ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

‘แอมเวย์’ ปรับกำลังครั้งใหญ่ตั้งผู้บริหารใหม่ดันตัวเป็นธุรกิจในฝัน



"แอมเวย์" เปิดตัวทีมผู้บริหารใหม่ ผลักดัน 3 กลยุทธ์หลัก แบรนด์แห่งนวัตกรรม, แบรนด์ที่ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์, และแบรนด์แห่งจิตสำนึกเพื่อทุกคนในสังคม เพื่อก้าวสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืน หวังสร้างอาชีพนักธุรกิจแอมเวย์ให้ติด 1 ใน 10 ของอาชีพที่คนไทยอยากเป็นมากที่สุดในปี 2020 บอกยังไม่ทิ้งเป้าหมายใหญ่สิ้นปี 2 หมื่นล้านบาท

เปิดตัวอย่างเป็นทางการสำหรับผู้บริหารแอมเวย์ชุดใหม่ ภายใต้การนำของ "กิจธวิช ฤทธีราวี" ซึ่งนายกิจธวัช ฤทธีราวี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผย ถึงความท้าทายของตนเองที่ได้รับหน้าที่อันยิ่งใหญ่ครั้งนี้ สั้นๆ ง่ายๆว่าทำอย่างไรก็ได้ให้ดีกว่าเดิม เพราะมาตรฐานของแอมเวย์ได้ถูกวางไว้ดีอยู่แล้ว "ตนค่อนข้างมั่นใจว่าด้วยรากฐานที่บริษัทเป็นผู้นำในธุรกิจขายตรง และแอมเวย์ยังได้มีการพัฒนาระบบการจัดการต่าๆ ให้แข็งแกร่งอยู่เสมอ ตนจึงเชื่อว่าธุรกิจนี้จะยังคงไปได้อีกไกลมาก"

ซึ่งแอมเวย์ภายใต้การบริหารงานของนายกิจธวัชนั้นมีทีมผู้บริหารที่จะร่วมผลักดันองค์กรให้ไปสู่เป้าหมายเดียวกันอีก 7 ท่าน ได้แก่ 1.นางรัตนา ชาญนรา ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด 2.นางชุมพฤนท์ ยุระยง ผู้อวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร 3.นางกิตติมา นพทีปกังวาล ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจสัมพันธ์ 4.นางเลไล โสฬรัตนพร ผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน 5.นางบุษปัน วังวิวัฒน์ ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยกรบุคคล 6.นายวรานนท์ คงปฏิมากร ผู้อำนวยการฝ่ายจัดจำหน่าย 7.นายจุมพล ชโยถัมป์ ผู้อำนวยการฝ่ายระบบข้อมูล โดยผู้บริหารทุกท่านจะยึดหลักการบริหารงานเดียวกันคือ "ทุกความสำเร็จพลังใจผลักดัน" (Passion for Succrss)

โดยนายกิจธวัช ได้กล่าวถึงแผนการบริหารงานของทีมผู้บริหารใหม่ว่า “แอมเวย์จะเดินหน้าสร้างนวัตกรรมของแบรนด์ ให้มีพลังและการเติบโตเพื่อครองใจผู้บริโภค คนไทยสูงสุด ขณะเดียวกันยังเน้นการเป็นแบรนด์ที่มอบโอกาสที่ดียิ่งขึ้นให้แก่ผู้คนในสังคม ตามปรัชญาและรากฐานความคิดของ ธุรกิจแอมเวย์ พร้อมมั่นใจด้วย 3 กลยุทธ์หลักของทีมที่ร่วมกันกำหนดขึ้นจะนำธุรกิจไปสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืน และก้าวสู่เป้าหมาย ใหญ่ คือการสร้างอาชีพนักธุรกิจแอมเวย์ให้ อยู่ 1 ใน 10 ของอาชีพที่คนไทยอยากเป็นมากที่สุดในปี 2020 หรืออีก 8 ปีข้างหน้า”

ซึ่งกลยุทธ์หลัก 3 ด้านของทีมผู้บริหาร ใหม่นั้น ได้แก่ 1.แบรนด์แห่งนวัตกรรม (Brand of Innovation) เป็นการเปลี่ยน แปลงชีวิตของผู้ที่เกี่ยวข้องกับบริษัทผ่านนวัตกรรมต่างๆ เพื่อสร้างการรับรู้ว่า แอมเวย์เป็นแบรนด์ที่เกินความคาดหมายของผู้คน ด้วยนโยบาย 3 ประการ คือ 1.การพัฒนาศักยภาพของโอกาสทางธุรกิจแอมเวย์ โดยการตั้ง “สถาบันฝึกอบรมแอมเวย์ (Amway Training Institute)” ผลิตนักธุรกิจแอมเวย์มืออาชีพที่มีมาตรฐาน ผ่านนวัตกรรมทางด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะการใช้ สื่อออนไลน์เพื่อให้เข้าถึงข้อมูลและการฝึกฝนสำหรับผู้คนทุกกลุ่ม และทุกภูมิภาคของประเทศ และในฐานะที่แอมเวย์เป็น แม่แบบธุรกิจขายตรง บริษัทจึงมีพันธสัญญา ที่จะก้าวนำและยกระดับธุรกิจโดยรวม ขณะ เดียวกันยังสนับสนุนให้เกิดการสร้างงานสร้างรายได้ที่มั่นคง เพื่อตอบรับกับเทรนด์คนรุ่นใหม่ที่ต้องการเป็นเจ้าของธุรกิจส่วนตัวที่มีการลงทุนน้อย ความเสี่ยงต่ำ

“นโยบายในการสร้างแบรนด์แห่งนวัตกรรมประการที่ 2 คือ การพัฒนาการดำเนิน งานให้สอดรับกับโลกยุคใหม่ ด้วยเทรนด์ที่ผู้บริโภคต้องการเข้าถึงข้อมูลและสินค้าได้ทุกที่ ทุกเวลา (Anywhere Anytime) ดังนั้น บริษัทจึงได้พัฒนาช่องทางให้ผู้บริโภคติดต่อ กับบริษัทได้ง่ายขึ้น สะดวกขึ้น เช่น การเปิด แอมเวย์ช็อปให้ครบทุกจังหวัดของประเทศภายใน 2 ปี ซึ่งจะใช้เงินลงทุนประมาณ 200 ล้านบาท, การสร้างเครือข่ายการสื่อสารของ นักธุรกิจแอมเวย์ผ่านโซเชียล เน็ตเวิร์กใน 3 เฟซบุ๊กและทวิตเตอร์, การเปลี่ยนโฉมเว็บไซต์แอมเวย์ให้เป็นเอกภาพของแอมเวย์ทั่วโลก โดยใช้ “โกลบอล เว็บ แบรนด์ เซ็นเตอร์ (Global Web Brand Center)” เพื่อให้นักธุรกิจแอมเวย์สามารถติดต่อและแบ่งปันข้อมูลระดับนานาชาติได้แบบเรียลไทม์ ซึ่งจะเริ่มใช้ปลายปีนี้ รวมทั้งการก้าวสู่ธุรกิจที่ดำเนินการบนมือถือ (Business on Mobile) ด้วยการพัฒนาแอพพลิเคชั่นใหม่ๆ ของแอมเวย์บนมือถืออย่างต่อเนื่อง ส่วนนโยบายประการที่ 3 คือ การพัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานขององค์กร โดย บริษัทได้นำซอฟต์แวร์ของข้อมูลเชิงลึกในการพัฒนาทรัพยากรบุคคลมาใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของบุคลากรให้มากยิ่งขึ้น”

“ที่ผ่านมาสมาชิกของบริษัทมีลักษณะการทำธุรกิจแบบตัวต่อตัว แต่เมื่อในปัจจุบัน และในอนาคต เรื่องเกี่ยวกับเทคโนโลยีถือเป็นสิ่งสำคัญ บริษัทจึงต้องใช้ความผสมผสานกันระหว่างการทำงานผ่านเครื่องมือทางเทคโนโลยีและการเข้าถึงผู้บริโภคแบบเผชิญหน้าตัวต่อตัว คือไม่ได้หมายความว่า บริษัทจะทิ้งรูปแบบการดำเนินธุรกิจแบบเก่า เพราะการทำงานขายตรงสุดท้ายเราก็ยังต้องเน้นความสัมพันธ์แบบเผชิญหน้า ซึ่งระบบไฮเทคเหล่านี้เป็นเพียงเครื่องมือในการ ใช้ติดต่อสื่อสารระหว่างบุคคลเท่านั้นเอง” นายกิจธวัช ชี้แจง

ส่วนกลยุทธ์ที่ 2 ของทีมผู้บริหารใหม่ คือ แบรนด์ที่ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ (Brand of Lifestyle Solutions) “บริษัทจะนำเสนอวิธีที่จะตอบสนองวิถีการดำเนิน ชีวิตหรือแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นให้กับผู้คนในทุกๆ กลุ่ม ดังนั้น ลักษณะของสินค้าจะเป็นสินค้าเฉพาะบุคคลมากขึ้น (Personalized) เพื่อส่งมอบประสบการณ์อันประทับใจ และ ด้วยจุดเด่นของความเป็นแบรนด์ที่มีผลิตภัณฑ์ และบริการหลากหลายของแอมเวย์ บริษัท จะสร้างโปรแกรมโซลูชั่นด้านสุขภาพ ความ งามและการบริการให้แก่ลูกค้าอย่างครบวงจร อาทิ โปรแกรมสำหรับพฤติกรรมการ บริโภคสมัยใหม่, โปรแกรมการควบคุมน้ำหนัก, โปรแกรมเพื่อตอบสนองให้ผู้สูงวัยมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น, โปรแกรมสำหรับภาวะ โลกที่เปลี่ยนไป, และโปรแกรมเพื่อตอบสนองชีวิตที่เร่งรีบ เป็นต้น เพื่อสนับสนุนโอกาสทางธุรกิจที่ขยายตัวมากขึ้น”

“กลยุทธ์ที่ 3.แบรนด์แห่งจิตสำนึกเพื่อทุกคนในสังคม (Brand of Corporate Responsibility) ด้วยรากฐานแห่งธุรกิจแอมเวย์ที่ต้องการมอบโอกาสที่ดีให้แก่ผู้คน บริษัทจึงดำเนินกิจกรรมเพื่อตอบแทนสังคม อย่างต่อเนื่อง และกำหนดเป็นหนึ่งในนโยบาย หลักที่สำคัญของธุรกิจ โดยแบ่งเป็นด้านการ ช่วยเหลือสังคม ซึ่งบริษัทยังคงเน้นการสนับสนุนเรื่องการศึกษาและสุขภาพของเด็ก และผู้ด้อยโอกาส, ด้านการรักษาสิ่งแวดล้อม แอมเวย์ได้รณรงค์ให้เครือข่ายนักธุรกิจตระหนักในการร่วมรักษาสิ่งแวดล้อมผ่านกิจกรรมต่างๆ โดยล่าสุดแอมเวย์ได้เตรียมเปิดตัวสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ที่ออกแบบด้วยแนวคิดการรักษาสิ่งแวดล้อม (Green Concept) เพื่อช่วยลดการใช้พลังงานของ โลก นอกจากนี้ การสร้างแบรนด์แห่งจิตสำนึกเพื่อทุกคนในสังคมด้านอื่นๆ ได้แก่ พนักงานและคู่ค้าที่แอมเวย์ใช้วิธีการดำเนิน ธุรกิจเพื่อเติบโตไปพร้อมๆ กัน สร้างบุคลากร และสร้างเศรษฐกิจของประเทศด้วยกัน”
ทั้งนี้นายกิจธวัช ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า “ปีนี้เป็นปีพิเศษที่แอมเวย์ครบรอบ 25 ปีของการดำเนินงานในประเทศไทย บริษัทจึง เตรียมฉลองครั้งยิ่งใหญ่กับกิจกรรมการตลาดแบบครบวงจร และการตอบแทนสังคม โดยคาดว่าในปีนี้บริษัทจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% หรือตั้งเป้าหมายว่าปีนี้บริษัทจะปิดยอดขายให้ได้ 2 หมื่นล้านบาท”

“แต่อย่างไรก็ดี ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ บริษัทเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% หรือ 2 หมื่นล้านบาทในปีนี้ มี 3 ประการหลักๆ ประการ แรกคือ ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขว่า บริษัทจะ ไม่เจอกับเหตุการณ์ใดๆ ก็ตามที่คาดไม่ถึง อย่างเช่น กรณีอุทกภัยอย่างที่เคยเกิดขึ้นใน ปีที่แล้ว เพราะวิกฤติในครั้งนั้นทำให้ยอดขาย ของแอมเวย์ลดลงถึงประมาณ 8% จากปกติ ที่จะโตประมาณ 15% ทุกปี ประการที่สอง ในส่วนของภาครัฐบาล ซึ่งจะต้องเข้ามา สนับสนุนเศรษฐกิจของประเทศด้วยโครงการ ต่างๆ เพื่อเป็นอีกหนึ่งแรงกระตุ้นในการทำให้เศรษฐกิจประเทศฟื้นตัวได้เร็วขึ้น และประการที่สามคือ การบริหารจัดการของบริษัทเอง”

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: นสพ.สยามธุรกิจ ฉบับที่ 1274 ประจำวันที่ 11-2-2012 ถึง 14-2-2012

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น