TDSA หรือ “สมาคมการขายตรงไทย” ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค จัดงานสัมมนา “ขายตรงอย่างมีจรรยาบรรณ มุ่งมั่นสู่คุณภาพ ระดับโลก” หวังสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับกฎหมายขายตรง และจรรยาบรรณการขายตรงโลก เชื่อขายตรงต้องเป็นธุรกิจทางเลือกใหม่แห่งอนาคต พร้อมคาดมูลค่าการตลาดขายตรงไทยโดย ภาพรวมจะเติบโตอีกหลายหมื่นล้านบาท
ปัจจุบันจากการที่หน่วยงานต่างๆเริ่มเข้ามามีบทบาทในการให้ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับธุรกิจขายตรงต่อสาธารณชนอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการ โฆษณา จัดอบรม สัมมนา โดยเฉพาะอย่าง ยิ่งหน่วยงานที่ให้ความรู้นั้นเป็นสถาบันที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเครือข่ายโดยตรง เช่น สมาคมการขายตรงไทย จึงทำให้ขณะนี้แนวโน้มกระแสการต่อต้านระบบการขาย ตรงลดน้อยลง แต่กลับกันทุกคนเริ่มให้ความสนใจ มองเห็นคุณค่า และหันมาเข้า ร่วมธุรกิจนี้เป็นจำนวนมากขึ้น
โดยผลจากการสำรวจมูลค่าตลาดรวมของธุรกิจขายตรงจากสมาคมการขาย ตรงไทย ซึ่งได้รับการเปิดเผยจาก นาย กิจธวัช ฤทธีราวี อุปนายกฝ่ายการศึกษา สมาคมการขายตรงไทย พบว่า มูลค่าตลาดรวมในธุรกิจขายตรงไทยเมื่อปี 2553 มีประมาณ 6 หมื่นล้านบาท เทียบเป็นอัตรา การเติบโตจากปีก่อน ประมาณ 7-8% โดย มีผู้จำหน่ายอิสระหรือสมาชิกที่แอ็กทีฟประมาณกว่า 5.6 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณ 17% ทั้งนี้ยอดธุรกิจดังกล่าว 70% มาจาก 32 บริษัทที่เป็นสมาชิกของสมาคมการขายตรงไทย อีกประมาณ 30% มาจากบริษัทอื่นๆ ในอุตสาหกรรมขายตรง ทั้งหมด
นอกจากนี้ หากมองความยิ่งใหญ่ของ ตลาดขายตรงทั่วโลก พบว่าธุรกิจขายตรง ทั่วโลกมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องประมาณ 6% ต่อปี สูงกว่าระบบการค้าปลีกซึ่งมีอัตราการเติบโตเพียงแค่ 3% ต่อปี และประการสำคัญตลาดในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก มีสัดส่วนของยอดขายสูงที่สุด คือ ประมาณ 42% (ปี 2010) เมื่อเทียบกับตลาดในภูมิภาคอื่นๆ
จากข้อมูลดังกล่าวจึงชี้ให้เห็นว่า ธุรกิจขายตรงเป็นธุรกิจหนึ่งที่น่าจับตามอง อย่างยิ่ง โดยเฉพาะแนวโน้มกระแสโลก ที่มุ่งไปสู่ยุคดิจิตอล ยุคเดลิเวอรี่ ที่ทุกอย่าง ต้องการความสะดวก และรวดเร็ว ซึ่งอาจ ส่งผลให้ในอนาคตผู้บริโภคไม่จำเป็นต้องไปซื้อสินค้าตามร้านค้าด้วยตนเอง แต่กลาย เป็นผู้บริโภค จะรอผู้ขายอยู่ที่บ้านมากขึ้น ดังที่ นายกิจธวัช กล่าวว่า “ธุรกิจขายตรง คือธุรกิจแห่งอนาคต ธุรกิจนี้จะต้องมีบทบาทสำคัญต่อประเทศไทยและประเทศอื่นๆ ทั่วโลกมาก เพราะมูลค่าการ ตลาดมีแนวโน้มที่จะเติบโตสูงขึ้นทุกๆ ปี แม้จะเกิดวิกฤติต่างๆ มากมาย แต่สุดท้าย ธุรกิจขายตรงก็สามารถเป็นเครื่องมือหนึ่ง ในการแก้ไขปัญหาให้กับผู้คนในช่วงวิกฤติ เหล่านั้นได้”
ดังนั้น จากการที่สมาคมการขายตรง ไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกสมาพันธ์การขายตรงโลกที่มีสมาชิกกว่า 60 ประเทศทั่วโลก ได้ก่อตั้งมาเกือบ 3 ทศวรรษแล้ว และปัจจุบันมีสมาชิกรวม 32 บริษัท ในครั้ง นี้สมาคมฯ พร้อม ด้วยคณะกรรมการบริหารสมาคม จึงได้ร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครอง ผู้บริโภค จัดงานสัมมนา “ขายตรงอย่างมีจรรยาบรรณ มุ่งมั่นสู่คุณภาพระดับโลก” ขึ้น เพื่อเป็น การให้ความรู้ และสร้างความเข้าใจที่ ถูกต้องเกี่ยวกับกฎหมายขายตรง และจรรยาบรรณการขายตรงโลก อันจะนำมา ซึ่งการประกอบวิชาชีพขายตรงอย่างมีคุณภาพในระดับสากล เพื่อรองรับกระแส การเปลี่ยนแปลงโลกยุคใหม่ที่จะมีประชาชน หันมาสนใจอาชีพเครือข่ายเพิ่มมากขึ้น ให้ พวกเขาได้เข้าใจ และตระหนักถึงการปฏิบัติตามกฎจรรยาบรรณอย่างเคร่งครัด เพื่อนำพาธุรกิจขายตรงไปสู่ความเจริญเติบโตและก้าวเข้าสู่ระดับขายตรงนานาชาติต่อไป
“สมาคมมีปณิธานหลักในการมุ่งดำรงไว้ซึ่งหน้าที่และความตั้งใจจริงที่พร้อม จะส่งเสริม และพัฒนาธุรกิจขายตรง และ บริษัทสมาชิกของสมาคมให้ยึดมั่นในการปฏิบัติตามจรรยาบรรณการขายตรงโลก เพื่อส่งเสริมการดำเนินธุรกิจของสมาชิกให้เติบโตอย่างมั่นคงและสร้างภาพลักษณ์ที่ ดีให้กับวงการธุรกิจ เพื่อให้ธุรกิจขายตรงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยสร้างงานสร้าง รายได้ และช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตและสังคม”
สำหรับเนื้อหาต่างๆ ในการสัมมนา ครั้งนี้ได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ ดังนี้ นายกิจธวัช ฤทธีราวี อุปนายกฝ่ายการศึกษา นำเสนอเรื่อง “ภาพ รวมของธุรกิจขายตรง” นายณัชภัทร ขาวแก้ว นิติกรปฏิบัติการ สคบ. ให้ความรู้เรื่อง “ขายตรงอย่างไรให้ถูกกฎหมาย” นางสุชาดา ธีรวชิรกุล กรรมการฝ่ายสมาชิกสัมพันธ์ นำเสนอเรื่อง “ขายตรงอย่างมีจรรยาบรรณ ช่วยสร้างสรรค์อาชีพ” และ นางภคพรรณ ลีวุฒินันท์ อุปนายกฝ่ายรัฐสัมพันธ์ ให้ความรู้เรื่อง “มาตรฐานธุรกิจขายตรงระดับโลก” ซึ่งภายในงานสัมมนาครั้งนี้ ได้รับ ความสนใจจากบริษัทสมาชิกการขายตรงไทย ตลอดจนผู้ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ เครือข่ายเข้ารับฟังเป็นจำนวนมาก
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: นสพ.สยามธุรกิจ ฉบับที่ 1276 ประจำวันที่ 18-2-2012 ถึง 21-2-2012
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น