ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันเสาร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

‘ศรีไทย’ วางทุนเพิ่มไลน์ผลิตเน้นจ้างต่างด้าวหลังแรงงานไทยเมิน

“ศรีไทยซุปเปอร์แวร์” พลาดเป้าปี 54 จิ๊บๆแค่ 5 ล้านบาท วางงบลงทุนปีมังกร 1 พันล้านบาท ขยายไลน์ผลิตกลุ่มพลาสติกเป็นหลักพร้อม เจียดงบใส่ “เอสเนเจอร์” ปั้นแบรนด์ แอบบ่นแรงงานไทยเมิน หันจ้างต่างด้าวเพิ่ม มองเวียดนาม เป็นฐานการผลิตใหม่ ตอกย้ำความเป็นเจ้าแห่งสินค้าเมลามีน

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการ บริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานของบริษัทในปี 2555 ว่า “สิ่งสำคัญประการแรก ที่ศรีไทยฯจะต้องรีบดำเนินการภายในปีนี้ คือ นโยบายการปรับลดกำลังการผลิตสินค้าจำพวกชิ้นส่วนรถยนต์และชิ้นส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้า เนื่องจากการผลิตชิ้นส่วนเหล่านี้ ส่วนใหญ่ใช้เครื่องจักรขนาดเล็ก และใช้แรงงานจำนวนมาก ซึ่งต่อไปค่าแรงน่าจะเริ่มสูง ขึ้น ฉะนั้นศรีไทยซึ่งเป็นบริษัทใหญ่สำหรับอุตสาหกรรมผลิตพลาสติก คงต้องลดกำลังการผลิต และกำลังแรงงานลง โดยจากปี 2554 ที่ยอดขายในกลุ่มนี้อยู่ที่ 650 ล้านบาท ดังนั้นปี 55 บริษัทจะลดการผลิตลงครึ่งหนึ่ง และในปี 2556 จะหยุดการผลิตชิ้นส่วนเหล่านี้โดยสิ้นเชิง”

ทั้งนี้ บริษัทศรีไทยฯ จะหันมาเน้นการผลิตเกี่ยวกับภาชนะบรรจุอาหารและเครื่องดื่ม เช่น กล่องบรรจุอาหารของบริษัท ซีพี ซึ่งขณะนี้กำลังเริ่มการผลิตอย่างเต็มที่ ขณะเดียวกันสินค้าในกลุ่มขวด pet บรรจุน้ำ หรือน้ำอัดลม บริษัทก็เร่งเตรียมการในการขยาย การผลิตสินค้าจำพวกพรีฟอร์มเป่าขวด และฝาปิดขวด โดยเฉพาะการผลิตฝาปิดขวด รูปลักษณ์ใหม่ให้กับบริษัทไทยน้ำทิพย์ ซึ่งจะเป็นฝาที่มีลักษณะบาง แต่สามารถลดกำลังการผลิตช่วยประหยัดพลังงาน และรักษาสิ่งแวดล้อม

นายสนั่นเปิดเผยต่อว่า “นอกจากนี้ บริษัทก็กำลังมีนโยบายในการขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ประเภทถังบรรจุสีทาบ้าน และถังบรรจุผงซักฟอก ซึ่งถือเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ ใหม่ที่บริษัทไม่เคยผลิตมาก่อน จุดนี้ตนมองว่าอาจเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ทำให้ศรีไทยฯ สามารถขยายกำลังการผลิตได้โดยง่าย”

“ฉะนั้นโดยภาพรวมปีนี้ บริษัทน่าจะมีการลงทุนเพิ่มขึ้นในประเทศ ประมาณ 1 พันล้านบาท จากตอนแรกที่ตั้งไว้ 860 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นการลงทุนในผลิตภัณฑ์ เมลามีน 100 ล้านบาท, พลาสติก 600 ล้านบาท และส่วนที่เหลือจะลงทุนในบริษัทลูก เช่น เอสเนเจอร์ และอาจรวมถึงการลงทุนในต่างประเทศด้วย”

ซึ่งนโยบายการดำเนินงานในต่างประเทศนั้น นายสนั่นกล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 38 ปีที่ผ่านมา กล่าวได้ว่า direct sale ในผลิตภัณฑ์เมลามีนของศรีไทยฯไม่เคยส่งออกต่างประเทศ บริษัทเติบโตภายในประเทศเท่านั้น ดังนั้นภายในปีนี้บริษัทศรีไทยฯ จึงคาดว่าจะมีการเปิดตัวในประเทศลาวและพม่า ซึ่งทั้งสองประเทศจะดำเนินการจัด สร้างโรงงานการผลิตด้วย คือในประเทศลาว บริษัทวางนโยบายไว้ว่าจะเปิดเป็นโรงงานเล็กๆ เพื่อผลิตพลาสติก โดยเฉพาะตัวพรีฟอร์มเพื่อเป่าขวด ให้กับโรงงานน้ำดื่มและโรงงานน้ำอัดลมในประเทศลาว ส่วนประเทศพม่า ซึ่งถือเป็นอีกประเทศหนึ่ง ที่น่าสนใจในการจัดสร้างโรงงานผลิตเมลามีน เนื่องจากพม่ามีแรงงานเป็นจำนวนมาก และราคาถูก และนอกจากนี้ ยังเป็นฐานพื้นที่เชื่อมต่อในการส่งออกไปสู่ตลาดโลกด้วย

นอกจากนี้ เกี่ยวกับการจัดตั้งโรงงาน ในต่างประเทศ นายสนั่นเปิดเผยอีกว่า ศรีไทยฯ อาจจะมีการจัดสร้างโรงงานเพิ่ม ในประเทศเวียดนาม เนื่องจากกำลังการผลิตจานชามเมลามีน ในโรงงานใหญ่ทั้งสอง ซึ่งตั้งอยู่ที่โคราชมีอัตราการผลิตเต็ม กำลัง เพราะศรีไทยฯ ถือเป็นเจ้าโลกของผลิตภัณฑ์เมลามีน ดังนั้น แม้การเร่งมากแค่ไหนก็ผลิต ไม่ทันสู่การส่งออก และเหตุผลที่สำคัญอีก ประการ คือ บริษัทหาคนไทยมาร่วมงานยากมาก โดยจะเห็นได้ว่าขณะนี้โรงงานของศรีไทยฯ ในโคราช ต้องจ้างแรงงานพม่าถึงประมาณ 700 คน กัมพูชาอีก 600 คน ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ยังไม่เพียงพอ ดังนั้นบริษัทจึงมีกลยุทธ์เพิ่มกำลังการผลิตในเวียดนาม โดยจะมีการเพิ่มเครื่องจักรกลจาก ที่มีอยู่เดิมประมาณ 20 เครื่องเป็น 40 เครื่อง

ทั้งนี้บริษัทศรีไทยฯ ก็มีแผนที่จะขยายการลงทุนเพิ่มเติมในประเทศเวียดนาม คือ นอกจากที่บริษัทผลิตสินค้าพลาสติก และเมลามีนแล้ว ปีนี้บริษัทวางแผนไว้ว่า จะเตรียมการผลิตสินค้าในกลุ่มพรีฟอร์มสำหรับการเป่าขวดและตัวฝาปิดขวด ซึ่งจะต้องใช้งบลงทุนประมาณ 300 ล้านบาท โดยการขยายงานเพิ่มในประเทศเวียดนาม บริษัทไม่กังวลในเรื่องของยอดขายมากนัก เนื่องจากศรีไทยฯ ได้ร่างสัญญาร่วมกับบริษัทน้ำอัดลมยักษ์ใหญ่ในโลก โดยทำสัญญาไว้ 3 ปี ซึ่งตนคาดว่าปีหนึ่งบริษัทสามารถทำยอดขายที่เวียดนามได้ประมาณ 600 ล้านบาท

ส่วนตลาดนอกอีกประเทศหนึ่งที่มีความน่าสนใจ โดยศรีไทยฯ เร่งเตรียมการ ที่จะขยายการลงทุน คือ ตลาดประเทศอินเดีย ซึ่งในขณะนี้บริษัทมี sale office ที่ใช้ระบบ direct sale ในประเทศอินเดีย แล้ว 3 แห่ง ปีนี้จึงตั้งเป้าหมายจะเพิ่ม sale office อีกหนึ่งแห่ง เนื่องจากขณะ นี้บริษัทมีคู่แข่งผู้ผลิตเมลามีนรายใหม่เพิ่มขึ้นอีกสองราย และศรีไทยฯ มีความเสียเปรียบบริษัทเหล่านั้น เนื่องจากการนำเข้า เมลา-มีนไปประเทศอินเดีย ต้องเสีย ภาษีนำเข้าถึง 28% และยังต้องเสียค่าใช้จ่ายอื่นๆ ในการขนส่งอีก ดังนั้นบริษัทจึงคาดหวังว่าในเร็วๆ นี้ประเทศ ไทยจะได้รับการปรับลดภาษีนำเข้าจากรัฐบาลอินเดีย

ดังนั้น โดยสรุปจากแผนการดำเนิน งานทั้งหมดของบริษัทในปีนี้ ศรีไทยฯ ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 7,800 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นศรีไทยซุปเปอร์แวร์ 7,050 ล้าน และอีก 750 ล้านบาทเป็นของบริษัทในเครือที่ ศรีไทยฯ ถือหุ้น 100%
ซึ่งนายสนั่นกล่าวถึงเป้าหมายยอดขายดังกล่าวว่า “ตนมั่นใจว่านโยบายในปี นี้จะทำให้บริษัทบรรลุวัตถุประสงค์ต่างๆ โดยเฉพาะยอดขายซึ่งจะเห็นได้จากปีที่แล้วที่บริษัทตั้งเป้าไว้ 6,700 ล้านบาท แม้ ในช่วงกลางเดือนตุลาคมถึงปลายเดือนพฤศจิกายน บริษัทจะได้รับผลกระทบจาก ภาวะน้ำท่วม แต่เมื่อถึงเดือนธันวาคมทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิม ทำให้สิ้นปีศรีไทยฯ สามารถปิดยอดการขายได้ที่ 6,695 ล้านบาท พลาดเป้าไปเพียง 5 ล้านบาทเท่านั้น”

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: นสพ. สยามธุรกิจ ฉบับที่ 1271 ประจำวันที่ 1-2-2012 ถึง 3-2-2012

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น