ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันพุธที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

‘ดร.สาโรช’ปรับทัพสู้ศึกปีมังกร อัดยาแรงสร้างแบรนด์เสริมความแกร่ง



จูนคลื่นธุรกิจ “ดร.สาโรช” ปี’55 เปิดเกมบู๊สุดตัว หวังปลุกธุรกิจตื่น!...ประกาศเตรียมสร้างแรงเหวี่ยงธุรกิจให้เติบโตอีกครั้ง พร้อมย้ำ! ยังคงเดินหน้าสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง พร้อมบุกตลาดแบบครบเครื่อง ทั้งการประชาสัมพันธ์ และจัดโปรโมชั่นอย่างต่อเนื่อง…แย้มแผนตลาดเชิงรุก เตรียมเน้นลงพื้นที่ 5 ภาคส่วน ด้วยวิธีการส่งเสริมลูกค้าเดิมที่มีประสบการณ์ในการขายอยู่แล้วลงพื้นที่ หวังช่วยขยายตลาดอีกทาง เผยยอมรับปีนี้ นับเป็นปีที่ท้าทายความสามารถของบริษัทฯ อย่างมากทีเดียว
... “การที่จะได้อะไรมาเพื่อความยิ่งใหญ่ มักต้องแลกกับความสูญเสียเสมอ”… เฉกเช่นการทำธุรกิจย่อมมีอุปสรรคบ้างเป็นธรรมดา “บริษัท ผลิตภัณฑ์สมุนไพร ดร.สาโรช จำกัด” ก็เช่นกัน ที่กว่าจะมายืนตรงจุดนี้ได้จนถึงปัจจุบัน ต้องบอกว่าเหนื่อยเอาการเลยทีเดียว...เพราะต้องเจอกับหลายสิ่งหลายอย่างที่โหมกระหน่ำซัดธุรกิจแบบไม่ทันตั้งตัว แต่ค่ายนี้ก็ยังสามารถฝ่าฟันมาได้จนถึงปัจจุบัน
หากพูดถึง “บริษัท ผลิตภัณฑ์สมุนไพร ดร.สาโรช จำกัด” ถือเป็นอีกหนึ่งค่ายขายตรงที่มีปณิธานเพื่อต้องการทำธุรกิจแบบโปร่งใส โดยยึดหลักคุณธรรมนำหน้าธุรกิจเป็นที่ตั้ง โดยค่ายนี้เริ่มก่อร้างสร้างฐานธุรกิจในปี พ.ศ.2534 ปัจจุบันมีแม่ทัพใหญ่นำทัพหน้านั่นก็คือ “ดร.สาโรช ธีรศิลป” ปัจจุบันดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ โดยแม่ทัพท่านนี้ถือเป็นอีกหนึ่งฟันเฟืองที่สำคัญในการนำธุรกิจ ดร.สาโรช ให้ประสบความสำเร็จจนถึงปัจจุบันนี้นั่นเอง..!
ที่สำคัญ ณ ชั่วโมงนั้น ต้องบอกว่า “ดร.สาโรช” เปรียบเสมือน “พญาอินทรีย์” ที่ขณะนี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องกระพือปีกบินให้แรง!...เพื่อช่วงชิงความได้เปรียบในทางธุรกิจ...เห็นได้จาก ยุทธศาสตร์การบุกตลาดของค่ายนี้เริ่มที่จะส่งสัญญาณออกมาให้เห็นเป็นรูปธรรมบ้างแล้ว ทั้ง “เชิงรุก” และ “เชิงรับ”...มาดูกันว่าปีมังกรทองนี้ ค่าย “ดร.สาโรช” จะมีทีเด็ดอะไรที่จะมาสร้างความสั่นไหวของธุรกิจเครือข่ายบ้าง และในปีที่ผ่านมา ค่าย “ดร.สาโรช” เจอกับวิกฤติอะไรบ้าง
โดยทางด้าน “ดร.สาโรช ธีรศิลป” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์สมุนไพร ดร.สาโรช จำกัด ได้เผยต่อ “ตลาดวิเคราะห์” ว่า ในช่วงปี 2554 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีแนวโน้มเติบโตในทิศทางที่บวกแต่ถือว่ายังไม่หวือหวามากนัก แต่ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าวิกฤติน้ำท่วมในปลายปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้รับผลกระทบเช่นกัน ส่งผลให้การทำงานหลายๆ อย่างของบริษัทฯ ต้องติดขัดไป ซึ่งโรงงานได้รับผลกระทบส่วนหนึ่ง เช่น เครื่องจักร และทรัพยากรบางส่วน เป็นต้น
“ในช่วงวิกฤติน้ำท่วมที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่า กำลังซื้อหรือผู้บริโภคได้หดหายไป ทำให้ยอดขายของบริษัทฯ ในช่วงปลายปีชะลอตัวลง และการขยายตัวของธุรกิจอยู่ในระดับที่ไม่สูงนัก ในปีที่ผ่านมาในเรื่องขององค์กร บริษัทฯ มีการระมัดระวังในเรื่องการใช้จ่าย ลดขนาดองค์กรให้เล็กลงและใช้เทคโนโลยีต่างๆ ให้มากขึ้น ด้วยจุดนี้เอง ที่ทำให้บริษัทฯ สามารถฝ่าจุดที่วิกฤตินั้นมาได้ อีกทั้งบริษัทฯ ยังได้มีการพัฒนาระบบการทำงานให้ง่ายขึ้น มีความสะดวกต่อผู้ประกอบธุรกิจอิสระ ปรับแผนการตลาด ปรับโปรโมชั่น และใช้สื่อประชาสัมพันธ์ที่เหมาะสม เพื่อประคับประคองยอดขายของบริษัทฯ ให้ยังคงสามารถช่วงชิงส่วนแบ่งของตลาดได้เพิ่มขึ้น และเติบโตขึ้นไปเรื่อยๆ”
สำหรับยุทธ์ศาสตร์ในการบุกตลาดในปี 2555 นั้น “ดร.สาโรช” เผยว่า ต้องยอมรับว่าเศรษฐกิจและสถานการณ์ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์น้ำท่วมที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ โดยเฉพาะสินค้าที่มีความจำเป็นรองจากสินค้าอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวันอย่างเครื่องสำอางของเรา ส่งผลให้ในปีนี้ บริษัทฯ จึงจำเป็นต้องวางแผนด้านการตลาดให้สามารถที่จะประคองตัวต่อไปได้ ถึงแม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจบ้านเราจะยังไม่ดีขึ้นก็ตาม แต่สำหรับนโยบายการตลาดของบริษัทฯ นั้น ยังคงเดินหน้าทำตลาดอย่างต่อเนื่อง ทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทุกชนิดให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป ด้วยการยกระดับสินค้า และสร้างความพึงพอใจในการใช้สินค้าที่มีคุณภาพยิ่งขึ้น
“ปีนี้นับเป็นปีที่ท้าทายความสามารถของบริษัทฯ ในการปรับตัวรับการแข่งขันที่สูงขึ้น ด้วยทางเลือกที่มีหลากหลาย และเงินทุกบาทต้องใช้จ่ายอย่างคุ้มค่า เพราะทั้งสถานการณ์อุทกภัยจากธรรมชาติ เศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบ ทำให้ผู้บริโภคมีความถี่ถ้วนในการใช้จ่ายมากยิ่งขึ้น”
“ดร.สาโรช” เผยต่ออีกว่า หากจะให้มองถึงทิศทางของการวางแผนโฆษณาประชาสัมพันธ์ของบริษัทฯ นับจากนี้ จะเป็นเช่นไรนั้น ทางบริษัทฯ เองคงยังเน้นที่การทำกิจกรรมทางการตลาด และการโฆษณาอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งปัจจุบันหลายๆ บริษัทฯ อย่างบริษัทฯ ขายตรงยักษ์ใหญ่ อาจจะทุ่มเทงบประมาณไปกับการโฆษณาผ่านสื่อ แต่สำหรับบริษัทฯ แล้ว จะมีแนวทางนั้นร่วมด้วยในบางส่วน เช่น นิตยสารบันเทิงก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่บริษัทฯ ยังคงมีอยู่
ซึ่งนอกจากการทำโฆษณาแล้ว บริษัทฯ ยังได้จัดพนักงานเป็นทีมงานด้านการตลาดออกตลาดเยี่ยมเยียนศูนย์ตามพื้นที่ต่างๆ ด้วย เพื่อสนับสนุนการจัดกิจกรรมทางการตลาด รวมทั้งสอบถามความต้องการของศูนย์ เพื่อให้สามารถตอบสนองและให้ความช่วยเหลือในด้านต่างๆ ให้สอด คล้องกับความต้องการของลูกค้ามากที่สุด พร้อมจัดให้มีการทำวิจัยถึงความพึงพอใจของลูกค้าที่มีต่อผลิตภัณฑ์ เพื่อนำข้อมูลไปพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เกิดประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้บริโภคพึงพอใจ และที่สำคัญคือ การซื้อซ้ำเพราะเป็นจุดหนึ่งที่ทำให้บริษัทฯ อยู่ได้
ส่วนกลยุทธ์การตลาดนั้น บริษัทฯ ยังคงเน้นการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง และการส่งเสริมการตลาดด้วยการออกตลาด ทำการประชาสัมพันธ์ตามต่างจังหวัด และจัดโปรโมชั่นมากมายอย่างต่อเนื่อง มีการวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาด เช่น จัดอบรมให้กับสมาชิกและผู้ที่สนใจร่วมดำเนินธุรกิจเพื่อเป็นการขยายฐานธุรกิจขายตรงและรีครูทตัวแทนหน้าใหม่เข้าสู่วงการมากยิ่งขึ้น เพื่อการดำเนินงานที่จะขยายฐานสมาชิกออกไป พร้อมกับนำเสนอผลิต ภัณฑ์ที่มีคุณภาพ
“ดร.สาโรช” กล่าวต่ออีกว่า นอกจากจุดเด่นเรื่องคุณภาพสินค้าแล้ว บริษัทฯ ยังมีนโยบายที่จะขยายตลาดให้กว้างและกระจายสินค้าให้ครอบคลุม โดยในปีนี้บริษัทฯ จะปรับแผนการรุกตลาด มีการวางแผนตลาดเชิงรุก โดยในแผนจะแบ่งเป็น 5 ภาคส่วน โดยแบ่งตามภาค ได้แก่ กรุงเทพฯ ปริมณฑล ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้ มีผู้ดูแลและช่วยขยายตลาดอย่างใกล้ชิด เพิ่มช่องทางการหาสมาชิกให้ลูกค้า โดยใช้วิธีการที่ส่งเสริมลูกค้าเดิมมีประสบการณ์ในการขายอยู่แล้วผสมผสานกับวิธีการทางการตลาดแนวใหม่ๆ นำไปใช้ในการช่วยขยายตลาด ซึ่งต้องมุ่งเน้นไปที่การชูสินค้าคุณภาพดีนำแผนการตลาด เน้นผลิตภัณฑ์มากกว่าการขายแผนการตลาด เพื่อเป็นการทำให้ผู้บริโภคเชื่อมั่นในตัวสินค้า ใช้แล้วสวย แถมมีรายได้เข้ามาอีกนั่นเอง
ส่วนสินค้าที่จะเข้ามาเสริมทัพในปีนี้นั้น “ดร.สาโรช” เผยว่า นอกจากสินค้าเพื่อความสวยความงามแล้ว รูปแบบสินค้าของดร.สาโรช แล้ว ยังคงเป็นสินค้าสมุนไพรเพื่อความงามและสุขภาพ ขายสินค้าเพื่อสุขภาพที่ราคาไม่แพงเกินไป เนื่องจากปัจจุบันนี้ไม่มีใครอยากเข้าโรงพยาบาล เพราะค่าใช้จ่ายสูง ทำให้คนหันมาให้ความสำคัญกับสุขภาพในเชิงป้องกันมากกว่าการรักษา จึงเชื่อว่าสินค้าเพื่อสุขภาพจะเป็นอีกผลิตภัณฑ์หนึ่งที่มาแรง และเจาะกลุ่มผู้บริโภคได้มากขึ้น ที่สำคัญ บริษัทฯ ยังหวังในกลุ่มลูกค้าหลักสำหรับตลาดในอนาคต นั่นคือ กลุ่มลูกค้าที่มีอายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป และกลุ่มคนสูงอายุ เหตุผลก็เพราะคนกลุ่มนี้เริ่มมีสถานะทางการเงินที่มั่นคง มีกำลังซื้อที่ดีนั่นเอง ซึ่งสินค้าของบริษัทฯ ก็ต้องสามารถตอบโจทย์ได้ตรงใจด้วยเช่นกัน
สำหรับความเคลื่อนไหวของสมาชิกในปัจจุบันนี้นั้น “ดร.สาโรช” เผยว่า ในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ แม้ว่าการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศไม่สามารถทำได้ในเวลาอันสั้น ทุกคนต่างได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์บ้านเมืองที่ผ่านมา ซึ่งรวมทั้งธุรกิจขายตรง ที่เคยเติบโตสวนกระแสมาโดยตลอด แต่ผู้บริหารการขายและสมาชิกของบริษัทฯ ก็ยังคงประคองตัวเองมาได้ และพร้อมรับมือกับทุกเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลง ทั้งเชิงรุกและเชิงรับ
“ในสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ เมื่อทุกคนสามารถขยายฐานเครือข่ายได้แล้ว สิ่งที่สำคัญต่อจากนั้น คือ การรักษาสมาชิกไว้ อย่าให้หลงผิดไปกับธุรกิจที่ล่อแหลม เพราะสิ่งท้าทายที่มักพบเจอในภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดี นั่นคือ จะมีบริษัทฯ หน้าใหม่รายอื่นมาดึงนักขายในเครือข่ายของตัวเองออกไป ดังนั้นการให้ความรู้ความเข้าใจเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ในเบื้องต้นเราต้องสร้างจรรยาบรรณ สร้างความจงรักภักดีต่อองค์กรให้ฝังรากลึกจริงๆ ให้กับผู้บริหารการขายและสมาชิกของเราให้ได้”
“ดร.สาโรช” เผยต่ออีกว่า ปัจจุบันนี้ อาจมีการฉวยโอกาสของหลุมพรางที่หวังผลตอบแทนอย่างแชร์ลูกโซ่ แต่ในภาวะเช่นนี้มองว่า ถือเป็นโอกาสของเรา ซึ่งต้องมีการวางแผนรองรับ ต้องคิดทำอะไรที่แตกต่าง น่าสนใจ พยายามใช้เทคโนโลยีให้มากขึ้น จึงจะสามารถหาสมาชิกได้เพิ่มขึ้น และดึงยอดขายกลับคืนมา โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ อินเตอร์เน็ตเป็นเหมือนกุญแจในการทำให้ธุรกิจขับเคลื่อน น่าจะใช้ให้เกิดประโยชน์ ทุกวันนี้บริษัทฯ จึงได้มีการพัฒนาศูนย์ให้กลายเป็นศูนย์ออนไลน์ให้มากขึ้น เพราะจะได้ทำงานได้สะดวก ใช้เทคโนโลยีเป็นสื่อกลางบริษัทฯ
“วันนี้บริษัทฯ พร้อมที่จะสนับสนุนผู้บริหารการขายในทุกโอกาส และยังคงส่งพนักงานออกไปแนะนำและสนับสนุนผู้บริหารการขายในการใช้เทคโนโลยีรูปแบบต่างๆ รวมถึงการจัดกิจกรรมการตลาดอื่นๆ โดยเฉพาะในต่างจังหวัด ซึ่งเป็นฐานหลักในการขยายเครือข่ายของเรา ผู้บริโภคในต่างจังหวัดส่วนใหญ่เป็นลูกค้าเดิม สามารถที่จะปลุกกระแสได้ง่าย และเมื่อใช้สินค้าดีแล้ว เขาก็จะมีการบอกต่อ ทำให้สินค้าไปได้ไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งในการเข้าไปในทุกๆภาคนั้น บริษัทฯ ได้ร่วมมือกับนักขายด้วย มีการอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับการทำธุรกิจ และกระตุ้น สร้างขวัญกำลังใจให้กันและกัน มีการช่วยเหลือให้กลับมามีไฟกันอีกครั้งในการทำธุรกิจ”
“ดร.สาโรช” เสริมต่ออีกว่า อีกหนึ่งหัวใจสำคัญของธุรกิจขายตรงที่ขาดไม่ได้นั่นก็คือ การฝึกอบรม โดยการฝึกอบรมของดร.สาโรช จะมีการฝึกอบรมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแบ่งได้เป็น 2 ส่วน คือ 1.การอบรมนักธุรกิจใหม่ ดร.สาโรช โดยจัดเป็น 3 แบบ ประกอบด้วย แบบที่ 1 เรียกว่า การจัดประชุมโดยแม่ทีมจัดประชุมเป็นกลุ่มย่อย 4-5 คน เป็นการอบรมสมาชิกใหม่ เป็นการอบรมครั้งแรกให้กับผู้มุ่งหวังที่สมาชิกผู้จำหน่ายชักชวนมา อธิบายเรื่องเกี่ยวกับการใช้ผลิตภัณฑ์เบื้องต้น เป็นการอบรมผลิตภัณฑ์ เป็นหลักสูตรการอบรมผลิตภัณฑ์แต่ละชนิด แต่ละประเภทของบริษัทฯ ซึ่งต้องแบ่งเป็นหลายหลักสูตรตามกลุ่มผลิตภัณฑ์ เพื่อให้สมาชิกผู้จำหน่ายมีความรู้และทักษะมากพอ
แบบที่ 2 จะมีพนักงานจาก บริษัทฯ เข้าไปช่วย ซึ่งจะเป็นกลุ่มใหญ่ขึ้นและทางศูนย์เป็นผู้เชิญชวนสมาชิกเข้ามา และความร่วมมือมายังบริษัทฯ มีวัตถุประสงค์ของการอบรม คือ การให้ความรู้เพื่อให้รู้จักบริษัทฯ ผลิตภัณฑ์ และโครงสร้างผลตอบแทนที่เรียกว่าแผนการตลาดอย่างลึกซึ้ง และจูงใจให้ซื้อผลิตภัณฑ์หรือสมาชิก เป็นสมาชิกเพื่อทำธุรกิจเครือข่าย
แบบที่ 3 จะเป็นการให้ทางศูนย์คัดเลือกสมาชิกที่มีความสามารถที่จะดำเนินธุรกิจได้มาอบรมที่บริษัทฯ เป็นการประชุมโอกาสทางธุรกิจ และบริษัทฯ ก็จะเชิญวิทยากรที่มีความรู้ความสามารถมาบรรยายให้ฟัง หรือมีการส่งเสริมรายได้ด้วยการสอนการทำสปา ขัดหน้า นวดหน้า ร่วมด้วย การอบรมหลักสูตรเกี่ยวกับการพูด เพราะการพูดเป็นทักษะสำคัญในการดำเนินธุรกิจขายตรง ดังนั้นหลักสูตรการฝึกพูด การเป็นวิทยากร เป็นหลักสูตรสำคัญที่ต้องมีไว้รองรับการขยายเครือข่ายสมาชิก
และส่วนที่ 2 คือ การเพิ่มศักยภาพผู้บริหารศูนย์ ดร.สาโรช ซึ่งจะมีการอบรมผู้บริหารศูนย์ โดยพัฒนาในทุกแง่มุมที่จะส่งผลต่อการทำธุรกิจ มาหาแนวทางการขยายตลาดร่วมกัน รวมทั้งมีวิสัยทัศน์ไปในทิศทางเดียวกัน อาจมีการจัดอบรมหลักสูตรเฉพาะความสนใจ เป็นการจัดทำหลักสูตรฝึกอบรมเพื่อสนองตอบต่อสมาชิกที่มีความต้องการพัฒนาตนเองในด้านต่างๆ เช่น การขาย จิตวิทยาฯ หรือการอบรมสัมมนาที่มุ่งเน้นการมีส่วนร่วมและการสร้างสัมพันธภาพที่ดีระหว่างสมาชิกและบริษัทฯ อาจจัดเป็นครั้งคราว การอบรมที่แทรกอยู่ในงานมอบรางวัลต่างๆ หรือการให้ผู้ประสบความสำเร็จ กล่าวถึงที่มาของความสำเร็จ หรือการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในโอกาสต่างๆ เป็นต้น
...ทั้งนี้ เมื่อทีมข่าว “ตลาดวิเคราะห์” ถามถึงสิ่งที่อยากจะปรับปรุงแก้ไขเปลี่ยนแปลงและต้องการนำมาเสริมทัพความแข็งแกร่งของธุรกิจนับจากนี้มีอะไรบ้างนั้น “ดร.สาโรช” บอกว่า ภายใต้ภาวะวิกฤติของภัยธรรมชาติที่ไม่แน่นอนในช่วงนี้ ทำให้บริษัทฯ เองต้องเตรียมรับมือให้พร้อม เพราะที่ผ่านมาโรงงานของดร.สาโรช ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วม เกิดความเสียหายไปบางส่วน ซึ่งทางบริษัทฯ ก็ได้ดำเนินการปรับปรุงโรงงานให้ทุกอย่างเข้าสู่สภาวะปกติ และเตรียมพร้อมหาทางแก้ปัญหา ถ้าเกิดปัญหาอุทกภัยขึ้นมาอีกในปีนี้
พร้อมกับต้องการที่จะปรับปรุงการทำงานของธุรกิจภายในให้ดีขึ้นกว่าเดิม โดยเน้นการปรับปรุงประสิทธิภาพ ลดต้นทุน เพิ่มคุณภาพในตัวสินค้า การจัดการองค์กรภายในให้มีประสิทธิ ภาพมากขึ้น รวมถึงการปรับตัวให้ทันกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยน แปลงไป ซึ่งธุรกิจของดร.สาโรช จะใช้วิธีปรับยุทธวิธีให้หลากหลายแตกต่างกันไปตามตลาดแต่ละกลุ่มหรือพื้นที่ เน้นการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ โดยเน้นการสร้างแนวคิดใหม่และทำในสิ่งใหม่ๆ ที่ไม่มีใครเคยคิดหรือเคยทำมาก่อน อย่างการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ทันกระแสความนิยมของผู้บริโภค แต่ก็ต้องอาศัยผู้จัดการที่มีความสามารถในการบริหาร และบริหารทักษะ ความถนัดและขีดความสามารถของพนักงาน รู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงภายนอก และปรับขบวนยุทธ์ให้สอดคล้องกับสภาวะที่เปลี่ยน แปลงไป เป็นต้น
สำหรับทิศทางธุรกิจขายตรงในปี 2555 นั้น “ดร.สาโรช” มองว่า ยังเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตในทิศทางบวก เพราะธุรกิจขายตรงยังสามารถตอบสนองความมั่นคงทางการเงินให้แก่คนที่สนใจ เข้ามาร่วมธุรกิจได้พอสมควร และยังมีความต้องการจากผู้ที่ต้องการสร้างรายได้เสริมในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำอีกบางส่วน นอกจาก นั้น ยังมีความวิตกกังวลเรื่องปัญหาภัยธรรมชาติและการเมืองภายในประเทศที่ยังไม่แน่นอนเช่นกัน ทำให้การขยายตัวของธุรกิจจะอยู่ในระดับที่ไม่สูงนัก แต่ในปัจจุบันผู้บริโภคให้การยอมรับและมองภาพลักษณ์ธุรกิจขายตรงดีขึ้นมาก เห็นได้จาก กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ก่อนหน้านี้ไม่ให้ความสนใจอาชีพขายตรง แต่ปัจจุบันกลุ่มนี้มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน เพราะมองว่าไม่ใช่เป็นอาชีพไกลตัว แต่เป็นอีกอาชีพหนึ่งที่จะเพิ่มรายได้โดยไม่ทำให้วิถีชีวิตเปลี่ยนไป
ขณะเดียวกัน การแข่งขันในตลาดก็คงมีสูงเช่นกัน และสิ่งที่น่าห่วงนับจากนี้ คือ จะเริ่มเห็นการช่วงชิงความได้เปรียบมากขึ้นในตลาดขายตรง โดยหากเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ จะเป็นการใช้สื่อเพื่อโปรโมทตัวเองมากขึ้น เพื่อไม่ให้ตก กระแส แต่ในขณะเดียวกัน บริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กก็ต้องมีการโปรโมทตัวเองมากด้วยเช่นกัน

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: นสพ.ตลาดวิเคราะห์ ฉบับที่ 315 ประจำวันที่ 1 - 15 มีนาคม 2555

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น