ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันศุกร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

‘กิฟฟารีน’จัด‘50 ล้าน’ฟื้นฟูโรงงาน ‘หมอต้อย’ดีเดย์ 20 ธ.ค.เดินเครื่องผลิตสู่ภาวะปกติ พญ.นลินี ไพบูลย์ ประธานกรรมการ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด



“เราเป็นโรงงานสุดท้ายในนวนครที่ถูกน้ำโจมตี
จากจำนวน 221 โรงงาน”

เมื่อ 2 ฉบับก่อน “เส้นทางนักขาย” นำเสนอสกู๊ปพิเศษ...ห้วงวิกฤตน้ำพิโรธ! “กิฟฟารีน” หนึ่งเดียวแห่ง “นวนคร”…ว่าด้วยเรื่องราวของการต่อสู้กับ “มหาอุทกภัย” เพื่อปกป้องโรงงานของ “กิฟฟารีน” ที่ตั้งอยู่ใน “นิคมอุตสาหกรรมนวนคร” ภายใต้การบริหารงานของ “พญ.นลินี ไพบูลย์” ประธานกรรมการ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด
“BIZ RECORD” ฉบับนี้จึงขอนำเสนอบทสัมภาษณ์พิเศษของ “พญ.นลินี” ที่ให้สัมภาษณ์ผ่าน “รายการโทรทัศน์เส้นทางนักขาย” ออกอากาศทางเนชั่นทีวีไปเมื่อไม่นานมานี้ ถึงลำดับขั้นต่อไปของการฟื้นฟูโรงงานหลังน้ำลด จนถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ผ่านมา
อาณาจักร‘กิฟฟารีน’บนเนื้อที่ 25ไร่

เริ่มต้นด้วยการย้อนไปดูข้อมูลของ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัดโดยได้เปิดดำเนินธุรกิจมาตั้งแต่วันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2539 ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์หลากหลายชนิดกว่า 2,000 รายการ มีศูนย์ธุรกิจมากกว่า 100 แห่งทั่วประเทศ

ต่อมาในปีพ.ศ.2551 บริษัท กิฟฟารีนสกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด มีการจัดตั้งโรงงานเพื่อผลิตผลิตภัณฑ์ภายใต้ชื่อ กิฟฟารีน และแพททรีนา โดยโรงงานของกิฟฟารีนใช้งบลงทุน 700 ล้านบาท ตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 25 ไร่ ในนิคมอุตสาหกรรมนวนคร อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ออกแบบถูกต้องตามหลัก GMP (Good Manufacturing Practice) ทั้งในด้านโครงสร้างและวัสดุที่ใช้ เป็นโรงงานที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการผลิตระดับสากล สามารถรองรับกำลังการผลิตได้มากกว่า 10,000,000 ชิ้น/เดือน ดำเนินงานโดยบุคลากรมืออาชีพ อีกทั้งยังเป็นโรงงานที่รักษาสิ่งแวดล้อมอีกด้วย โรงงานในกลุ่มบริษัท กิฟฟารีน ประกอบไปด้วย 3 บริษัท

ได้แก่ 1. บริษัท สกายไลน์ แลบบอราทอรี่ จำกัด ผลิตเครื่องสำอางประเภท ครีม ของเหลว แป้งสำหรับผิวหน้า ผิวกาย ลิปสติก น้ำหอม และผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน ภายใต้ชื่อ “Giffarine”
2. บริษัท สกายไลน์ เฮลท์แคร์ จำกัด ผลิตอาหารเสริมเพื่อสุขภาพและกลุ่มยาแผนโบราณ
3. บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ แลบบอราทอรี่ แอนด์ เฮลท์แคร์ ดูแลงานด้านการตลาดระหว่างประเทศ รวมทั้งงานในส่วนของห้องปฏิบัติการกลาง หรือ Central Lab ซึ่งเป็นผู้ตรวจสอบคุณภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ที่ผลิตโดยโรงงานในกลุ่มบริษัทกิฟฟารีน

ได้รับรางวัลมากมาย อาทิเช่น รางวัลผู้ส่งออกสินค้าและบริการดีเด่นประจำปี 2553 หรือ PM Award 2010ประเภทที่ใช้ตราสินค้าของตนเอง (Thai – Owned Brand), รางวัล Superbrands2008-2010 จาก Superbrands ประเทศไทย, รางวัล อย. Quality Award 2009 จากส านักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุข, ใบรับรองมาตรฐาน ISO 9001 : 2008 จากหน่วยงาน Bureau Veritas Certification Accredited by ANAB, ใบรับรองระบบจัดการสุขลักษณะ GMP จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุข, GMP การผลิตเครื่องสำอาง, GMP การผลิตยาจากสมุนไพร, GMP การผลิตอาหาร

คาด‘20 ธ.ค.’โรงงานกลับสู่ภาวะปกติ

สำหรับ “ความเคลื่อนไหวล่าสุด” ของการวางแผนจัดการฟื้นฟูโรงงานกิฟฟารีนนั้น “พญ.นลินี” คาดว่าหลังจากได้เริ่มสูบน้ำออกตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายน “ในวันที่ 1 ธันวาคมนี้” พื้นโรงงานของ กิฟฟารีนคงจะแห้งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เหลือแต่ในส่วนของถนนโดยรอบที่อาจใช้เวลาอีกพักหนึ่ง เนื่องจากโดยปกติแล้วพื้นที่ของโรงงานถมสูงกว่าถนน

“ส่วนหนึ่งที่เราดีใจคือ เราได้ป้องกันอย่างดีไว้หมดแล้ว ย้ายเครื่องจักรสำคัญขึ้นที่สูง ตัดสินใจหยุดการผลิตก่อนที่นวนครน้ำจะเข้า แม้สุดท้ายน้ำจะเข้ามาได้เพราะความสูงเกินระดับรั้วป้องกันของเรา แต่ก็เสียหายน้อยมาก เพราะเราเตรียมความพร้อมตั้งแต่เห็นน้ำล้อมนิคมโรจนะแล้ว กิฟฟารีนเป็นโรงงานรายแรกในนวนครที่สร้างระบบป้องกัน และเราเป็นโรงงานสุดท้ายที่ถูกน้ำโจมตี จากทั้งหมดจำนวน 221 โรงงาน เราใช้กระสอบทรายถึง 30,000 กระสอบ ได้กำลังใจกำลังแรงจากสมาชิกจำนวนมากที่มาช่วยกันก่อกระสอบทรายเป็นที่ซาบซึ้งใจอย่างมาก”

ถึงตอนนี้ “พญ.นลินี” สรุปได้ว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นกับโรงงานน้อยมาก มีเพียงระบบความเย็นของโรงงานเท่านั้นที่เสียหาย ส่วนเครื่องจักรไม่เสียหายเลย เนื่องจากย้ายไปชั้น 2 ก่อนหน้านี้แล้ว ขณะที่วัตถุดิบและผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป ก็ไม่เสียหายเช่นเดียวกันเพราะย้ายทุกอย่างไปเก็บในที่ปลอดภัยเป็นที่เรียบร้อยไว้ล่วงหน้าเช่นกัน

“หลังน้ำลดเราคงต้องมาเช็คระบบแอร์ ระบบบำบัดน้ำเสีย ระบบทำน้ำบริสุทธิ์ ทั้งหมดเราได้สั่งซื้ออะไหล่ไว้ซ่อมบำรุงหมดแล้ว เพราะเล็งเห็นแล้วว่า ต้องมีการรอระยะเวลาจัดส่งแน่นอน เนื่องจากมีหลายรายที่ประสบปัญหาแบบนี้”

อย่างไรก็ดี “พญ.นลินี” คาดว่าโรงงานจะสามารถกลับมาดำเนินการผลิตได้ตามปกติประมาณ วันที่ 20 ธันวาคมนี้ ส่วนในเรื่องของการจำหน่ายสินค้านั้น ขอให้สมาชิกสบายใจได้ว่า สินค้าส่วนมากไม่ขาดตลาดแน่นอน เนื่องจากได้วางนโยบายเตรียมพร้อมในการผลิตสต็อกสินค้าเพิ่มขึ้นให้เพียงพอไปจนถึงเดือนธันวาคม โรงงานเร่งผลิตทำโอทีกันตั้งแต่ก่อนน้ำจะมาถึงประมาณครึ่งเดือน

“สมาชิกมั่นใจได้เลยว่าสินค้าของเราไม่ขาดตลาดจนถึงสิ้นเดือนธันวาคมแน่นอน ถ้าขาดก็เพียงบางรายการ ซึ่งไม่น่าเกิน 7 รายการ ขอให้ทุกคนสบายใจได้ ทั้งนี้สิ่งที่เป็นผลกระทบที่ชัดเจนไม่ใช่โรงงานน้ำท่วม แต่เป็นที่ศูนย์สาขาในกรุงเทพฯ แทบทุกศูนย์ต้องหยุดทำการ ประชุมไม่ได้ ขยายเครือข่ายยาก บ้านนักธุรกิจบางท่านก็น้ำท่วม อีกทั้งสมาชิกหลายคนอยู่ในอารมณ์เศร้าโศกจากการสูญเสีย จุดนี้คือสิ่งที่น่าห่วงที่สุด มากกว่าโรงงานน้ำท่วม”

เปิดตัวเลขงบฟื้นฟู ‘50 ล้านบาท’

ทางด้านของการประเมินตัวเลขความเสียหายและฟื้นฟูโรงงานในเบื้องต้นนั้น “พญ.นลินี” เปิดเผยว่า ในช่วงที่น้ำเข้ามาโรงงานสูงที่สุดคือประมาณ 1.20 เมตร ขณะที่ถนนด้านหน้าสูงที่ประมาณ 2 เมตรกว่า ดังนั้นหากจะตรวจสอบความเสียหายในเบื้องต้น บริษัทจึงคาดไว้ว่า หากส่วนไหนของโรงงานที่อยู่ในระดับต่ำกว่า 1.50 เมตร ก็มีสิทธิ์น้ำท่วมถึงแน่นอน ซึ่งความเสียหายดังกล่าวน่าจะใช้งบฟื้นฟูอยู่ที่ประมาณ “50 ล้านบาท”

“แต่ก็ไม่เป็นไรเพราะโชคดีอีกอย่างคือ อาคารของกิฟฟารีนทุกแห่งเราทำประกันอุทกภัยไว้อยู่แล้ว ดังนั้นก็สามารถเคลมประกันตามความเสียหาย 50 ล้านได้จากการคาดการณ์ในเบื้องต้น”

สิ่งที่สำคัญที่สุด “พญ.นลินี” บอกว่าคือการเยียวยา ดูแล และฟื้นฟูสภาพจิตใจ “นักธุรกิจกิฟฟารีน” ที่ทุกคนต้องคอยสอบถามกันและกันด้วยความเป็นห่วงว่าใครประสบภัยอย่างไรบ้าง ส่วนของบริษัทจะเข้าไปช่วยเหลือได้อย่างไร
“นอกจากนี้จะมีการออกโปรโมชั่น พิเศษเพื่อช่วยกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภค ที่ต้องบอกว่ายากที่สุด เพราะหลังน้ำลด สมาธิและกำลังซื้อทุกอย่างจะไปอยู่ที่การซ่อมบ้านแน่นอน”

ยอดขายต่างจังหวัดโตพุ่ง

ทางด้านเป้าหมายทางธุรกิจ ที่ขณะนี้มาถึงโค้งสุดท้ายของไตรมาส 4 แล้ว เหตุการณ์อุทกภัยสร้างผลกระทบต่อยอดขายโดยรวมของกิฟฟารีนอย่างไรนั้น “พญ.นลินี” เปิดเผยว่า ยอดขายโดยรวมของ “กิฟฟารีน” ตั้งแต่ “1 ม.ค. - 31 ต.ค.” มีอัตราการเติบโตที่ 14 % ซึ่งถือว่าทำไว้ดีมาก กระทั่งมาพบกับมหาอุทกภัยครั้งนี้

“น้ำท่วมทำให้ยอดขายระหว่างวันที่ 1 – 12 พ.ย.ที่ผ่านมา มีการเติบโตลดลงกว่าปีก่อน เพราะเหตุการณ์น้ำท่วมทำให้ศูนย์ในกรุงเทพฯของเราหลายสาขาเปิดทำการไม่ได้ จัดประชุมไม่ได้ แต่น่ามหัศจรรย์ว่า ยอดขายในศูนย์พื้นที่ต่างจังหวัดกลับโตขึ้นมามหาศาล โดยเฉพาะทางใต้ที่โตขึ้นมากกว่า 30 % ภาคเหนือโตประมาณ 25 % ซึ่งทุกภาคบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า เขาอยากจะช่วยคนกรุงเทพฯ แต่ทั้งนี้เนื่องจากปกติแล้ว ไตรมาสสุดท้ายจะเป็นช่วงพีคของธุรกิจ หากเหตุการณ์น้ำท่วมยังไม่คลี่คลายก่อนปีใหม่ แน่นอนว่ายอดขายทั้งหมดจะได้รับผลกระทบแน่นอน”

อย่างไรก็ตามสุดท้าย “พญ.นลินี” ได้ฝากข้อคิดไปถึงทุกคนว่า “เหตุการณ์นี้จะทำให้คนไทยทุกคนเข้มแข็งมากขึ้นและไม่ประมาท ทุกคนควรหันมาเตรียมเงินออมฉุกเฉินให้จริงจังมากขึ้น ตอนนี้ทุกคนกำลังมีเงินใช้แบบเดือนชนเดือนหรือเปล่า แล้วถ้าเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น จะทำอย่างไร เคยวางแผนเตรียมการณ์ไว้บ้างไหม? หมอบอกทุกคนอยู่เสมอว่า อย่าใช้เงินเกินตัว เพราะหมอเองก็ไม่เคยประมาทเรื่องนี้ และหากอะไรจะเกิดขึ้น เราไม่ควรประมาท หมอจะพยายามเตรียมตัวก่อนคนอื่นเสมอก้าวหนึ่ง ใครจะว่าขี้กลัว ใครจะว่ากระต่ายตื่นตูม หมอไม่เคยสนเลย เพราะหมอดูแลคนเป็นแสนเป็นล้าน เราไม่มีสิทธิ์เสี่ยง เราไม่มีสิทธิ์ลุ้น สุดท้ายนี้ก็ขอให้กำลังใจกับทุกท่าน ให้ผ่านวิกฤตนี้ไปได้โดยเร็วที่สุด ขอให้ทุกคนมีหัวใจที่เข้มแข็งไว้เสมอ”
อ้างอิง : นสพ.เส้นทางนักขาย ฉบับที่ 217 ปักษ์แรก ประจำวันที่ 1-15 ธันวาคม 2554

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น