานตลาดใหม่ทั้งในประเทศและต่างประเทศได้ เพื่อหวังสู่ผลกำไรอันงดงามที่ตั้งเป้าไว้ถึง 6,000 ล้านบาท และจุดประสงค์อีกอย่าง คือสร้าง “เครือข่ายสีขาว” ให้เห็นภาพที่สว่างจริงๆ ไม่ใช่แค่เปลือกนอกของธุรกิจนี้...!!!
…การขับเคลื่อนธุรกิจ สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้คือ “ขุนศึกขุนพล” ที่จะนำพาองค์กรก้าวไปสู่ความสำเร็จพร้อมกัน และ “เพียวไลฟ์” ก็มีเหล่าบรรดาทัพหน้า ที่มีความพร้อมมาช่วยเติมเต็มให้บริษัทก้าวไปสู่เส้นทางข้างหน้าเช่นเดียวกัน...และขุนศึกท่านแรกที่เราจะนำเสนอท่านแรกคือ “พิธา ภรณ์ศิริเวช” กรรมการบริหาร บริษัท เพียวไลฟ์ จำกัด นักธุรกิจที่จบปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจ จากประเทศอเมริกา ซึ่งเส้นทางชีวิตของ “พิธา” ก่อนที่จะเข้ามาร่วมหัวจมท้ายกับ “เพียวไลฟ์” เขาเคยทำธุรกิจส่วนตัวมาก่อน แต่สุดท้ายก็เสียหายหลายร้อยล้าน จากที่เป็นหนุ่มจบใหม่ร้อนวิชาอยากทำธุรกิจ เริ่มเปิดบริษัทน้ำมัน มีทั้งคลังน้ำมัน ปั๊มน้ำมัน และการขนส่งน้ำมัน จากเดิมที่มีแห่งเดียว มีรถ 8 คัน พอธุรกิจเริ่มเห็นผลกำไรก็ได้ขยายฐานออกเป็น 3 แห่ง และด้วยแรงเหวี่ยงของเศรษฐกิจในขณะนั้น “พิธา” ได้คิดเริ่มสร้างบ้านถึง 2 โครงการ ณ เวลานั้นก็ได้ผลกำไรดีพอสมควร แต่ถึงปี 2540 กลับโดนพิษเศรษฐกิจเล่นงานเข้าอย่างจังจนเสียหายกว่า 180 ล้านบาท จนต้องปิดกิจการในปี 2545-2546 พร้อมหนี้สินกว่า 600 ล้านบาท
ประสบการณ์ครั้งรุนแรงที่เกิดขึ้นในช่วงอายุยังน้อยจึงเกิดความสงสัยถึงว่าทำไม 90% ระดับเศรษฐีอายุน้อยลงเรื่อยๆ จึงได้ศึกษาและค้นพบว่าคนที่ประสบความสำเร็จนั้นล้วนแล้วมาจากการทำธุรกิจเครือข่ายแทบทั้งสิ้น จึงเริ่มมองเห็นทางสว่างและพลิกผันตัวเองทุ่มให้กับธุรกิจขายตรงและเปิดใจยอมรับอย่างเต็มตัว กับ “บริษัทเพียวไลฟ์” ถือเป็นบ้านหลังแรกที่ได้ปูพรมไว้รองรับสมาชิกเรียบร้อยแล้ว ทั้งเรื่องสินค้า นโยบาย และความสามารถของผู้บริหาร เรียกว่า 3 อย่างที่กล่าวมาเพียวไลฟ์มีเกิน 100% จากที่ไม่เคยทำธุรกิจเครือข่ายมาก่อน “พิธา” เชื่อมั่นว่าเป็นแห่งแรก และจะเป็นแห่งสุดท้ายที่เลือก
ณ ปัจจุบัน “เพียวไลฟ์” มีโรงงานเอง มีฐานสมาชิกกว่าหลายหมื่นคน มีสำนักงานแห่งใหม่ที่รัชดาภิเษก รวมถึงการขยายตลาดไปทั่วทุกภูมิภาค ทำให้เชื่อมั่นในความมั่นคงกับเพียวไลฟ์ที่จะเติบโตไปข้างหน้า เหมือนที่คนจีนกล่าวไว้ว่า “ถ้าไม่มีอะไร แล้วจะทำอะไร ก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น” และนี่คือโอกาสที่ดีที่สุด กับบริษัทที่ดีที่สุด ในช่วงเวลานี้ที่ “พิธา”เลือก…!!!
จากขุนศึกหันมาดูขุนพล ที่เพิ่งตัดสินสินใจ ก้าวเข้ามาสู่ชายคาแห่งนี้หมาดๆ อย่าง “บิ๊กป๋วย ใจไทย” นักเขียนชื่อดังแห่งวงการธุรกิจเครือข่ายที่สัมผัสกับธุรกิจนี้มานับ 10 ปี เขียนหนังสือมากว่า 60 เล่ม หรือที่เรียกกันว่า “โกสไลเตอร์” ผู้เรียบเรียงอันดับหนึ่งของประเทศไทย จากที่เขียนมาหลากหลายบริษัท กับคำถามที่ได้ยินกันบ่อยๆ ว่าทำตรงนี้รวยจริงไหม
ซึ่งโชคดีที่ได้คลุกคลีกับผู้นำและย้อนกลับไปดูเรื่องต้นทุนกำไรกับหลายคำพูดในธุรกิจเครือข่าย คือ “ลงทุนหลักหมื่น..รายได้เดือนละล้าน” หรือ “ธุรกิจเครือข่ายมีแต่ความสุข ไม่มีความเสี่ยง” แต่การเริ่มต้นนั้นย่อมเห็นทางสู่ความสำเร็จเสมอหลังจากที่ “บิ๊กป๋วย” ได้พิจารณาเลือก “เพียวไลฟ์” เป็นอันดับต้นๆ และลองมาใช้ผลิตภัณฑ์อยู่หลายเดือน วันเวลาผ่านไปการสัมผัส จึงเกิดความมั่นใจ ว่า ที่นี่คือเข็มทิศสู่ความเป็นจริงกับมาตรฐานของบริษัทที่เหนือกว่า คู่แข่ง ทั้งมีโรงงานผลิตเองผู้บริหารมีคุณธรรม แผนงานดี และคุณภาพของสินค้าเชื่อว่าประสบความสำเร็จแน่นอน เพราะทุกวันนี้ธุรกิจเครือข่าย สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตจากคนที่มาจากศูนย์ให้มีความมั่นคงได้
หลายคนเริ่มจากศูนย์ แต่ค่าย “เพียวไลฟ์” สามารถสร้างทุกอย่างทำให้ความฝันในวันข้างหน้าเป็นจริงได้ วันนี้เพียวไลฟ์เตรียมเครื่องไม้เครื่องมือเดินหน้าเต็มกำลังกับความสำเร็จที่เรียกว่าต้องกัดฟันสู้ให้ทะลุเป้าถึง 6,000 ล้าน ในปีนี้ให้ได้ แต่จะสำเร็จอย่างที่หวังหรือไม่ ต้องคอยลุ้น ...กันให้ดีๆ ที่จะแผลงฤทธิ์ให้เห็นในปี 2555 นี้แน่นอน !!!

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: นสพ.ตลาดวิเคราะห์ ฉบับที่ 314 ประจำวันที่ 16 - 29 กุมภาพันธ์ 2555

1 ความคิดเห็น: