ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันเสาร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

อนาคตขายตรง ลูกค้าเปลี่ยนยุคสื่อออนไลน์เตรียมบูม!



ด้วยเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมของโลกมนุษย์ในทุกวันนี้ นับว่าก้าวไกลไป อย่างมาก เมื่อเทียบกับช่วงประมาณ 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งคงปฏิเสธไม่ได้ที่เราจะต้องเดินตาม หรือบางครั้ง ที่จะต้องวิ่งตามความทันสมัยที่รุดหน้าไปไกล ไม่ต่างจากโลกธุรกิจที่ต้องการ กำไรจากการประกอบการธุรกิจสิ่งใดๆ ก็ตาม ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่ธุรกิจจะวิ่งตาม ความทันสมัยของมนุษย์ ซึ่งเป็นผู้บริโภค

ธุรกิจขายตรงในทุกวันนี้ นับว่ามีการเปลี่ยนแปลงขึ้นเป็นอย่างยิ่ง ทั้งเรื่องแผนการตลาด แผนการดึงคน อีกทั้ง ยังมีแผนการตลาดในการสร้างเครือข่าย ผู้บริโภค ซึ่งต่อไปในอีกไม่นาน สื่อออนไลน์จะมีความสำคัญมากขึ้นในธุรกิจขายตรง เนื่องจากผู้บริโภคส่วนใหญ่เริ่ม ใช้สื่อออนไลน์ในการรับทราบข่าวสาร และใช้ในการสื่อสารกันมากยิ่งขึ้น

โดยจากข้อมูลของหลายสำนักชี้ให้เห็นว่า ปัจจุบัน ผู้บริโภคมีการเสพข่าว สารผ่านโลกออนไลน์ ทั้งอินเตอร์เน็ต และ โซเชียลเน็ตเวิร์กกันมากขึ้น ซึ่งในส่วนของ ประเทศไทยพบว่า ปัจจุบัน มีคนไทยที่เป็น สมาชิกของสื่อโซเชียลชื่อดังอย่าง เฟซบุ๊กถึง 13 ล้านคน จากประชากรทั้งหมดกว่า 65 ล้านคนในปัจจุบัน และหากมองไปที่การเพิ่มขึ้นของจำนวนสมาชิกในสื่อ โซเชียลชนิดนี้ พบว่า ทุก 6 เดือน จะมีผู้คนทั่วโลกหลั่งไหลเข้ามาเป็นสมาชิกกว่า 3 ล้านคน และแน่นอนสิ่งที่เกิดขึ้นยังไม่ใช่ ที่สุด เพราะตัวเลขที่กล่าวมา คือ ตัวเลขช่วงต้นของความรุดหน้าที่เกิดขึ้น

จากข้อมูลการรับข่าวสารผ่านโลกออนไลน์ สถิติอีกอย่างหนึ่งที่เป็นเรื่องน่าตกใจก็คือ ปัจจุบันคนส่วนใหญ่มีความเชื่อถือในเรื่องราวข่าวสารความเคลื่อนไหว ต่างๆ จากสื่อออนไลน์ มากกว่าสื่อโทรทัศน์ หรือวิทยุเสียอีกในปัจจุบัน นี่เป็นเหตุผลสำคัญว่า “ขายตรง แห่งโลกอนาคต” ควรที่จะเคลื่อนไปในทิศทางใด

ธุรกิจขายตรงในปัจจุบัน หลายค่าย ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์เล็ก กลาง หรือว่าแบรนด์ขนาดใหญ่ เริ่มหันมาจับกลุ่มลูกค้า ระดับ Gen Y กันมากขึ้น ซึ่งกลุ่มลูกค้ากลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มนักศึกษา รวมถึงกลุ่มแรงงานที่เพิ่งจบการศึกษา และเริ่มมีการ หารายได้ และเดินทางเข้าสู่โลกแรงงาน

ในข้อมูลที่สอดคล้อง กลุ่มคนเหล่านี้ เป็นกลุ่มที่นิยมการใช้สื่อออนไลน์มากที่สุด อีกทั้งความต้องการยังมีมากที่สุด แต่ในทาง กลับกัน รายได้ที่เข้ามากลับมีน้อยที่สุด ทำให้ การหารายได้เสริมเป็นเรื่องที่ทำให้คนกลุ่มนี้ต้อง คิดถึงธุรกิจขายตรงนับเป็นธุรกิจรายได้เสริม ที่ดีที่จะทำให้คนกลุ่มนี้มีรายได้อย่างที่ต้องการ

นอกจากเรื่องของเทรนด์ลูกค้าที่จะเปลี่ยนไปแล้ว ยังมีเรื่องของตัวเลขการเติบโต ของธุรกิจขายตรงระดับโลก และระดับประเทศด้วย โดยจากตัวเลขสถิติการเติบโต ของธุรกิจขายตรงทั่วโลกนับว่า เป็นตัวเลข ที่ดีขึ้นมาก เมื่อเทียบปีต่อปี โดยตั้งแต่ปี 2001 ธุรกิจขายตรงมีจำนวนมูลค่าการตลาดรวม อยู่ที่ 78.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเติบโตขึ้น ในอัตรา 5-10 เปอร์เซ็นต์ในแต่ละปี โดยปี 2009 มูลค่าตลาดทั่วโลกอยู่ที่ 117.5 ล้านดอลลาร์ ปี 2010 มูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 132.2 ล้านดอลลาร์ โตขึ้น 5.93% โดยโมเดลชนิดของธุรกิจขายตรงทั่วโลก ในส่วนของจำนวนพบว่า ประมาณ 57% เป็น ระบบขายตรงหลายชั้น หรือ MLM 40% เป็น ระบบขายตรงชั้นเดียว หรือ SLM และอื่นๆ 3% และหากจำแนกเรื่องของมูลค่าตลาด รวมออกมาเป็นพื้นที่ที่มีสัดส่วนในเรื่องของ แชร์ตลาด พบว่า กลุ่มประเทศอเมริกาเหนือ มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 30.70 ล้านดอลลาร์ คิด เป็นสัดส่วน 24% จากมูลค่าตลาดทั่วโลก ลาตินอเมริกา 23.77 ล้านดอลลาร์ สัดส่วน อยู่ที่ 18% ยุโรป/แอฟริกา 22.09 ล้านดอลลาร์ สัดส่วนอยู่ที่ 16% และเอเชีย/แปซิฟิก อยู่ที่ 55.66 ล้านดอลลาร์ สัดส่วนคิดเป็น 42% เมื่อมองดูจากตัวเลขข้างต้น เห็นได้ชัด ว่า ธุรกิจขายตรงของเอเชีย นับว่าเป็นตลาด ที่ใหญ่ที่สุดในโลกปัจจุบัน ส่วนเรื่องของการ เติบโตก็ยังมีได้อีกมาก ทำให้ประเทศแถบเอเชียเป็นประเทศที่หอมหวานสำหรับกลุ่มบริษัทขายตรงทั่วโลกที่ต้องการขยายตลาด

สำหรับธุรกิจขายตรงในประเทศไทย นับตั้งแต่ปี 2008 ตัวเลขมูลค่าตลาดรวมอยู่ ที่ 4.614 หมื่นล้านบาท ปี 2009 ตัวเลขอยู่ ที่ 5.289 หมื่นล้านบาท เติบโตขึ้น 14.24% โดยในปี 2010 มีการขยายตัวเลขว่าขายตรง ในบ้านเราน่าจะมีตัวเลขมูลค่าตลาดรวมอยู่ ที่ 6 หมื่นล้านบาท ซึ่งยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัด แต่อย่างน้อยตัวเลขที่เกิดขึ้น ก็แสดงให้เห็น ถึงความนิยมในธุรกิจที่สูงขึ้นในทุกปีของตลาดในประเทศไทยส่วนในจำนวนของนักธุรกิจอิสระในประเทศพบว่า ไทยมียอดนักธุรกิจในปี 2009 อยู่ที่ 5.6 ล้านคน เติบโตจากเมื่อปี 2004 ประมาณ 17% หรือหากมองให้แคบลง ทุก 12 คนในประเทศไทย จะมีเพียงคนเดียวที่ทำธุรกิจขายตรง แต่เมื่อเทียบกับ เกาหลีใต้ ที่มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 11 ต่อ 1 และไต้หวัน 6 ต่อ 1 นับว่า ตลาดในไทยยังโตได้อีกมากและเมื่อมองมาที่สินค้า ซึ่งธุรกิจขาย ตรงถูกจับรวมสินค้าให้อยู่ในกลุ่มสินค้าปลีก ซึ่งมีมูลค่าการตลาดของสินค้ากลุ่มนี้ที่ 3 ล้าน ล้านบาท แต่เมื่อนำมูลค่าตลาดรวมของธุรกิจ ขายตรงที่มีอยู่ 6 หมื่นล้านบาท เข้าไปแชร์ ส่วนแบ่ง พบว่า ธุรกิจขายตรงมีส่วนแบ่งจากยอดขาย 3 ล้านล้านบาท เพียง 2%

จากตัวเลขที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นตัวเลขที่สะท้อนให้เห็นว่า ธุรกิจขายตรงในบ้านเรา ยังเป็นธุรกิจที่ยังสามารถเติบโตขึ้น ได้อีกมาก หากมองที่ตัวเลขสถิติ และเปรียบ เทียบกับตัวเลขของประเทศอื่นๆ ทำให้มีคำถามว่า “ขายตรงไทย ในอนาคต” จะเป็นอย่างไร และจะทำอย่างไรให้กลุ่มคนเข้า มาในธุรกิจเพิ่มมากขึ้น

โดยแหล่งข่าว ระดับกูรู ทั้งผู้ค้า และ นักขายที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการ ชี้ให้เห็นว่า ธุรกิจขายตรงจะต้องเข้าหากลุ่มลูกค้า Gen Y มากขึ้น อีกทั้งต้องวิ่งตามกระแสโลกที่มีสื่อออนไลน์เป็นสื่อหลักให้ทัน ซึ่งหากใครทำได้ดีกว่า เม็ดเงินมหาศาลที่รออยู่ ย่อมไม่ใช่ของใครอื่น นอกจากบริษัทของท่านเอง

ทั้งนี้ ในช่วงปีที่ผ่านมา รวมถึงปีนี้ มี หลายต่อหลายบริษัท ที่เล็งเห็นถึงความสำคัญในส่วนของความเปลี่ยนแปลงของโลก จึงเริ่มหันมาจับกลยุทธ์ที่ใช้สื่อออนไลน์ ในการหาลูกค้า อีกทั้งยังมีการออกกลยุทธ์ต่างๆ ในการจับลูกค้ารุ่นใหม่เพิ่มมากขึ้น ซึ่ง ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นโลกออนไลน์ หรือลูกค้า กลุ่ม Gen Y นับเป็นเทรนด์ตลาดของธุรกิจ ขายตรงในอนาคต

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: นสพ.สยามธุรกิจ ฉบับที่ 1276 ประจำวันที่ 18-2-2012 ถึง 21-2-2012

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น