ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันเสาร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

J&C รุกหน้าแตกหัก! ห้างค้าปลีกเดิมพัน 400 ล. ตั้ง ‘ซูเปอร์สโตร์’ 6 จังหวัด



J&C หรือ “จอยแอนด์คอยน์” ปฏิบัติการแตกหักห้างค้าปลีก เดินหน้าเนรมิต “จอยมาร์ท” ฟันกำลังทาบห้างค้าปลีกทั่วไป วางทุน 400 ล้านบาท จับ 6 พื้นที่สำคัญตั้ง “ซูเปอร์สโตร์” หมายผูกขาดแบรนด์ขายตรงสะดวกซื้อ พร้อมการขยายเขตการค้าอาเซียน รอรับค้าเสรี ส่วนยอดขายปี 54 ปิดที่ 2 พันล้าน บาท ยอมรับไปไม่ถึงเป้าที่วาง

ก้าวเข้าสู่ปีที่ 11 สำหรับขายตรงสะดวกซื้อหนึ่งเดียวของเมืองไทยอย่างบริษัท จอยแอนด์คอยน์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด โดยการนำทัพของ ดร.สมชาย หัชลีฬหา ประธานบริษัท ซึ่ง ดร.สมชาย เปิด เผยว่า กลยุทธ์หรือแผนการดำเนินงานหลักของบริษัทในปีนี้ จะเน้นการขยายร้าน จอยมาร์ทให้เป็นซูเปอร์สโตร์และศูนย์ประชุม ในพื้นที่เดียวกันซึ่งจะใช้โลโก้ง่ายๆ ว่า J&C โดยปีนี้เตรียมจัดสร้างซูเปอร์สโตร์ ดังกล่าว ใน 6 พื้นที่หลัก คือ หาดใหญ่, พิษณุโลก, ขอนแก่น, ตรัง, นครราชสีมา และแพร่ ซึ่งขณะนี้ได้มีการลงทุนซื้อที่ดินในจังหวัดเหล่านั้นแล้วจำนวนหลายแปลง และคาดว่าแต่ละพื้นที่จะใช้งบลงทุนทั้งหมด ไม่ต่ำกว่า 60-70 ล้านบาท รวมแล้วเป็นเงินประมาณ 400 ล้านบาท

โดย “ดร.สมชาย” เปิดเผยถึงปัจจัยสำคัญในการเลือกลงทุนในพื้นที่ดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจังหวัดตรังหรือแพร่ ซึ่งไม่น่าจะเป็นเมืองศูนย์กลาง หรือศูนย์กระจายสินค้าขนาดใหญ่ของบริษัทได้ ว่า “ตนมองว่าองค์ประกอบหลักของการเลือก ลงทุนในพื้นที่ทั้งหมดที่กล่าวมานั้น ไม่ได้พิจารณาถึงยุทธศาสตร์อื่นใดเลย นอกจาก การพิจารณาว่าในพื้นที่นั้นๆ มีผู้นำตัวจริงที่ พร้อมจะขับเคลื่อน พร้อมที่จะปักหลักร่วมทำธุรกิจกับบริษัทจริงๆ หรือไม่ คือตนไม่ได้ มองว่าในแต่ละพื้นที่ต้องมีจำนวนประชากร เป็นจำนวนมาก เพราะสิ่งสำคัญที่สุดคือเมื่อ เรามีเงินทุน มีสินค้าที่หลากหลาย หากขาด ผู้นำที่พร้อมจะร่วมฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ ไป กับบริษัทแล้ว เราก็จะประสบความสำเร็จได้ ยาก แต่พื้นที่ 6 จังหวัดที่กล่าวมานั้น ถือว่า มีผู้นำที่พร้อมจะขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าว อยู่แล้ว”

นอกจากนี้ ดร.สมชายยังแสดงความ คิดเห็น เกี่ยวกับการจัดสร้างซูเปอร์สโตร์ ว่า “ขายตรงสะดวกซื้อ ณ ขณะนี้ยังไม่มีบริษัทไหนทำ เพราะขายตรงบ้านเราเมื่อจะ เข้าสู่ระบบค้าปลีกอาจมีอุปสรรค หรือไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากบริษัทเหล่านั้น ไม่มีสินค้าที่หลากหลายเกิน 100 รายการ แต่ จอยแอนด์คอยน์ตระหนักถึงจุดนี้ดี เพราะอาจเรียกได้ว่า ปัจจุบันจอยแอนด์คอยน์ถือ เป็นบริษัทอันดับหนึ่งในเรื่องความหลากหลายของสินค้า ดังนั้นจึงถือว่าบริษัทยังไม่ มีคู่แข่งในเรื่องนี้ แต่อย่างไรก็ดี การจะให้สมาชิกดำเนินตามระบบนี้โดยทันทีก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายนัก เพราะในด้านเกี่ยวกับระบบซัพพลาย เช่น ระบบลอจิสติกส์ และระบบซอฟต์แวร์ ก็ยังมีความยุ่งยากอยู่มาก”

อย่างไรก็ดี แม้จะมีปัญหาบ้างในเรื่อง ของระบบดังกล่าว แต่ตนมั่นใจว่าอีกไม่กี่ปีข้างหน้า จอยแอนด์คอยน์จะต้องมีรูปแบบไม่แตกต่างจากห้างสรรพสินค้าดัง เช่น เทสโก้ โลตัส อย่างแน่นอน เนื่องจากที่ผ่านมาเรากำหนดตัวเองให้เป็นคอนวีเนี่ยนสโตร์มาโดยตลอด จากนี้ไปบริษัทจึงแค่มุ่งมั่นที่จะทำ เหมือนที่ได้วางแผนไว้อย่างเต็มกำลัง

ดร.สมชาย ให้เหตุผลถึงการที่จะเปลี่ยนแปลงบริษัทจอยแอนด์คอยน์ให้ใกล้เคียงกับระบบการค้าปลีกมากขึ้นว่า “ตนมองว่า ปัญหาหลักของระบบการขายตรงที่หลายบริษัทตระหนักดี ก็คือ ปัญหาเรื่องลูกค้าไม่บริโภคซ้ำ ซึ่งแม้ขายตรงอาจจะมีการโมติเวตกันด้วยเรื่องของแผน เรื่องของ รายได้ หรือสิ่งจูงใจมากมายก็จริง แต่สิ่งเหล่านั้นตนมองว่าเป็นเรื่องที่ไม่ยั่งยืน คืออาจทำให้กลุ่มคนบางกลุ่มประสบความสำเร็จ แต่คนส่วนใหญ่อาจจะสำเร็จในช่วงระยะเวลาสั้นๆ แล้วก็หายไป”

สำหรับกลยุทธ์ในตลาดต่างประเทศ ผู้บริหารระดับสูง กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทได้มีการเปิดตลาดในประเทศกัมพูชา ซึ่งมียอด ขายเป็นที่น่าพอใจ ส่วนตลาดในประเทศมาเลเซีย ที่บริษัทเคยวางแผนไว้ว่าจะมีการ เปิดสาขานั้น ณ ขณะนี้ยังคงอยู่ในจุดของการดำเนินการ ซึ่งไม่แน่ใจว่าจะเสร็จสิ้นเมื่อ ใด เนื่องจากประเทศมาเลเซียจัดว่ามีระบบ ระเบียบในการดำเนินงานที่เข้มงวดมาก

อย่างไรก็ตาม ในอนาคตเมื่อมีการเปิดเสรีอาเซียน ตนมองว่า น่าจะส่งผลดีในแง่ของการเดินทางเข้าออก ในภาคธุรกิจ เพราะการทำตลาดต่างประเทศจะมีความยากอยู่ที่การขอใบอนุญาต หรือในเรื่องของ ภาษี แต่เมื่อภาษีลด การดำเนินงานต่างๆก็ย่อมสะดวกขึ้น และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ บริษัทดำเนินการในรูปแบบการค้าปลีก เรา ก็สามารถนำสินค้าอะไรไปขายก็ได้

สุดท้ายดร.สมชาย ประธานบริษัทจอยแอนด์คอยน์ กล่าวถึงยอดขายของบริษัทเมื่อปีที่แล้วว่า “บริษัทสามารถปิดยอดขายได้ที่ 2 พันล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้เล็กน้อยเนื่องจากโดนผลกระทบ จากภาวะน้ำท่วม ซึ่งอย่างไรก็ตาม ในปีต่อๆ ไปบริษัทก็คาดหวังว่าจะสามารถเติบโตอย่างน้อยปีละ 30-35% ทุกๆ ปี เพราะหาก พิจารณาถึงอัตราการเติบโตในอุตสาหกรรม ขายตรงโดยภาพรวม พบว่าเติบโตขึ้นปีละ 10% ดังนั้นหากจอยแอนด์คอยน์เติบโตได้ในอัตราดังกล่าวก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดี”

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: นสพ. สยามธุรกิจ ฉบับที่ 1271 ประจำวันที่ 1-2-2012 ถึง 3-2-2012

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น